ตอนที่ 689 จบสิ้น
“อ้ะ”
เจ้าตัวน้อยกอดท่านพ่อเขาไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าตกใจมาก
ต้าซือมิ่งเองก็กอดลูกและภรรยาไว้ ความรู้สึกที่กำลังเตือนนั่นรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋ที่สัมผัสถึงความตึงเครียดของสองพ่อลูกย่อมเร่งความเร็วขึ้น
ผ่านไปไม่นาน พวกเขาทั้งครอบครัวก็เจอกับสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญาที่กำลังหนีเหล่านั้น
“ให้ตายเถอะ” เท่าที่เยี่ยนอวี๋เห็นข้างหน้าล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเหล่านั้น หาทางออกไปไม่ได้เลย
ที่สำคัญคือ กระบี่ไท่ชางไม่สามารถทำลายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ หากจะให้ดึงดันฝ่าไปแม้จะทำได้ แต่ก็มิอาจรับรองได้ว่าเบียดเข้าไปแล้วจะถูกกลืนกินหรือไม่
ถึงแม้บัดนี้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่มีเวลามาสนใจอยากจะกลืนกินเยี่ยนอวี๋พวกเขา แต่หากพวกเขาส่งตัวเองจ่อหน้าปาก พวกมันคงไม่ถือสาที่จะอ้าปากกิน
ทว่า… ต้าซือมิ่งคิดวิธีได้อย่างรวดเร็ว
“ลูก”
“อ้ะ?”
“ปล่อยดอกไม้ของเจ้าออกมา”
“ขอรับ…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ใสซื่อปล่อยมือข้างหนึ่งที่กอดศีรษะของตนเองไว้ ชี้นิ้วชี้ไปข้างหน้าและเรียก “ดอกไม้ ดอกไม้จ๋า บานเถอะ”
เมื่อสิ้นเสียง…
ฟริ้ง
ดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่บานออกตามคำสั่ง
แอนนาน้อยอดพูดไม่ได้ว่า “ปฐมราชินีเยี่ยน วิธีการเรียกใช้พลังวิเศษของบุตรชายท่านแปลกประหลาดจริงๆ” ไม่เท่ห์เลยแม้แต่น้อย รู้สึกเหมือนเด็กน้อยเล่นพ่อแม่ลูก
คนที่ไม่รู้จักเขาคงต้องคิดว่าเด็กน้อยกำลังเล่นมายากลเล็กๆ น้อยๆ อยู่ คงคิดไม่ถึงว่าดอกไม้ที่บานออกของเด็กซุกซนคนนี้ แม้แต่เทพบรรพกาลทั้งห้าก็เอาไม่อยู่
ช่าง… หลอกลวงคนจริงๆ
คนอื่นเขาแสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ แต่เด็กซุกซนคนนี้ไม่ต้องแสร้งก็กินเสือด้วยความสามารถตนเองได้
แอนนาน้อยที่เกาศีรษะรู้สึกว่าโชคดีที่ตอนนี้นางไม่ได้เป็นศัตรูกับปฐมราชินีเยี่ยน ไม่เช่นนั้นคนที่ถูกจัดการคงไม่ใช่เทพบรรพกาลทั้งฟ้า แต่เป็นนางเอง
ในความเป็นจริง… หลังจากที่เจ้าเด็กน้อยทำให้ดอกไม้บานออกมาแล้ว สิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญาเหล่านั้นล้วนกลายเป็นอาหารอันโอชะของดอกไม้รสหมาล่า
ผ่านไปไม่นาน ข้างหน้าเป็นทางตัน แต่ยังคงถูกดอกไม้ที่รวมตัวกันจำนวนหนึ่ง ‘กิน’ เรียบเป็นทางออกไป
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่อ้ำอึ้งกลับถูกต้าซือมิ่งอุ้มและเร่งไปข้างหน้าแล้ว
จิ่วอิงในครานี้มันก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงประหลาดใจ “ข้างในสว่างขึ้นแล้ว”
เยี่ยนอวี๋จึงมองไปที่ส่วนลึกของแดนมืดนิรันดร์ นางก็เห็นดวงไฟเล็กๆ ก่อนหน้านี้ตอนนี้กลายเป็นกลุ่มก้อนหนึ่งและยังแผ่ซ่านกลิ่นอายลึกลับและคลุมเครือออกมา
