ตอนที่ 694 มาแล้ว
วิ้ง
หลุมศพทั้งหลุมสั่นสะเทือน
แคร่ก แคร่กๆ
แม้แต่ประตูผีก็กำลังแตกร้าว
ทำให้หยวนสื่อเทียนจุนที่ไล่ตามมาถึงประตูผีที่นี่แล้วสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด “หลุมศพกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหตุใดเทียนตี้ยังไม่มา”
หยวนสื่อเทียนจุนในบัดนี้เองก็คิดไม่ถึงว่าเทียนตี้ ‘ไป’ นานแล้ว และยังเข้าไปด้วยตัวตนของเยี่ยนชิง แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ หากเทียนตี้ไม่สามารถ ‘ปกปิด’ หยวนสื่อเทียนจุนได้แล้วจะลวงจักรพรรดิเซวียนหยวนได้อย่างไร
ดังนั้นหยวนสื่อเทียนจุนในครานี้ยังคงไม่เข้าใจ เหตุใดเทียนตี้จึงยังไม่มา ส่วนเหตุใดจึงติดต่อไม่ได้นั้น หยวนสื่อเทียนจุนกลับคิดว่าเป็นเพราะหลุมศพ
ถึงอย่างไรหลังจากมาถึงที่นี่แล้ว หยวนสื่อเทียนจุนรู้สึกได้ว่าหลุมศพได้แยกออกจากสามโลกแล้ว ดูเหมือนว่าจะแยกออกมาเป็นเอกเทศและมืดมนมาก
“หลุมศพแห่งนี้กลายเป็นเช่นนี้แล้วหรือ หลายปีมานี้ข้าและเทียนตี้ไม่รู้สึกเลยถึงความเปลี่ยนแปลงของมันเลยแม้แต่น้อย” หยวนสื่อเทียนจุนครุ่นคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าในหลุมศพซ่อนความมืดมนที่มิอาจเจอฟ้าเจอดินได้ไว้มากมายเพียงใด
สิ่งที่น่ากลัวคือ…
“เกรงว่าจักรพรรดิเซวียนหยวนจะเป็นพวกเดียวกับหลุมศพ” หยวนสื่อเทียนจุนยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจ แต่เขาเข้าไปไม่ได้ เขาไม่สามารถทำลายกลอนประตูนี้เข้าไปได้
แม้ประตูผีกำลังแตกร้าว กลิ่นอายต้องห้ามของมันยังคงทำให้หยวนสื่อเทียนจุนรู้สึกปวดศีรษะ “มากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าปฐมราชินีพวกเขาเข้าไปอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าถูกจักรพรรดิเซวียนหยวนพาเข้าไป เช่นนั้นคงไม่ได้การ”
หยวนสื่อเทียนจุนที่ไม่ได้รู้สึกร้อนรนมาหลายปี ยามนี้เขากำลังเดินวนไปมาที่เดิมอย่างร้อนรน ผมหงอกทั้งศีรษะของเขาเกือบจะถูกเขาดึงทึ้งหมดแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง… หยวนสื่อเทียนจุนที่รับรู้ถึงแรงสั่นไหวของหลุมศพที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาอดส่งโทรจิตให้สิบสองเทพขุนเขาไม่ได้ “พี่น้องทุกท่าน รีบออกมาจากภูเขาปู้โจวซาน ข้าเห็นว่าหลุมศพมีปัญหาหนักหนา”
“นายท่านเป็นอะไรไปหรือ” เทพวิหคมังกรถามขึ้นเป็นคนแรกด้วยน้ำเสียงร้อนรน อีกทั้งขณะที่มันถาม มันก็เรียกพี่น้องทั้งสิบเอ็ดคนเร่งเดินทางไปยมโลกแล้ว
กองทัพอันเกรียงไกรนั่นทำให้ผู้คนน้อยใหญ่เมืองซูซื่อที่อยู่ใกล้เคียงกับภูเขาปู้โจวซานตกใจ ล้วนคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว มิเช่นนั้นเหตุใดสิบสองเทพขุนเขาจึงมีท่าทางเหมือนจะถล่มสวรรค์เช่นนั้น
