ตอนที่ 700 กลับชาติมาเกิด
ในเวลานั้นตะวันบ่ายคล้อยสาดส่องหน้าต่างปกคลุมแสงสีขาวไว้เลือนราง อีกทั้งลมหายใจของทั้งครอบครัวปกติดีจึงไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงความผิดปกติ
กลับกลายเป็นทางฝั่งเยี่ยนชิงและจางอวิ๋นเมิ่งที่เรียกความสนใจผู้คนมากกว่า
ถึงอย่างไรเยี่ยนชิงก็ร้องไห้เป็นคนเจ้าน้ำตาไปก่อนแล้ว…
“นายน้อย นี่ไม่เหมือนกับที่ข้าน้อยคิดไว้เลย” เอ้อร์เหมาคิดว่าส่วนใหญ่บทจะเขียนไว้ว่าฝ่ายหญิงน้ำตาไหลพรากแทนคำพูดพันหมื่นบรรทัดหรือ เหตุใดพอถึงครอบครัวคุณหนูใหญ่เยี่ยนจึงสลับกันหมดเล่า
อินหลิวเฟิงก็รู้สึกน่าสนใจดี “ก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสียหน่อย”
เขาเพิ่งพูดจบ… เอ้อร์เหมาก็เห็นจางอวิ๋นเมิ่งเดินขึ้นหน้าไปเช็ดน้ำตาให้สามีของนาง เขาพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “นายน้อยท่านหาภรรยาแบบนี้สักคนเถอะ จะได้เกาะกินง่ายๆ”
อินหลิวเฟิง “…”
ข้าไม่อยากสนใจลูกน้องคนนี้
ทว่าเยี่ยนชิงในครานี้กอดภรรยาที่เดินเข้ามาหาแล้ว “เมิ่งเอ๋อร์?”
“ข้าเอง” จางอวิ๋นเมิ่งที่ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นางกอดคอของสามีกลับ “ข้ากลับมาแล้ว”
“โฮ…”
เยี่ยนชิงปล่อยโฮออกมาทันที
เหล่าทวยเทพในจักรวาลดั้งเดิมจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้
อย่าว่าแต่จักรวาลดั้งเดิมเลย แม้แต่เทียนตี้ที่กลับมาถึงตำหนักสวรรค์แล้วก็ยังได้ยิน…
สาเหตุหลักเพราะประสาทสัมผัสทั้งห้าของเทียนตี้ยังคงเหลือส่วนหนึ่งไว้ในจักรวาลดั้งเดิม กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทางนั้น
ดังนั้น… เขาจึงได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเยี่ยนชิงได้อย่างชัดเจน พลันรู้สึก… อิจฉา
ครานั้นเขาอำพรางตนเป็นเยี่ยนชิง เห็นจางอวิ๋นเมิ่งพยายามเข้ามา ‘ช่วย’ เขาอย่างไม่คิดชีวิต เขาเองก็รู้สึกสะเทือนใจ “มิน่าหลังจากอาจารย์กลับมาจึงไม่เหมือนเดิม ครอบครัวเยี่ยนรักกันมากจริงๆ”
เทียนตี้ไม่มีทางลืมว่าก่อนที่เขาจะปกคลุมเยี่ยนชิงไว้ เยี่ยนจื่อเสาปกป้องท่านพ่อของตนเองไว้ในช่วงเวลาวิกฤตอย่างไร พลังที่ระเบิดออกมาและการพยายามอย่างไม่คิดชีวิตทำให้รู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้…
“ทหาร”
“ตี้จวิน”
“ไปทะเลสาบสือซ่าไห่ดูว่าเซินเซินเป็นอย่างไรแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ…” เทพผู้รับใช้กำลังจะรับบัญชา
เทียนตี้กลับลุกขึ้น “ช่างเถอะ ข้าไปดูเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ…” เทพผู้รับใช้ออกไปเงียบๆ อย่างรู้สึกประหลาดใจ ครุ่นคิดว่าเป็นเพราะตนเองไม่หนักแน่นพอหรือไม่ ตี้จวินจึงไม่วางใจต้องเสด็จไปด้วยตนเอง