แสงเช่นนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แต่นางไม่ทันได้แผ่จิตสัมผัสไป ต้าซือมิ่งก็เร่งความเร็วไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน…
แคร่ก
เสียงแตกร้าวที่ชัดเจนกว่าเดิมดังออกมาจากส่วนลึกของแดนมืดนิรันดร์
หากมีคนเห็นก็จะพบว่า… ‘ต้าซือมิ่ง’ ที่เดิมทีผสานเป็นหนึ่งกับแดนมืดนิรันดร์ นอกจากเขาจะสะบัดแขนเสื้ออีกครั้งแล้ว เขายังซัด ‘เขาพระสุเมรุ’ ที่กดทับเขาไว้จนแตกเป็นรอยร้าว อีกเพียงพริบตาก็จะแยกออกจากกันแล้ว
เมื่อไหร่ก็ตามที่ ‘เขาพระสุเมรุ’ แตกแยก ‘ต้าซือมิ่ง’ ก็จะปลดผนึกได้
ถึงครานั้น… ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ต้าซือมิ่งตัวเขาเองในบัดนี้ เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะสำรวจ และไม่เหมาะสมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่จุดสิ้นสุด
นี่คือสัญชาติญาณอย่างหนึ่ง ดังนั้นเขาเลือกที่จะพาภรรยาถอยหนีอย่างรวดเร็ว อีกทั้งนอกจากเขาจะรู้สึกถึงแล้ว จิ่วอิงมันก็รับรู้ได้เช่นกัน “ประหลาดจริงๆ แสงข้างในนั้นทำให้ข้าขนลุกขุนพอง รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นกับดัก”
“กับดักอะไรหรือ” ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเยี่ยนอวี๋อ่อนแอมาก ไม่สามารถรับรู้ถึงอันตรายใดๆ ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกว่าแสงข้างในนั้นอ่อนโยนมาก ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย
“กับดักทางกลับบ้าน หากอี้เอ๋อร์บุกเข้าไป อาจจะ…” จิ่วอิงใช้ศีรษะข้างหนึ่งเกาศีรษะอีกข้างหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ทว่าถ้ำมรณะแดนมืดนิรันดร์ในครานี้กำลังแตกร้าวทั้งข้างในและข้างนอก
แคร่ก
รอยร้าวหนึ่งในนั้นแตกร้าวข้าง ‘ใต้เท้า’ ของซีหวังหมู่พอดี ทำให้ค่ายกลต้องห้ามของเจ้าแม่หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงแตกเป็นรอยร้าวทันที
ครานี้เอง…
วี้ด
ซีหวังหมู่ย่อมไม่พลาดโอกาสอันดีนี้ไป มันคำรามเสียงอันน่าสะพรึงออกมา
ตุบ
เทพอัสนีก็ทุบหน้าอกปล่อยสายฟ้าประจำตัวออกมา
ในขณะเดียวกัน
เยี่ยนจื่อเยี่ยที่ทนมานานก็ระเบิด
ซู่
ไม้อู๋ถงกำเนิดอย่างรวดเร็ว
วี้ด
หงส์ผีจู่โจมออกไปอย่างให้ความร่วมมือกับซีหวังหมู่และเทพอัสนี
ทว่า…
“สะเทือน”
เจ้าแม่หนี่ว์ที่ลอยขึ้นกลางอากาศปล่อยพลังต้นกำเนิดของแดนมืดนิรันดร์ออกมาแล้ว นางซ่อมแซมค่ายกลต้องห้ามอย่างรวดเร็วโดยอาศัยความได้เปรียบด้านตำแหน่ง เร็วกว่าการทำลายค่ายกลของพวกซีหวังหมู่
ทว่า… ในขณะเดียวกัน
วี้ด
จางอวิ๋นเมิ่งที่จู่ๆ กลายเป็นหงส์ นางก็พุ่งตัวออกไปเหมือนกับลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมาจากคันธนู แทงส่วนที่อ่อนแอที่สุดของค่ายกล เพื่อทำลายค่ายกลและหนีออกไป จากนั้นนางก็โถมเข้าใส่ไท่เฮ่า