หากไม่ใช่เพราะหยวนสื่อเทียนจุนส่งโทรจิตให้สงบอารมณ์ แรงกดดันอันดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมาอย่างไม่รู้ตัวของเทพขุนเขาทั้งสิบสององค์คงทำให้ทุกคนในเมืองซูซื่อตกใจตายไปหมดแล้ว
ทว่าความเคลื่อนไหวของสิบสองเทพขุนเขายังคงก่อความโกลาหลไม่น้อยในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
เทพเกียจคร้านที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านบางองค์ยังรีบเร่งเดินทางไปยมโลกเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
น่าเสียดายเทียนอ๋องเบิกฟ้าที่ดูแลยมโลกเป็นการชั่วคราวไล่เทพเกียจคร้านไม่มีงานทำเหล่านี้กลับไปแล้ว
“ปฐมราชินี ท่านอย่าเป็นอะไรเลย” เทียนอ๋องเบิกฟ้าที่เฝ้ายมโลกอธิษฐานให้ทุกอย่างราบรื่น เขารู้ว่าสิบสองเทพขุนเขาไปยังหลุมศพแล้ว เขาจึงไม่ไปก่อความวุ่นวายอีก
ยมโลกในบัดนี้กลายเป็น ‘พื้นที่ที่มีปัญหา’ เขาต้องปกป้องอย่างระมัดระวัง ข้างหลังจะเละเทะไม่ได้
เทียนอ๋องเบิกฟ้าที่คิดเช่นนี้ก็สั่งเหล่าผีน้อยให้ทำงานล่วงเวลาเพื่อลาดตระเวนทางเข้าออกทั้งหมดของยมโลกให้ดี ตรวจผู้ที่เข้าออกให้เข้มงวด
โชคดีที่เทียนอ๋องเบิกฟ้าทำเช่นนี้ มิเช่นนั้นกลิ่นอายมรณะที่ไหลออกมาจากหลุมศพเพียงพอที่จะคร่าชีวิตเทพเกียจคร้านเหล่านั้น
ถึงอย่างไร…
“บัดซบ”
เมื่อเทพหน้ามนุษย์เห็นกลิ่นอายมรณะที่รุนแรงเช่นนี้ก็พ่นคำหยาบออกมา
สีหน้าของสิบสองเทพขุนเขาเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก “หยวนสื่อ เกิดอะไรขึ้นหรือ”
หยวนสื่อเทียนจุนที่ไม่เข้าใจเช่นกันพูดได้เพียงว่า “ตอนที่ข้าส่งโทรจิตให้พวกเจ้า เพิ่งจะเริ่มมีกลิ่นอายมรณะหลั่งไหล เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาก็รุนแรงเช่นนี้แล้ว หากไม่ใช่เพราะบริเวณใกล้เคียงหลุมศพไม่มีสิ่งมีชีวิต พื้นที่ที่ถูกกลิ่นอายมรณะเหล่านี้ปกคลุมคงจะสูญสิ้นกันหมด ที่สำคัญคือท่ามกลางกลิ่นอายมรณะเหล่านี้ยังมีเจือกลิ่นอายแห่งความมืดนิรันดร์อันรุนแรงด้วย”
อสูรวิหคมังกรพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด “คงเกิดปัญหาในหลุมศพแน่ๆ”
“ตอนนี้พวกเราเข้าไปไม่ได้ ขอให้พี่น้องทุกท่านควบคุมไอมรณะที่นี่ให้ดี อย่าให้พวกมันกระทบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในยมโลก มิเช่นนั้นหายนะที่ตามมาอาจจะมากมายจนสุดจะคาดเดาได้” หยวนสื่อเทียนจุนรู้สึกว่าในไอมรณะเหล่านี้มีบางอย่างที่ชั่วร้ายอยู่
ดังนั้น… หยวนสื่อเทียนจุนยังเตือนว่า “ทุกท่านรักษาจิตใจให้มั่น อย่าให้จิตสับสน”
“วางใจเถอะ พวกเราระลึกถึงคำสอนของนายท่านเสมอ” ขณะที่สิบสองเทพขุนเขาพูดก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นกลายเป็นภูเขายักษ์สิบสองลูกอีกครั้ง กักขังไอมรณะไว้ในหลุมศพ ไม่ให้พวกมันเล็ดลอดออกไป
