ตอนที่ 699 เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน
สิบสองเทพขุนเขาตกใจจนเกือบจะบินเข้าไปหากันหมด ลืมว่าต้องปกป้องมิติไว้แล้ว
ทันทีที่พวกซีหวังหมู่เสร็จสิ้นภารกิจก็หายตัวไปหาเยี่ยนอวี๋ทันที
ทว่าเยี่ยนอวี๋เองก็ทรงตัวได้แล้ว ความรู้สึกเวียนศีรษะนั่นก็ค่อยๆ หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เทียนตี้ จางอวิ๋นเมิ่งและอินหลิวเฟิงพวกเขาถามขึ้นในเวลาเดียวกันว่า “…เป็นอะไรไปหรือ”
จางอวิ๋นเมิ่งประคองบุตรสาวไว้ด้วยความกังวล “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เมื่อครู่นี้เป็นอะไรหรือ”
“ข้าช่วยจับชีพจรให้” หยวนสื่อเทียนจุนมีความแตกฉานในด้านการแพทย์ เขาจึงเข้ามาจับชีพจรให้
เยี่ยนอวี๋คิดว่าตนเองไม่เป็นไรแล้ว แต่นางเห็นว่าทุกคนเป็นห่วงจึงยื่นมือออกไปให้หยวนสื่อเทียนจุนจับ
ส่วนเจ้าตัวน้อย เขาก็กำลังมองท่านแม่ของเขาด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนจะหันไปมองท่านพ่อของเขา เห็นได้ชัดว่าตกใจไม่น้อย
เยี่ยนอวี๋จูบเด็กน้อยผู้น่ารักน่าชัง ปลอบประโลมว่า “แม่ไม่เป็นอะไร แค่น้ำหนักของเจ้าและท่านพ่อเจ้ารวมกันหนักเกินไป แม่เกือบจะอุ้มไม่ไหว”
“อ๋อ” เยี่ยนเสี่ยวเป่ารู้สึกโล่งอกก่อนจะลอยตัวขึ้นมามองท่านพ่อของเขา ไม่อยากให้ท่านแม่ของเขารู้สึกหนักเกินไป
เยี่ยนอวี๋ “…”
เด็กตัวกะเปี๊ยกเช่นเจ้าไม่ได้หนักเท่าไรหรอก คนที่หนักคือท่านพ่อเจ้าต่างหาก
จะว่าไปแล้ว… เยี่ยนอวี๋คิดถึงอาการเวียนศีรษะเมื่อครู่นี้ รู้สึกเหมือนถูกของหนักฟาดลงมากะทันหัน ทำให้เวียนศีรษะ
ดังนั้น… คงไม่ใช่เพราะนางอุ้มสามีไม่ไหวจึงเวียนศีรษะหรอกนะ
ขณะที่คิดเช่นนี้ เยี่ยนอวี๋ก็ลองชั่งน้ำหนักสามีนาง รู้สึกว่าก็ไม่ได้หนักมากนี่นา อย่างน้อยก็อยู่ในขอบเขตที่นางรับไหว สามีอีกร้อยแปดสิบคนนางก็น่าจะไม่มีปัญหา
ทว่าเทียนตี้เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้มีชั่วจังหวะหนึ่ง เหมือนกับว่าจะมีแสงสีขาวผสานเข้าไปในร่างของอาจารย์พ่อ” เนื่องจากมันเกิดขึ้นเร็วมาก เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจนัก
ทว่าซีหวังหมู่กลับงุนงง “มีหรือ”
“หยวนสื่อ เจ้าล่ะ เห็นหรือไม่” เทียนตี้คิดว่าตนเองคงไม่ได้ตาฝาดไป
ทว่าหยวนสื่อเทียนจุนกล่าวว่าเขาเองก็ไม่เห็น “ข้าเห็นเพียงค่ายกลปรากฏแสงสีขาวอันลี้ลับไร้ที่สิ้นสุดชั้นหนึ่งออกมา แต่เพียงพริบตาก็หายไปแล้ว”
“…อาจจะมีบางอย่างเข้าไปในร่างกายของสามีก็ได้” เยี่ยนอวี๋คิดว่าเทียนตี้น่าจะมองไม่ผิด เรื่องนี้จึงเป็นเหตุผลที่นางเวียนศีรษะ แล้วมันคือสิ่งใดกันที่ผสานเข้าไปในร่างของสามี
