ตอนที่ 702 นายท่านล้ม
เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อย เด็กน้อยปีนขึ้นไปบนโต๊ะทันที เขายกหม้อขึ้นทำท่าจะซด โชคดีที่เยี่ยนจื่อเยี่ยมือไวจับหม้อไว้
เยี่ยนชิงอดหัวเราะไม่ได้ “ดูสิ ทำเอาเสี่ยวเป่าร้อนใจเช่นนี้ ตาป้อนเอง”
เยี่ยนอวี๋เองก็จิ้มก้นน้อยๆ ของเด็กน้อยอย่างไม่สบอารมณ์นัก ในขณะเดียวกันก็เรียกเทียนตี้ “เข้ามาพูดข้างใน”
เทียนตี้จึงเห็นเด็กน้อยกำลังทานข้าว เหมือนกับว่ากลัวเขาจะแย่งด้วย มืออวบอ้วนทั้งสองข้างจับหม้อไว้แน่นและยังมองเขาเขม็ง?
เจ้าเด็กคนนี้…
เทียนตี้อดแซวไม่ได้ว่า “พี่เสี่ยวเป่า วันนี้น้องคงไม่ได้ทำให้ท่านโกรธหรอกนะ”
“มาแล้วก็ สร้างปัญหา แม่ไป ไม่ป้อน ไม่อิ่ม” เหตุผลที่เด็กน้อยที่กินพลางพูดอย่างร้อนรนเป็นเพราะกลัวว่าประเดี๋ยวจะมีเรื่องอื่นเข้ามาอีก จะกินข้าวทั้งทีก็ไม่ได้กินดีๆ สู้ซดลงไปทีเดียวให้หมดเลยดีกว่า
เทียนตี้ที่นั่งลงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจความหมายของเด็กน้อย และไม่สามารถโต้แย้งได้ ทว่ายังคงต้องพูดเรื่องสำคัญอยู่ดี “อาจารย์ ท่านเห็นอย่างไร”
เยี่ยนอวี๋ป้อนเด็กน้อยต่อไป ทว่าในใจของนางมีความคิดแวบผ่านมากมาย บัดนี้กลับถามเพียงว่า “เจ้าเล่ามาก่อนว่ากระบวนการเป็นอย่างไร”
“ไม่มีกระบวนการ” เทียนตี้ได้แต่พูดว่าไม่มีกระบวนการจริงๆ หากมีกระบวนการ เขาคงสามารถควบคุมบางอย่างได้บ้าง แต่เพราะไม่มี เขาจึงรู้สึกเครียด
ทว่า…
“จะเกี่ยวข้องกับการไปทะเลสาบสือซ่าไห่ของข้าหรือไม่ อาจารย์พ่อกำชับให้หยวนสื่อเทียนจุนจับตาดูทะเลสาบสือซ่าไห่มิใช่หรือ หรือว่าเป็นเพราะข้าไปหาเซินเซินเพียงครู่เดียว เรื่องเกิดขึ้นระหว่างนั้น” เทียนตี้เป็นกังวล
แต่เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ “น่าจะไม่เกี่ยวกัน”
“หรือเป็นเพราะว่าหลุมศพถูกปิดผนึก” เยี่ยนจื่อเยี่ยเอ่ยขึ้นจากข้างๆ
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “เป็นไปได้”
เพียงแต่ว่า… เยี่ยนอวี๋ยังคงไม่เข้าใจเรื่องราวซับซ้อนวุ่นวายเหล่านี้
จะพูดอย่างไรดีเล่า นางคิดว่าเหตุผลที่เทพบรรพกาลทั้งห้ามีความคิดเช่นนั้น นอกจากจะข้องเกี่ยวกับถ้ำมรณะแดนมืดนิรันดร์แล้ว น่าจะเกี่ยวข้องกับอย่างอื่นอีกด้วย มิหนำซ้ำ… อาจจะมีตัวการที่นางยังไม่รู้ก็ได้
ทว่าแต่เดิมนางคิดว่า แม้จะมีคนบงการ แต่ก็น่าจะไม่สามารถเล่นลูกไม้อะไรได้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากหลุมศพถูกปิดผนึกไว้ ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เรื่องนี้จึงสามารถสรุปได้เพียงว่าคนบงการ ‘ออกจาก’ หลุมศพแล้ว อีกทั้งที่ ‘มัน’ สามารถ ‘เดิน’ ออกมาได้ เกรงว่าจะเป็นเพราะการกระทำของพวกเขา