เยี่ยนจื่อเยี่ยตกใจ “ท่านแม่” เขากลัวว่าท่านแม่จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ตนเองจะเป็นอันตรายเอง
“ไม่รู้จักเจียมตัว” ไท่เฮ่าเองก็ไม่เห็นจางอวิ๋นเมิ่งอยู่ในสายตา ไม่ใช่เพราะเขาประเมินศัตรูต่ำ แต่เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าจางอวิ๋นเมิ่งหลายเท่าจริงๆ ดังนั้น…
“มา”
ทันทีที่ยกมือขึ้น ไท่เฮ่าที่จับปีกหงส์ที่อยู่ด้านหลังของจางอวิ๋นเมิ่ง นอกจากจะใช้ทำลายเพลิงนิพพานของจางอวิ๋นเมิ่งอย่างรวดเร็ว เขายังจะจับนางลงมา
กู้จื่อเฟิงหน้าเปลี่ยนสีทันที “แข็งแกร่งมาก” สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิฝูซี
ทว่าในขณะเดียวกัน…
วี้ด
จางอวิ๋นเมิ่งที่เพลิงนิพพานดับไป นางกลับหักปีกของตนเองในเวลาเดียวกัน
ชู่
ปีกของนกเฟิ่งหวงจุดไฟเผาตนเองอย่างรวดเร็ว
เปลวไฟโหมซัดฝ่ามือของไท่เฮ่าอย่างรุงแรง
“บัดซบ”
อินหลิวเฟิงตกใจจนหน้าซีด
เขาคิดไม่ถึงว่าท่านแม่เยี่ยนจะโหดร้ายกับตนเองเช่นนี้
ไม่สิ เขาควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว
เพราะนี่คือมารดาผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น จางอวิ๋นเมิ่งที่กล้าเป็นศัตรูกับสำนักคุนอู๋ตั้งแต่ยังเล็ก
แม้ต้องเผชิญกับจักรพรรดิฝูซี นางก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้เห็น นางต่อสู้ด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี ใช้ปีกของตนเองปกป้องคนรักที่ตนต้องการปกป้อง
เมื่อก่อนทำเพื่อลูกๆ แต่ในครานี้… เห็นได้ชัดว่าจางอวิ๋นเมิ่งทำเพื่อเยี่ยนชิง ดังนั้นจางอวิ๋นเมิ่งในครานี้…
“วี้ด”
นางกลายเป็นแสงไฟสีแดงพุ่งใส่ไท่เฮ่า อีกเพียงพริบตาก็จะประชิดตัวไท่เฮ่าแล้ว
และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น ตราบใดที่ไท่เฮ่าประเมินศัตรูต่ำไปเล็กน้อย จางอวิ๋นเมิ่งก็จะสำเร็จ
น่าเสียดาย… ไท่เฮ่าไม่ประมาท เขาที่ตะแคงตัวหลบการโจมตีของจางอวิ๋นเมิ่งก็เก็บมือที่บาดเจ็บเพราะถูกเผากลับมา ก่อนจะเงื้อมมือไปบีบแสงไฟที่จางอวิ๋นเมิ่งแปลงกายมา
“ท่านแม่”
เยี่ยนจื่อเยี่ยตะโกน รอบกายแผ่ซ่านไอผี ทว่า…
ในขณะนี้เอง
ฟริ้ง
ดอกไม้ดอกใหญ่สีม่วงมากมายบานออกมาจากแดนมืดนิรันดร์แล้ว
จากนั้น…
ซู่
กระบี่ไท่ชางแทงใส่ไท่เฮ่าออกมาจากความมืด
“นายท่าน”
ซีหวังหมู่ดีใจ มันหันไปมองข้างหลัง
ซู่
ต้าซือมิ่งที่ออกมาหลังสิ้นเสียง เขาก็อุ้มภรรยาออกมาแล้ว
เวลาหนึ่งเค่อ ไม่มากไม่น้อย
อินหลิวเฟิงมองไปที่นาฬิกาทรายขนาดพกพาที่อยู่ในมือ พูดได้เพียงว่ากูไหน่ไนและต้าซือมิ่งตรงเวลาจริงๆ
ส่วนไท่เฮ่า เขาย่อมลงมือไม่ได้อีกแล้ว
เขาที่หลบกระบี่ไท่ชางถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว เจ้าแม่หนี่ว์วาและจักรพรรดิเปลวเพลิงก็ถอยไปด้านหลังเช่นกัน
แม้จักรพรรดิเปลวเพลิงจะยังพึมพำว่า “เป็นไปได้อย่างไร?”