“จะว่าไปแล้ว อาจารย์พ่อไม่เป็นไรใช่หรือไม่” คนที่ถามถึงต้าซือมิ่งคนแรกกลับเป็นเทียนตี้
เหมือนกับว่าซีหวังหมู่ไม่รู้สึกประหลาดใจกับการหลับใหลเช่นนี้ของต้าซือมิ่งเท่าไรแล้ว
แน่นอนว่าหลักๆ เป็นเพราะสีหน้าของต้าซือมิ่งยังดูไม่ย่ำแย่เท่าไรนัก เพียงแค่สลบไปเท่านั้น คงเป็นเพราะเหนื่อย ถึงอย่างไรการสร้างค่ายกลเมื่อครู่นี้ก็ใช้พลังงานไปมาก
หยวนสื่อเทียนจุนที่จับชีพจรให้เยี่ยนอวี๋เสร็จ เขาก็จับให้ต้าซือมิ่งต่อ เมื่อยืนยันแล้วว่าทั้งสองไม่เป็นอะไรจึงพูดขึ้นว่า “นายท่านและจวินโฮ่วปลอดภัยดี จวินโฮ่วคงเหนื่อยแล้วจึงหลับไป”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว วินาทีที่นายท่านร่วงลงไปทำเอาข้าตกใจแทบตาย” ซีหวังหมู่ยังคงเป็นกังวล “ในเมื่อนายท่านไม่เป็นอะไร เหตุใดจู่ๆ จึงร่วงลงไปได้โดยไม่มีสาเหตุเล่า อีกทั้ง…”
“อาจารย์พ่อในวินาทีนั้นเหมือนกับไร้ซึ่งตบะ เฉกเช่นมนุษย์ธรรมดา” เทียนตี้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่วางใจเช่นกันและคิดว่าเรื่องนี้ดูไม่ชอบมาพากล
เยี่ยนอวี๋ปลอบประโลมอย่างรู้แก่ใจดี “ไม่เป็นไร อาจจะเกี่ยวข้องกับการผนึกหลุมศพ”
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” หยวนสื่อเทียนจุนมองไปที่หลุมศพที่ถูกผนึกไว้ราวกับผืนทะเลสีมืด ไม่ต่างจากบริเวณรอบก็รู้สึกวางใจลง “ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หลังจากถูกต้าซือมิ่งปิดผนึกก็คงสร้างผลกระทบต่อปฐมราชินีไม่มากก็น้อย”
“ก็คงได้แต่อธิบายเช่นนี้แล้ว” เทียนตี้ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้มันพิกลแปลกๆ
เยี่ยนอวี๋กลับไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ “บัดนี้เรื่องในหลุมศพได้สิ้นสุดลงแล้ว ให้พวกเจ้าวิหคเฝ้าที่นี่ก็พอ เรากลับจักรวาลกันก่อนค่อยประชุมอีกครั้ง”
“ได้” เทียนตี้ไม่คัดค้านและสั่งให้ยมราชนำกองทหารสวรรค์และซานเซิงไปปกป้องภูเขาปู้โจวซาน
แม้ภูเขาปู้โจวซานในบัดนี้ปกติดีแล้ว แต่ที่นั่นยังมีรอยแยกจักรวาลขนาดใหญ่ หากไม่มีสิบสองเทพขุนเขาก็ควรจะมีคนที่สามารถเฝ้าสังเกตุการณ์ได้
ส่วนทางฝั่งหลุมศพ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเทียนตี้หรือเยี่ยนอวี๋ล้วนคิดว่าสิบสองเทพขุนเขาปกป้องที่นี่ไว้เป็นการดีที่สุด
ทว่าพูดถึงจักรวาลดั้งเดิม หยวนสื่อเทียนจุนก็มีบางอย่างจะถาม “เทียนตี้ ท่านอยู่กับปฐมราชินีพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดข้าจึงไม่รู้เรื่องเลย”