…
ในขณะเดียวกัน
เยี่ยนอวี๋เข้าไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยม่านหมอก
“จิตเหนือสำนึกของสามี?” เยี่ยนอวี๋ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะว่ากลิ่นอายโดยรอบไม่ค่อยเหมือน
ทว่านางก็รู้ในเวลาต่อมาว่าไม่ใช่ เพราะว่าภาพตรงหน้านางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ม่านหมอกอันคลุมเครือก่อนหน้านี้กลายเป็นดินแดนรกร้างว่างเปล่า
กรร
กรู๊
ก๊าๆๆ…
เสียงคำรามแปลกๆ หลากหลายประเภทดังเข้ามาในหูของเยี่ยนอวี๋จากทุกทิศทางอย่างต่อเนื่อง จากนั้นสิ่งที่ปรากฏตามๆ กันมาคืออสูรขนาดยักษ์มากมาย ร่างของมันใหญ่มโหฬาร กำยำแข็งแกร่ง ทุกก้าวที่เดินทำให้พื้นดินแตกได้อย่างง่ายดาย
อสูรเหล่านี้คล้ายกับอสูรต่างแดนในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า มันยิ่งใหญ่ ทว่าไร้สติปัญญา ชอบการต่อสู้ ไวต่อเรื่องอาณาเขต ไม่รู้จักสามัคคี
แต่ก็มีหลายส่วนที่แตกต่างกัน หลักๆ คือมีหน้าตาไม่เหมือนกัน ถึงอย่างไรนางก็เคยสังเกตอสูรต่างแดนเหล่านี้ในครานั้นอย่างละเอียด เพราะว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือ ‘เปลือก’ ที่ลอกคราบจากนางและค่อยๆ พัฒนาตนเอง นางเองก็รู้สึกประหลาดใจ ทว่าอสูรเหล่านี้ในบัดนี้เห็นได้ชัดว่ามีหน้าตาไม่เหมือนกัน
“มหาทวีปเทียนอวี่หรือ” เยี่ยนอวี๋ไม่มั่นใจ
ทว่าภาพตรงหน้านางเปลี่ยนแปลงไปทันที
บรู๊ว
ฟ่อ…
เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดนับไม่ถ้วน นอกจากจะไม่น่าฟังแล้ว อสูรขนาดยักษ์ที่นางเห็นเหล่านั้นยังถูกสังหารหมด
และผู้ที่สังหารพวกมันคือชายหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่ง เป็นชายหนุ่มในชุดขาวที่นางรู้สึกคุ้นกับรูปร่างดี
“ตายซะ”
หนุ่มชุดขาวทั้งต่อยและเหยียบอสูรเหล่านั้นจนตายไปทีละตน กลิ่นอายอำมหิตรอบกายของเขาพลุ่งพล่าน
อสูรยักษ์มากมายถูกเขากำจัดอย่างรวดเร็ว แต่ราวกับว่าเขายังมีพลังเหลือเฟือ เขาลงทะเลสู้กับสัตว์ทะเลขนาดยักษ์เหล่านั้น ฝนสีเลือดสาดเท กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
ผ่านไปนาน… เขายังคงกำลังฆ่าฟันไม่หยุดพักราวกับจะไม่มีวันหยุดพักด้วย
เมื่อฆ่าอสูรยักษ์และสัตว์ทะเลหมดแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปอีกที่หนึ่ง แต่เมื่อเขาปรากฏตัวในหมู่บ้านมนุษย์ หากเป็นพื้นที่ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและเปราะบาง เขาจะกดพลังของตนเองอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเขาประสบพบกับอสูรร้าย เขาก็จะระเบิดพลังอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับว่าไม่สามารถหยุดพักได้ ใช่แล้ว เขาหยุดไม่ได้
เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากหยุดการฆ่าฟัน แต่เขาไม่สามารถยับยั้งตนเองได้
และในครานี้เองนางก็เดาได้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร
เขาก็คือสามีของนาง
เพราะว่าไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้ เขาจึงกลับชาติมาเกิดเพียงลำพัง เพียงเพื่อให้สามารถย่อยและผสานความรุนแรงเหล่านี้ของตนเองในท้ายที่สุดได้
ทว่า… มันยากเกินไป
“สามี”
เยี่ยนอวี๋มองสามีนางที่ไม่สามารถหยุดฆ่าได้จนกว่าจะถึงจุดจบอย่างน่าเวทนา…
จนในตอนสุดท้ายที่เขาทำลายตนเอง
นี่คือชาติแรกของเขา
เหมือนกับว่าจะสั้น ทว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้ว ใน ‘สายตา’ ของเขา เยี่ยนอวี๋มองเห็นตนเองเหนือความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด ตนเองที่เพิ่งจะก่อร่างขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่ไร้สสาร
ภาพนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋คิดถึงสิ่งที่สามีนางเคยพูดว่าเขาชอบนางตั้งแต่ตอนที่นางเพิ่งเริ่มก่อร่าง เดิมทีนางคิดว่าหมายถึงหลังจากที่นางกลายเป็นร่างมนุษย์แล้ว ทว่า… กลับไม่ใช่เช่นนั้น
ไม่สิ เยี่ยนอวี๋พบบางอย่าง ‘ผิดปกติ’ อย่างรวดเร็ว บัดนี้ ‘สามี’ ของนางแค่มองนางเงียบๆ มองนางค่อยๆกำเนิดจากยุคแรกเริ่มไท่ชู จนเมื่อ… นางมีรูปร่างที่สมบูรณ์ รูปร่างสมบูรณ์ที่เปลือยเปล่า…
นางรู้สึกทันทีว่า ‘ภาพ’ ตรงหน้านางนั้นชัดเจนและเจาะจงที่ตัวนางอย่างแม่นยำ
เยี่ยนอวี๋คิดถึงคำหนึ่งทันที “สกปรก”
สามีนางแอบมองนางในร่างเปลือยเปล่า?
ทว่าความจริงก็พิสูจน์ทันทีว่านางผิดอีกแล้ว เพราะว่านางพบในทันทีว่าสิ่งที่สามีนางมองคือใบหน้าของนาง อีกทั้งทันทีที่เห็น… เขาก็มองอยู่นานแสนนาน
จากนั้นภาพตรงหน้านางกลับสู่ที่รกร้างว่างเปล่าอีกครั้ง ทว่าในครานี้กลิ่นอายความรุนแรงรอบกายของสามีนางอ่อนลงเล็กน้อย และสามารถยับยั้งตนเองได้บ้างแล้ว
ทว่าจุดจบในตอนท้ายสุดของเขายังคงเป็นการทำลายตนเอง ถูกกลิ่นอายความรุนแรงในร่างกายของตนเองระเบิด
จากนั้นจิตสำนึกของเขาเข้าสู่ ‘ความว่างเปล่า’ อีกครั้ง แต่ครานี้เขาไม่เห็นอะไรอีก เหมือนกับว่ากำลังไตร่ตรองและทำสมาธิ
ดังนั้น…
เยี่ยนอวี๋เดาว่า “นี่ข้าเข้ามาในวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดของสามีหรือ หรือว่านี่คือความทรงจำในความฝันของเขา”
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด เยี่ยนอวี๋ล้วนเปิดรับอย่างยินดี มิหนำซ้ำยังอดพึมพำไม่ได้ว่า “ดูซิว่าต่อไปจะมีใครกล้าพูดว่าข้าไม่รู้จักสามีอีก”