แต่ความเหลือเชื่อนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำให้เขาลืมที่จะถอยหนี
“ให้ตายเถอะ” เจ้าแม่หนี่ว์วาหน้าดำหน้าแดง คิดเพียงว่าจวนซวีตายเสียเปล่าแล้ว เขาตายเสียเปล่าจริงๆ
แม้ไท่เฮ่าจะตกใจเช่นกัน แต่ในมือของเขายังมีเยี่ยนชิง ดังนั้นสีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม ส่วนเม่ยเอ๋อร์ ถูกเขา ‘ทอดทิ้ง’ ไปแล้ว
จางอวิ๋นเมิ่งในครานี้ นางถูกกระบี่ไท่ชางพาตัวไปข้างหน้าเยี่ยนอวี๋และกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์แล้ว แต่แขนทั้งสองข้างของนางไม่มีแล้ว เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เห็นดังนั้นน้ำตาไหลทันที “ยาย…”
“ท่านแม่” เยี่ยนอวี๋ปล่อยแสงสีม่วงศักดิ์สิทธิ์ออกมาทันที รวบรวมเลือดที่ยังไม่สลายไปจากในถ้ำกลับมาและผสานเข้าไปในร่างกายของจางอวิ๋นเมิ่ง
เด็กน้อยเห็นดังนั้นก็ลงมาจากอ้อมอกของท่านพ่อเขาและเข้าไปช่วยท่านยายของเขาแล้ว
ส่วนต้าซือมิ่ง เขาก็ตบค่ายกลแดนมืดนิรันดร์ที่ว่าที่ขังซีหวังหมู่พวกเขาไว้ด้วยฝ่ามือเดียว
ท่าทางสงบเสงี่ยมนั่นเพียงพอที่จะทำให้ไท่เฮ่าตะลึง
ทว่า… ไท่เฮ่ากลับพูดอย่างสงบว่า “ปฐมราชินี เจ้าอยู่เหนือความคาดหมายของเราจริงๆ”
เยี่ยนอวี๋ได้ยินดังนั้นก็มองไปที่ไท่เฮ่า เพราะว่าไท่เฮ่าตบเรียกเยี่ยนชิงให้ฟื้นแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้…
“แต่ไม่ว่าอย่างไร ตัวข้าฝูซีไท่เฮ่าขอแนะนำว่าหากไม่อยากทำบาปก็จงฆ่าตัวตายเสีย” ไท่เฮ่าพูดอย่างสงบนิ่ง เขาใช้ไอมรณะที่รุนแรงหน่วงเหนี่ยวเยี่ยนชิวไว้แล้ว
ทว่าเท่านี้ยังไม่จบ…
เจ้าแม่หนี่ว์วามองต้าซือมิ่งเสริมว่า “ไม่ใช่แค่เจ้า ยังมีเจ้าแซ่หรง พวกเจ้าสองผัวเมียจงฆ่าตัวตายซะ อย่าเสียเวลาทั้งสองฝ่ายอีกเลย”