ตอนที่ 708 ตบหน้า
วิญญาณที่ไม่รู้จักตนหนึ่ง เรียกมันว่ามารฝูหมัวไปก่อน
เดิมทีเทียนตี้อยากเรียกมันว่ามารเฮ่าหมัว แต่กลัวถูกเซ่าเฮ่าต่อยจึงรีบเปลี่ยนเป็นเรียกอีกอย่าง
โชคดีที่เขาเปลี่ยน มิเช่นนั้นคงได้วุ่นกันภายใน เซ่าเฮ่าคงต่อยเขาก่อนผู้ใด
กลับมาที่ประเด็น
เมื่อสิ้นเสียงของเทียนตี้ เหล่าเทพที่เงียบงันเพราะบารมีอันน่าเกรงขามของเทียนตี้ล้วนหันไปมองด้วยสัญชาติญาณและได้เห็นจักรพรรดิฝูซี หนึ่งในห้าเทพบรรพกาลในตำนานที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้น
นี่มัน… ทวยเทพมากมายตะลึงงัน
ตัวเหวินเทียนอ๋องตะโกนขึ้นก่อนว่า “จักรพรรดิฝูซี?”
ก่อนหน้าเทียนตี้ ฝูซีคือเจ้าแห่งห้าเผ่าอันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน ขาดก็เพียงแต่งตั้งตำแหน่งให้หลังจากสิ้นสุดมหาสงครามเทพและมาร แต่ฝูซีตายในสงครามเทพและมาร และยังตายเพราะช่วยปฐมราชินีหยวนชูไว้
แต่ตอนนี้… เขาปรากฏกายแล้ว
เพียงแค่ใบหน้าดวงเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ทวยเทพมากมายหมอบกราบด้วยสัญชาติญาณ แต่ก็มีทวยเทพส่วนน้อยที่ไม่ได้กราบ เช่น หงส์เทพ…
แม้นางเองก็ต้อง ‘อาคม’ เช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่านางไวต่อคำว่า ‘มารฝูหมัว’ ที่เทียนตี้ใช้เรียก นางจึงไม่ได้คุกเข่าลง
ทว่าเทพรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเหวินเทียนอ๋องล้วนคุกเข่าลงอย่างมิอาจต้านทานได้ “จักรพรรดิฝูซี ท่านยังมีชีวิตอยู่ ดีมากเลย ดีมากเลย”
ในสายตาของทวยเทพรุ่นนี้ จักรพรรดิฝูซีเหมือนกับปฐมราชินีหยวนชู คือความศรัทธาของพวกเขา เป็นผู้นำแห่งความชอบธรรมที่นำพาพวกเขาเดินออกจากความมืด
ในหมู่พวกเขามีบางคนเคยออกรบพร้อมไท่เฮ่า บางคนเลื่อมใสในตัวฝูซีไท่เฮ่าที่เสียสละทุกสิ่งเพื่อพวกเขาอยู่ใกลๆ
ส่วนไท่เฮ่าที่ชื่อไท่เฮ่าก็เพราะในสายตาของสิ่งมีชีวิตสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เขาก็คือสวรรค์ สวรรค์ที่เก่าแก่ที่สุด สวรรค์ของพวกเขา สวรรค์ที่สร้างแหล่งอาศัยให้พวกเขา
…
เทียนตี้มองภาพตรงหน้าอย่างเยือกเย็น เขาไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่านี่ก็คือเหตุผลที่วิญญาณที่ไม่รู้จักตนนั้นเลือกไท่เฮ่า
ถึงอย่างไรชื่อเสียงของไท่เฮ่าท่ามกลางเหล่าทวยเทพก็เป็นรองแค่อาจารย์ของเขา
ไม่สิ เท่าที่ดูถึงตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ด้อยไม่กว่าอาจารย์ของเขา
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ถึงอย่างไรการเสียสละของไท่เฮ่าในครานั้นก็น่าเศร้าสลด
แต่สำหรับผู้รอดชีวิตจากสงครามในครานั้นย่อมไม่มีวันลืมโศกนาฏกรรมในครานั้นที่ไท่เฮ่าแผดเผาพลังทั้งหมดของตนเองเพื่อสร้างโอกาสหนีให้กับพวกเขา
อีกทั้งเขาและอาจารย์ก็มีเจตนาให้ทวยเทพทุกองค์จำฉากนี้ไว้ ภาพต่างๆ ยังหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องในหมู่ทวยเทพสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ดังนั้น ชื่อเสียงของไท่เฮ่าจึงโด่งดังยิ่งกว่าตอนมีชีวิตอยู่