เมื่อคิดได้ดังนี้… เยี่ยนอวี๋จึงเอาความปลอดภัยไว้ก่อน “อยู่เฉยๆ รอสังเกตการณ์ก่อน คอยจับตามองการเปลี่ยนแปลงของหลุมศพ”
“หลุมศพถูกปิดผนึกไว้แน่นหนาเช่นนั้นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกหรือ” จางอวิ๋นเมิ่งครุ่นคิด ยันต์ปิดผนึกของลูกเขยไม่ธรรมดาจริงๆ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปิดผนึกได้อีกแล้ว
เยี่ยนอวี๋เองก็รู้เรื่องนี้ดี แต่บัดนี้นางไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ได้แต่จับตามองหลุมศพไว้ก่อน นางจะไตร่ตรองถึงความเข้าใจก่อนหน้านี้ที่นางมีต่อแดนมืดนิรันดร์
สถานที่แห่งนั้น… การโจมตีด้วยกฎและระเบียบไร้ผลกับสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญา
มันเป็นเพราะสถานที่หรือความพิเศษของสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญานะ
“อาจารย์ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ” เทียนตี้ที่ไม่ได้จากไปทันที เขาเห็นเยี่ยนอวี๋ป้อนเด็กน้อยพลางครุ่นคิดอย่างหนัก รู้ว่าคงเกี่ยวข้องกับไท่เฮ่าจึงอยากรู้มาก
อีกทั้งหลังจากที่เขากลับมาแล้วก็คิดถึงเรื่องหนึ่งมาโดยตลอด เหตุใดไท่เฮ่าพวกเขาจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้นะ แต่เขา หยวนสื่อและเซ่าเฮ่า และซีซีกลับไม่เป็นเช่นนั้น
มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างกันคือ พวกเขาเคยตายไปครั้งหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า….
เทียนตี้มีความคิดคาดเดาอย่างหนึ่งในใจมาโดยตลอด แต่ไม่ได้พูดออกมา บัดนี้เขากลับอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ท่านกำลังคิดหรือไม่ว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังทำให้ไท่เฮ่าพวกเขาฟื้นคืนชีพและใช้พวกเขา”
“ผู้อยู่เบื้องหลังต้องมีแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่เกิดปัญหาเช่นนี้ จิตเหนือสำนึกของเจ้าแม้ข้าอยากจะเคลื่อนไหวก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวโดยไม่มีกระบวนการ เรื่องนี้คงต้องสืบสาวจากตัวไท่เฮ่า” เยี่ยนอวี๋ป้อนข้าวต้มคำสุดท้ายให้เด็กน้อยเสร็จก็อุ้มเจ้าตัวน้อยเข้ามาในอ้อมอกและเช็ดปากให้เขา
เอิ๊กกก… เด็กน้อยที่เรอเสร็จแล้วพูดว่า “เอาอีก…”
“พอแล้ว เจ้ากินหมดหม้อแล้ว” เยี่ยนอวี๋ลูบท้องที่ป่องออกมาของเด็กน้อย รู้ว่าจริงๆ แล้วเด็กน้อยอิ่มแล้ว แค่อยากกินอีก
เด็กน้อยก็แค่รู้สึกว่าไม่ได้ทานข้าวร้อนๆ เช่นนี้มานานแล้วจริงๆ จึงอยากทานอีก ทว่าแม่ไม่ให้แล้ว เขาก็ไม่ได้โวยวาย นอนพิงอยู่ในอ้อมอกของท่านแม่เงียบๆ