เพียงแต่ว่าเมื่อยิ่งรู้จักยิ่งทำให้เยี่ยนอวี๋หายใจไม่ออก
แม้ว่าจากสิ่งที่นางเห็นก่อนหน้านี้ เยี่ยนอวี๋พอจะบอกบางอย่างได้ว่าทุกๆ ชาติของสามีนางมีจุดจบไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อนางเห็นเขาทำลายตนเองในตอนสุดท้ายในแต่ละครั้ง กระทั่งระเบิดรุนแรงขึ้นทุกครั้งไป นางก็พอจะเข้าใจว่าการกลับชาติมาเกิดของเขามี ‘จำกัด’
“หากความรุนแรงของการระเบิดเกินกว่าขอบเขตที่จิตวิญญาณสามีจะรับได้ จุดจบของเขาคือการแตกสลาย ดังนั้นสามีในแต่ละชาติจึงกำลังเสริมดวงวิญญาณให้ต้านทานการทำลายล้างตนเองที่แข็งแกร่งขึ้น…”
เยี่ยนอวี๋แทบจะกลั้นหายใจมองดูสามีของนางที่รู้จักแต่การเข่นฆ่าอย่างไร้ความรู้สึกในตอนแรกค่อยๆกลายเป็นสุภาพชนรู้จักถ่อมตน สง่าและเยือกเย็น
เยี่ยนอวี๋จึงรู้ว่าอันที่จริง รอยยิ้ม ความรัก ความร้ายกาจ ความออดอ้อน และทุกๆ อารมณ์ของสามีในชาตินี้ได้มาไม่ง่าย
แรกเริ่มนั้นเขาไม่มีความรู้สึก… เขาไม่สามารถควบคุมพลังทำลายล้างของตนเองได้ เขาคอยเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังเหล่านี้ด้วยตัวเขาเองมาโดยตลอด เมื่อเขาได้มาเจอนาง เขาก็เป็นเขาในฉบับที่ดีที่สุดแล้ว
เลือดเนื้อ ความลำบากและความทรมานเหล่านั้น… เขาแบกรับด้วยตนเอง
ทั้งๆ ที่ตนเองพูดไว้ว่าชอบนางตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับไม่ได้มาหานาง เพียงเพราะเขารู้ตัวดีว่ายังไม่ถึงเวลา
จากนั้น เขาก็ผ่านทุกอย่างด้วยตัวเขาเองอยู่ไกลๆ ให้ความสนใจนางเป็นครั้งคราว ราวกับว่าเป็นการเหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ แต่หลังจากที่ ‘เหลือบ’ มองแล้วก็จะ ‘จ้องมอง’ นางเงียบๆ เป็นเวลานาน
ภาพแต่ละภาพเช่นนี้… ทำให้เยี่ยนอวี๋อดน้ำตาไหลไม่ได้
ที่แท้แล้ว นางไม่ได้เติบโตอย่างโดดเดี่ยวตลอดมา
ตั้งแต่ตอนที่นางสร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้า มักจะมีคนๆ หนึ่งคอยมองนาง ดูว่านางสบายดีหรือไม่
แม้เขาจะเลอะเลือน ทุกครั้งที่กลับชาติมาเกิดก็จะลืม แต่เมื่อเขาทำลายตนเอง เข้าสู่ ‘ความว่างเปล่า’ ก็จะจำได้อีกครั้ง
ที่เยี่ยนอวี๋ตั้งข้อสรุปเช่นนี้ได้เป็นเพราะเมื่อเขา ‘กลับชาติมาเกิด’ เขาไม่เคยมาหานาง ทว่าเห็นได้ชัดว่าชาตินี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
“สามีจำได้แล้วว่าเห็นข้าเมื่อใด ดังนั้นนี่คงเป็นชาติสุดท้ายของเขา” เยี่ยนอวี๋เอ่ยเบาๆ น้ำตาไหลลงมา
“เนะ?” เสียงหน่อมแน้มของเด็กน้อยดังขึ้นข้างๆ ใบหูของเยี่ยนอวี๋
เยี่ยนอวี๋ลืมตาขึ้น นางเห็นเด็กน้อยที่ปีนขึ้นมามองตนเองระยะประชิดตามคาด เพียงแต่ว่า…
สีตาของเด็กน้อย กลายเป็นสีขาวไปแล้ว?
“เสี่ยวเป่า”