และก็เป็นเพราะเช่นนี้ ไท่เฮ่าจึงเป็นผู้ถูกเลือก
ในบรรดาห้าเทพบรรพกาล เทพที่เหลือทั้งสี่คือหมากที่สามารถทอดทิ้งได้ มีเพียงไท่เฮ่าที่ไม่ใช่
เทียนตี้เห็นทุกอย่างอย่างแจ่มชัดและยิ่งสงบนิ่งกว่าเดิม
เขามองมารฝูหมัวที่มีหน้าตาเหมือนไท่เฮ่าเงียบๆ ผู้ที่ยืนต้านลมอยู่ตรงหน้าเขา
และในครานี้… เซ่าเฮ่าและหยวนสื่อเทียนจุนที่เพิ่งเห็น ‘ไท่เฮ่า’ ด้วยตาตนเอง พวกเขาก็เงียบ เพราะว่าพวกเขาดูออกว่า มารฝูหมัวที่ว่านี้ก็คือไท่เฮ่า
วิญญาณของไท่เฮ่าผสานรวมกับวิญญาณนิรนามตนนั้นแล้ว
ซึ่งก็หมายความว่า… ไท่เฮ่าในตอนนี้ไม่ใช่ไท่เฮ่าคนเดิม
แต่เขาก็มั่นใจว่าคือไท่เฮ่า
ชุดเกราะรบสีเงินราวกับดวงจันทร์
ดวงตาสุกใสราวกับดวงตะวัน
มาดมั่นดั่งธารน้ำไหล
ยืนสง่าดั่งภูเขา
ย่างเดินดั่งมังกรแหวกว่าย
ไท่เฮ่าที่ทุกๆ อิริยาบถล้วนเหมือนภูเขาและแม่น้ำ ดวงจันทราและดวงตะวัน ต้นกำเนิดของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
เขาคือจักรพรรดิฝูซี ไท่เฮ่าที่กำเนิดจากสวรรค์ หลังจากยักษ์ผานกู่เบิกฟ้า
เซ่าเฮ่าน้ำตาไหล…
เขาชื่อเซ่าเฮ่าก็เพราะเขาชื่นชมฝูซีไท่เฮ่ามาตั้งแต่เด็ก นอกจากนายท่านแล้ว เขาชอบติดตามจักรพรรดิฝูซีที่สุด
ในครานั้น ไท่เฮ่าคือวีรบุรุษที่เขาเคารพนับถือที่สุด ความเคารพเช่นนั้นต่างจากความเคารพนายท่านอย่างสิ้นเชิง
แต่บัดนี้… วีรบุรุษที่เขาชื่นชมมากที่สุดกลายเป็นมารไปแล้ว
แม้การกลายเป็นมารเช่นนี้จะไม่ใช่การกลายเป็นมารด้วยตนเอง อาจจะถูกบังคับ แต่ว่า… ไท่เฮ่าให้ความร่วมมือด้วยแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่สามารถผสานรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้
ดังนั้น… เทียนตี้จึงเรียกเขาว่ามารฝูหมัว
มารฝูหมัวในครานี้ก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เหล่าทวยเทพลุกขึ้นแล้ว
ครานี้เอง… เหล่าทวยเทพรู้สึกถึงพลังที่มาจากจักรพรรดิฝูซีประคองพวกเขาขึ้นมาได้อย่างชัดเจน
มันเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์เหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ สดชื่นและอบอุ่น
ทำให้แม้แต่หงส์เทพก็เงยหน้ามองมารฝูหมัวอย่างชะงักงัน อดปฏิเสธคำว่า ‘มาร’ ที่เรียกไม่ได้
ไม่มีทางเป็นมาร นี่คือจักรพรรดิฝูซีจริงๆ
ทวยเทพทั้งหมดที่เดิมทีระวังตัวเพราะคำพูดของเทียนตี้ ล้วนมั่นใจว่าเขาไม่ใช่มาร แต่คือจักรพรรดิฝูซีจริงๆ จากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ซ่านออกมา
ทว่า… ไม่ว่าฝูซีจะมาไม้ไหน เทียนตี้ก็แค่มองดูเขาเงียบๆ เหมือนกับดูตัวตลก
จักรพรรดิฝูซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมหรือ ตี้จวิ้นเจ้ายังคงรู้สึกดื้อรั้น คิดว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแซ่หรงคนนั้นหรือ”