เยี่ยนอวี๋ลูบเด็กน้อยพลางพูดต่อไปว่า “ตอนนี้ศัตรูอยู่ในที่ลับ เราอยู่ในที่แจ้ง ทำได้แต่รอดู แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลมาก ถึงอย่างไรรังเก่าก็ถูกผนึกแล้ว แม้จะทำอะไรก็คงไม่ต่างจากตั๊กแตนหลังฤดูใบไม้ร่วง อยู่ได้ไม่นาน
นอกจากนี้ พันธะความเป็นความตายของไท่เฮ่าและเจ้า หากเขาทำอะไร เจ้าย่อมสัมผัสได้ ดังนั้นเรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายเสมอไป”
“อาจารย์หมายความว่าไท่เฮ่ายังมีชีวิตอยู่หรือ” เทียนตี้กลับคิดไม่ถึงจุดนี้ ถึงอย่างไรสัญชาติญาณของเขาบอกว่าไท่เฮ่ากลับคืนสู่ธรรมชาติแล้ว อีกทั้งด้วยพันธะความเป็นความตาย สัญญาติญาณเช่นนี้ไม่ควรจะผิดพลาดจึงจะถูก
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับพยักหน้ากล่าวว่า “มีความเป็นไปได้มาก มิเช่นนั้นแม้ว่าเจ้าจะพลิกผันพันธะความเป็นความตายแล้ว บัดนี้ก็คงไม่ง่ายดายเช่นนี้ แต่นี่ก็เป็นแค่การคาดเดาของข้า”
“การคาดเดาของอาจารย์ไม่ผิดแน่นอน” เทียนตี้แสดงสีหน้าเคร่งขรึม “แต่หากเป็นเช่นนี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องเก่งกาจมาก”
“ใช่แล้ว มิเช่นนั้นจะปั่นความคิดของจักรพรรดิทั้งห้าได้อย่างไร” จางอวิ๋นเมิ่งพูดตรงประเด็น
เทียนตี้พูดไม่ออก แต่ว่า…
“ข้าคิดไม่ออกว่ามีบุคคลแบบใดที่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ อาจารย์ แม้แต่ท่านก็ทำไม่ได้มิใช่หรือ”
เยี่ยนอวี๋กลับส่ายศีรษะ “ข้าในบัดนี้ทำได้”
“เช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ต้องเป็นบุคคลที่เหมือนกับท่านในตอนนี้ หากไม่ใช่พวกสารเลวที่หลงเหลือของแอตแลน เหตุใดจึงจับมือใครดมไม่ได้…” เทียนตี้ขมวดคิ้วแน่น ยังคงมิอาจเข้าใจ “ดังนั้นตอนนี้ ‘มัน’ ต้องการสิ่งใดหรือ”
“นี่ก็คือสิ่งที่ข้าให้เจ้าจับตามอง ดูว่า ‘มัน’ จะทำอะไรจึงจะสรุปได้ว่า ‘มัน’ คือใคร และจับ ‘มัน’ ให้ได้ หรือไม่ก็ล่อ ‘มัน’ ออกมา” เยี่ยนอวี๋พูดพลางกล่อมเด็กน้อยนอน
เยี่ยนจื่อเยี่ยทนดูต่อไปไม่ไหว “เสี่ยวเป่าเพิ่งตื่น ให้เขานอนอีกแล้วหรือ”
“หาววว…” เด็กน้อยที่หาวเบาๆ ท่าทีสะลึมสะลือ
ลุงใหญ่เยี่ยนจึงเงียบและยังยื่นมือไปตบหลังของเด็กน้อยเบาๆ เข้าใจว่าคงจะเกี่ยวข้องกับสีตาของเจ้าเด็กน้อยคนนี้
ทว่าเขาเดาผิด เพราะว่าหลังจากที่เด็กน้อยหลับตาลง เยี่ยนอวี๋นางเองก็อดไม่ได้ที่จะจับไหล่ของท่านพ่อเขาไว้ “ท่านพ่อ ข้า…”
เยี่ยนอวี๋ที่คิดจะไหว้วานบางอย่าง นางยังไม่ทันพูดออกมา จู่ๆ ก็รู้สึกเวียนศีรษะอย่างมิอาจต้านทานได้อีกครั้ง นางล้มลงไปทางท่านพ่อทันที