“หากเจ้ารู้แล้ว ข้ายังจะโกหกท่าน… จักรพรรดิเซวียนหยวนได้อย่างไร” เมื่อเอ่ยถึงจักรพรรดิเซวียนหยวน สีหน้าของเทียนตี้ก็มืดมน ครานั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ได้ ‘ประจักษ์’ จักรพรรดิเซวียนหยวนกลับสู่ธรรมชาติด้วยตาตนเอง แต่ตอนนั้นเขากำลัง ‘สลบ’ ห้ามแสดงอาการใดๆ ดังนั้นเมื่อเขาตื่นขึ้นมาจึงระบายอารมณ์ (ร้องไห้) ออกมาตามอำเภอใจโดยใช้ท่านแม่ของอาจารย์เป็นข้ออ้าง
“ดังนั้นท่านลุงเยี่ยนที่ถูกจับไปคือท่านหรือ” หยวนสื่อเทียนจุนตะลึงเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าถูกต้องแล้ว ถึงอย่างไรก่อนเขาจะกลับจักรวาลดั้งเดิม เขาก็ได้บอกกล่าวผลทำนายให้เทียนตี้รู้ล่วงหน้าแล้ว
ดังนั้นท่านพ่อเยี่ยนประสบอันตราย สิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอันดับแรกเมื่อเทียนตี้ไม่อยู่ในเหตุการณ์คือเขาต้องไปไล่ตามจักรพรรดิเซวียนหยวนแล้วแน่ๆ เพียงแต่ว่าหยวนสื่อเทียนจุนคิดไม่ถึงเลยว่าที่แท้เทียนตี้ยังเล่นอุบายสลับตัวเช่นนี้
ทว่า…
ประเดี๋ยวสิ
“แล้วท่านลุงเยี่ยนตัวจริงเล่า” หยวนสื่อเทียนจุนคิดไปคิดมา คิดว่าเทียนตี้น่าจะไม่มีเวลาซ่อนตัวเขา ดังนั้นท่านลุงเยี่ยนที่แท้จริงน่าจะถูกเทียนตี้พาไปด้วย
คำถามนี้ จางอวิ๋นเมิ่งอยากรู้ที่สุด นางจึงมองไปที่เทียนตี้ด้วยสัญชาติญาณ ฝ่าหลังเองก็ไม่ได้ปิดบัง “อยู่ในจักรวาลดั้งเดิม ข้าใช้เกราะป้องกันจักรพรรดิปกป้องเขาไว้ ไม่เป็นอะไรหรอก”
“…ท่านใจกว้างจริงๆ” หยวนสื่อเทียนจุนไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเทียนตี้จะนำพลังวิเศษปกป้องตนเองชั้นสูงสุดให้ท่านลุงเยี่ยน
เยี่ยนอวี๋เองก็คิดไม่ถึง นางขมวดคิ้ว “หากเป้าหมายของพวกเขาคือเจ้า การที่เจ้าไม่มีเกราะป้องกันจักรพรรดิ เท่ากับว่าเจ้าจะรับไปเต็มๆ”
“แล้วใครจะไปคิดเล่าว่าข้าจะถอดเกราะป้องกันจักรพรรดิออก อีกอย่าง หากเป้าหมายของท่าน… จักรพรรดิเซวียนหยวนคือข้า คงลงมือตั้งแต่แรกแล้ว เช่นนั้นแม้ข้าจะมีเกราะป้องกันจักรพรรดิก็ไร้ประโยชน์” เทียนตี้ไม่แยแสแม้แต่น้อย
เยี่ยนอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กำชับให้เทพวิหคมังกรคอยจับตามองหลุมศพ หากมีสิ่งใดผิดปกติให้รีบติดต่อนางทันที
…
เมื่อกลับถึงจักรวาลดั้งเดิม เมื่อเทียนตี้ ‘เสก’ เยี่ยนชิงออกมา เยี่ยนชิงก็เอาแต่ ‘หลงใหล’ ในสตรีที่ยืนข้างกายบุตรสาว ในหัวของเขาดังวิ้ง ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น
เยี่ยนอวี๋และคนอื่นๆ แยกย้ายกันไป เพื่อให้สองสามีภรรยาที่พลัดพรากตายจากกันเกือบยี่สิบปีมีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
ทว่าขณะที่เยี่ยนจื่อเยี่ยส่งน้องสาวกลับไปที่ห้อง เขาก็ยังคงมองน้องเขยของเขาอย่างเป็นกังวล “ไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ”