“เดิมทีข้าก็เคยสงสัยเช่นนั้นจริงๆ แต่ท่านรีบร้อนเกินไป” เทียนตี้ยิ้มหยัน “ท่านถึงกับออกมาด้วยตนเองยังจะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรว่าอาจารย์พ่อควบคุมท่านและเทพที่เหลือทั้งสี่ไว้”
“ข้าก็แค่หลุดจากพันธนาการของเขา เพิ่งตื่นขึ้นมาหลังจากเห็นสัจธรรม” ฝูซีกล่าวอย่างสงบ “เจ้ารู้ดีว่า นอกจากเขา ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหรือแอตแลน หรือแม้แต่เทียนอวี่ไม่มีผู้ใดที่สามารถต่อต้านปฐมราชินีอีกเป็นคนที่สอง แม้แต่ข้าในตอนนี้ก็ไม่ได้”
นี่คือความจริง มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้จนถึงยามนี้ และยังคงไม่สามารถสังหารปฐมราชินีเยี่ยนอวี๋คนนี้ได้ นอกจากนี้เขาเชื่อว่าเทียนตี้รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้พูดโกหก
แต่แล้ว…
“เจ้าพูดถูก นอกจากอาจารย์พ่อแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถต่อสู้กับอาจารย์ได้อีก เจ้าทำไม่ได้ ถึงเจ้าจะเล่นลูกไม้อีกมากมายเพียงใดก็ทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เจ้าก็ไม่สามารถเข้าจักรวาลดั้งเดิมได้
ดังนั้นเจ้าคิดจะกำจัดอาจารย์พ่อผ่านมือของข้า จากนั้นเจ้าก็จะได้เข้าจักรวาลดั้งเดิม ส่งอาจารย์กลับสู่ธรรมชาติ เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่จะปกครองสวรรค์เก้าชั้นฟ้า” เทียนตี้เข้าใจทุกอย่าง จิตใจนั้นผ่องใสราวกับคันฉ่องสว่าง
เซ่าเฮ่ากลับตกใจกับคำพูดของเทียนตี้ เรื่องอื่นเขารู้ แต่ว่า… เทียนตี้มั่นใจได้อย่างไรว่ามารฝูหมัวคนนี้ไม่สามารถเข้าไปจักรวาลดั้งเดิมได้
หยวนสื่อเทียนจุนเองก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้จักรพรรดิเซวียนหยวนก็เคยเข้าไปจักรวาลดั้งเดิมแล้ว จักรพรรดิเซียนหยวนก็อยู่กลุ่มเดียวกับจักรพรรดิฝูซีมิใช่หรือ
แต่เทียนตี้รู้ ทั้งยังมั่นใจมาก เพราะว่าเขาเคย ‘ติดตาม’ จักรพรรดิเซวียนหยวน ถูกพาออกจากจักรวาลดั้งเดิม เขาจำได้อย่างชัดเจนว่า…
ขณะที่จักรพรรดิเซวียนหยวนออกจากจักรวาลดั้งเดิม ลมหายใจแห่งชีวิตของเขาอ่อนแอลงมาก
ทว่าครานั้นเทียนตี้ไม่ได้คิดมาก จนถึงเมื่อครู่นี้ จนเมื่อมารฝูหมัวบีบบังคับให้สละบัลลังก์
จู่ๆ เทียนตี้ก็ปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว
เขาเดาว่าอาจารย์พ่อดอกบัวขาวนั่นคงได้สร้าง ‘กลไก’ บางอย่างสำหรับขัดขวางมารฝูหมัวไว้
ดังนั้น…
“เจ้าบีบบังคับให้สละราชสมบัติ นอกจากจะต้องการให้ข้าประหารชีวิตอาจารย์พ่อตามคำร้องขอของเหล่าทวยเทพ และก็คิดว่าหากทำไม่สำเร็จก็จะรัฐประหาร ปลุกปั่นให้เหล่าทวยเทพและเปล่าประชาผู้ไร้เดียงสาบุกเข้าจักรวาลดั้งเดิม สังหารอาจารย์พ่อ
น่าเสียดายที่ข้าอยู่ที่นี่ แผนการของเจ้าย่อมไม่สำเร็จ ข้าไม่หลงกลเจ้าแน่นอน ครานี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าจักรวาลดั้งเดิมทำร้ายอาจารย์พ่อและอาจารย์ได้”