หยวนสื่อเทียนจุนจึงวางใจลงและศึกษาประตูต้องห้ามบานนั้นต่อไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทำลายกฎต้องห้ามเพื่อฝ่าเข้าไปไม่ว่าต้องทำอย่างไรก็ตาม
ในขณะเดียวกัน… ในถ้ำมรณะแดนมืดนิรันดร์ เยี่ยนอวี๋พวกเขายังคงไม่อาจขจัดอุปสรรคไปได้
“ให้ตายเถอะ นี่มันตัวบ้าอะไรกัน” อินหลิวเฟิงที่หนีพ้นจากปากของสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญานับครั้งไม่ถ้วน เขาแค่อยากรู้ว่าตัวบ้าเหล่านี้คืออะไรกันแน่
“ทุกคนชนหลังกันไว้ สังเกตดูรอบทิศให้ดี” บัดนี้เยี่ยนอวี๋หลังชนหลังของต้าซือมิ่ง แต่ด้านซ้ายและด้านขวาของนางยังมีจางอวิ๋นเมิ่งและเยี่ยนจื่อเยี่ย
กู้จื่อเฟิง ยมราชและเทียนตี้อยู่กลุ่มเดียวกัน เอ้อร์เหมา อินหลิวเฟิงและซีหวังหมู่อยู่กลุ่มเดียวกัน ส่วนเทพอัสนีถูกเยี่ยนอวี๋สั่งให้หดตัวเล็กลง และวางไว้บนแขนของเจ้าตัวน้อยแล้ว
ในสถานที่เช่นนี้ ‘เหล่ามนุษย์’ พบบางอย่างแปลกประหลาดว่า เจ้าตัวน้อยต่างหากที่เป็น ‘ราชา’ เขาไม่กลัวสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญหาเหล่านี้เลย ดอกไม้ของเขายังสามารถกินฝ่ายตรงข้ามได้ ตัวเขาเอง… ก็ทำได้
ทว่าสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญามีมากเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยกินไม่หมด
เหตุผลหลักเป็นเพราะการฝ่าวงล้อมเมื่อครู่นี้ ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์รสหมาล่ากินอิ่มจนเรอไปแล้ว ไม่สามารถขยับได้แล้ว
แต่ว่ากองทัพแน่นขนัดเมื่อครู่นี้ อินหลิวเฟิงแค่คิดก็รู้สึกขนหัวลุก “หากไม่มีดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ของท่านเสี่ยวเป่า พวกเราคงถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้ว จักรพรรดิเปลวเพลิงโหดเหี้ยมจริงๆ”
“น่าเสียดายที่เขากลับสู่ธรรมชาติแล้ว เจ้าแม่หนี่ว์วาก็ถูกกลืนกินไปแล้ว มิเช่นนั้นควรจะจับไว้ กลับไปค่อยคิดบัญชี” ซีหวังหมู่พูดพลางกัดฟัน เห็นได้ชัดว่าโมโหมาก
ทว่าคำพูดของซีหวังหมู่เตือนเยี่ยนอวี๋ว่า “ตี้จวิ้น ไท่เฮ่าเป็นอย่างไรบ้าง เขารู้อะไรบ้างหรือไม่ อย่างเช่นว่าตอนนี้เราควรออกไปอย่างไร”
“หัวรั้นยิ่งนัก ไม่ยอมพูดอะไรเลย หลังจากถูกข้าจับไว้แล้วก็เอาแต่นอนเป็นศพ” เทียนตี้โมโหมาก “ข้ามีเวลาเมื่อใด จะสำรวจวิญญาณของเขา”
“อย่าบุ่มบ่าม ระดับของเขาไม่ด้อยไปกว่าเจ้า แว้งกัดเจ้าได้ตลอดเวลา” เยี่ยนอวี๋เตือนด้วยสีหน้าจริงจัง
เทียนตี้ย่อมรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นจึงไม่ได้สำรวจวิญญาณของไท่เฮ่าในเวลานี้ ทว่า…
เยี่ยนอวี๋เพิ่งจะเตือนเขาเสร็จ นางก็รู้สึกว่าชายข้างหลังนางตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะเดียวกัน…
ในส่วนลึกของแดนมืดนิรันดร์ เงาของร่างร่างหนึ่งยืนขึ้นแล้ว
“อ้ะเนะ”