“พี่ใหญ่วางใจเถอะ” เยี่ยนอวี๋ได้แต่ปลอบประโลมเช่นนี้
เยี่ยนจื่อเยี่ยกลับไม่สามารถวางใจลงอย่างแท้จริงได้ ยังคงมองไปที่เด็กน้อยถามว่า “ให้พี่ช่วยดูแลเสี่ยวเป่าก่อนดีหรือไม่”
“ไม่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าคัดค้านทันที เขาปฏิเสธท่านลุงใหญ่ของเขาอย่างมีจุดยืน
เยี่ยนอวี๋กะพริบตาให้พี่ใหญ่ของเขา บอกว่าเด็กน้อยคนนี้ของนางนางก็ฝืนใจเขาไม่ได้เช่นกัน
เยี่ยนจื่อเยี่ยหัวเราะ “ใช่แล้ว พวกเจ้าทั้งสามต้องอยู่พร้อมหน้ากัน เช่นนั้นลุงไปทำข้าวต้มให้เสี่ยวเป่าดีหรือไม่”
“ดี” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเห็นด้วยและยังขอร้องว่า “เอา เนื้อๆ”
เยี่ยนจื่อเยี่ยนานๆ ทีจะหยิกหลานชายน้อย “ได้ ใส่เนื้อให้เสี่ยวเป่าเยอะๆ เลย”
“ฮี่…” เด็กน้อยที่คอยมองท่านพ่อตลอดทางจึงยิ้มร่าอย่างมีความสุขออกมา
เยี่ยนจื่อเยี่ยชอบรอยยิ้มหวานของหลานชายน้อยคนนี้มาก ไม่อยากเห็นใบหน้าตึงเครียดของหลานชายน้อย สีหน้านั้นเหมือนกับสีหน้าของน้องสาวเวลาเป็นทุกข์ เขารู้สึกสงสารจับใจ
เยี่ยนอวี๋เองก็จูบเด็กน้อยที่ยิ้มร่า ก่อนจะลาพี่ใหญ่แล้วเข้าไปวางสามีนางลง
เด็กน้อยคอยประกบอยู่ตลอดเวลาและยังเข้ามาช่วยเป็นครั้งคราว อย่างเช่นตอนที่ช่วยหยิบหมอนให้ท่านพ่อ เขาเป็นเด็กดีและน่ารักมาก
หลังจากจัดที่นอนให้สามีเสร็จแล้ว นางก็อุ้มเด็กน้อยมากล่อม “เสี่ยวเป่านอนกับท่านพ่อสักหน่อยดีหรือไม่จ๊ะ” ลูกคนนี้ของนางต้องง่วงแล้วแน่ๆ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้ยินดังนั้นก็หาวตามคาด เขากอดท่านพ่อเขาไว้ “แม่… ด้วย”
เยี่ยนอวี๋มองเจ้าตัวน้อยในอ้อมอกและมองต้าซือมิ่งบนเตียงก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้ แม่นอนเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าและพ่อเสี่ยวเป่านะ”
“ฮี่…” เด็กน้อยที่เริงร่าอีกครั้งก็บินขึ้นบนเตียงและยังถอดชุดคลุมของตนเองออก ท่าทางน่ารักน่าชังนั่นทำให้เยี่ยนอวี๋ที่นอนลงแล้วอดรวบตัวเด็กน้อยเข้ามารัดไว้ไม่ได้
“ฮ่า…” เด็กน้อยที่กอดท่านพ่อและท่านแม่ของเขาอีกครั้ง เขาก็เล่นสนุกสนานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถูกความง่วงจู่โจมจนผล็อยหลับไป
เดิมทีเยี่ยนอวี๋ไม่รู้สึกอยากจะนอน แต่ครานี้มีเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มอยู่ในอ้อมอก ข้างกายยังมีลมหายใจจางๆ ที่ทำให้นางรู้สึกสบายใจจากสามี นางจึงหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่ว่า นางเพิ่ง ‘หมดสติ’ ไป… พวกเขาทั้งสามก็ถูกปกคลุมด้วยชั้นแสงสีขาวจางๆ แล้ว