เมื่อสามหมื่นปีก่อน เทียนตี้ไม่รู้อะไรเลย
สามหมื่นปีให้หลัง เทียนตี้รู้ทุกอย่างแล้ว
ถึงแม้จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ เช่นอาจารย์พ่อทำอะไรกับจักรวาลดั้งเดิมไว้ แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว
สิ่งที่สำคัญคือ… จักรวาลดั้งเดิมสามารถปกป้องอาจารย์ไว้ อาจารย์พ่อสามารถปกป้องอาจารย์ได้
แต่มารฝูหมัวคนนี้รู้ว่าอาจารย์พ่อและอาจารย์ในยามนี้อ่อนแอมาก ดังนั้น… เทียนตี้ยังตะโกนว่า “ไป๋ตี้เซ่าเฮ่า หยวนสื่อเทียนจุน ฟังบัญชา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เซ่าเฮ่าและหยวนสื่อเทียนจุนที่รอบกายปรากฏเกราะสู้รบขึ้นทันทีอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้
เทียนตี้บัญชาว่า “ช่วยข้าเฝ้าทางเข้าจักรวาลดั้งเดิม ห้ามให้สิ่งมีชีวิตใดๆ แม้แต่แมลงวันหรือกลิ่นอายใดๆ บุกเข้าจักรวาลดั้งเดิม”
“พ่ะย่ะค่ะ” เซ่าเฮ่าและหยวนสื่อเทียนจุนที่รับบัญชาพร้อมเพรียงกันก็ไปยืนประกบทางเข้าจักรวาลดั้งเดิม
ส่วนเทียนตี้ เขายืนตรงกลางประตูจักรวาลดั้งเดิม หรี่ตามองทวยเทพสวรรค์ที่พากันหลั่งไหลเข้ามา “ข้าเทียนตี้ ขอสาบานด้วยกฎของสามโลก จวินโฮ่วหรงอี้มิใช่มารร้าย ไม่มีทางทำลายแก่นหัวใจสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของข้า
เหล่าทวยเทพ เหล่าประชาและวิญญาณอย่าได้ถูกลวง หากว่าพวกเจ้ายังคงต้องการกวาดล้างคนข้างกายอาจารย์ หรือกล่าวถึงสิ่งอื่นใดอีก หรือแม้แต่บุกเข้าจักรวาลดั้งเดิม มีโทษ ตาย สถาน เดียว”
เมื่อคำสาบานดังขึ้น…
ครืน
สายฟ้าสีทองม่วงระเบิดทั่วทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดังสนั่นทั่วสามโลก คำสาบานของเทียนตี้ยังส่งไปยังทั้งห้าเผ่า เข้าไปในหูของสิ่งมีชีวิตทุกตนในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า รวมถึงเผ่ามารแดนมืดทุกตนบริเวณทะเลสาบสือซ่าไห่ ล้วนได้ยินคำสาบานของเทียนตี้
คำว่า ‘ตายสถานเดียว’ สามคำนี้ที่ดังก้องกระทบกระเทือนเผ่ามารทุกคนอย่างรุนแรง
“เทียนตี้?”
เผ่ามารน้อยใหญ่รวมถึงพิกซีน้อยมองไปทางตำหนักสวรรค์อย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดว่าเทียนตี้จะปกป้องจักรพรรดิของพวกมันเช่นนี้?
หวีด
ตี้เซินที่กลายร่างเป็นชิงเหนี่ยว นางก็มองไปทางตำหนักสวรรค์ด้วยดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
จุดประสงค์ของมารฝูหมัวคือการทำให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าสั่นคลอน บีบบังคับให้สละราชสมบัติและสังหารหรง
เทียนตี้ เขาทำลายแผนการทุกอย่างของมารฝูหมัว
ขจัดความวุ่นวายทั้งหมดตั้งแต่ต้น
เขาสาบานในนามของเจ้าแห่งสามโลก เพียงพอแล้วที่จะสร้างความมั่นใจให้กับเผ่ามาร ทำให้พวกมันไม่ต้องออกจากทะเลสาบสือซ่าไห่เพราะความกังวล
เขาสาบานในนามของเจ้าแห่งสามโลก ทำให้เหล่าประชาใดๆที่ถูกหลอกลวงชั่งน้ำหนักในใจว่าควรเดินหน้าต่อหรือไม่ เพราะนั่นหมายถึงตายสถานเดียว