ตอนที่ 711 คุกเข่าซะ
“ตำแหน่งจักรพรรดินี้ ข้าสละให้เจ้าได้” เทียนตี้พูดเสร็จก็ถอดมงกุฎและยื่นมงกุฎไปข้างหน้ามารฝูหมัว “เชิญ”
ท่าทางกวนประสาทของเขาทำเอาเซ่าเฮ่าตะลึงงัน “เทียนตี้ นี่ท่าน…”
ตี้จวิ้นที่ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เซ่าเฮ่าว่าไม่ต้องเป็นห่วง แม้ผมของเขาจะปล่อยสยาย แต่ก็ไม่กระทบต่อความสง่างามของเขา “มารฝูหมัว ในเมื่อเจ้าอยากได้ตำแหน่งเทียนตี้ ข้าให้เจ้าได้ ตราบใดที่เจ้าทำตามวาจาที่เจ้าลั่นไว้ว่าจะปฏิบัติต่อสรรพชีวิตสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอย่างดีก็พอ
แต่หากเจ้าต้องการให้ข้าตี้จวิ้นทำร้ายอาจารย์พ่อแทนเจ้า ทำให้ข้าต้องกลายเป็นคนอกตัญญูและกลายเป็นคนเลวที่หลอกลวงอาจารย์และทำลายบรรพบุรุษ ต้องขออภัย เป็นไปไม่ได้”
เพียงเท่านี้?
เอ่อ…
อย่าว่าแต่ไท่เฮ่าที่คิดไม่ถึงว่าตี้จวิ้นจะ ‘เด็ดขาด’ เช่นนี้ชะงักงัน เหล่าทวยเทพก็ชะงักเช่นกัน? พวกเขาถึงกับรู้สึกว่าเหมือนกับว่าเทียนตี้อยากจะสลัดตำแหน่งจักรพรรดินี้ไปอย่างไรอย่างนั้น
โอ้ ไม่สิ ไม่ใช่ภาพลวงตา
คิดถึงครานั้น เมื่อครั้นปฐมราชินีกลับมา เทียนตี้ที่รู้สึกผิดเคยมอบมงกุฎจักรพรรดิให้บุตรชายน้อยของปฐมราชินีต่อหน้าทุกคนด้วย
ดังนั้น… เหมือนกับว่าเทียนตี้จะไม่ค่อยสนใจตำแหน่งเทียนตี้เท่าไรนัก นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาบอกว่าไม่ต้องการแล้ว
ดังนั้น… พวกเขาต้องเปลี่ยนเทียนตี้คนใหม่แล้วจริงๆ หรือ
จู่ๆ เหล่าทวยเทพก็มองจักรพรรดิมารฝูหมัวตาปริบราวกับคนน่าสงสารกลุ่มหนึ่งที่ถูกทอดทิ้ง
มารฝูหมัว “…”
ได้มาง่ายดายเช่นนี้รู้สึกเป็นหลุมพรางอย่างไรไม่รู้?
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่มารฝูหมัวยังคงยื่นมือไปรับมงกุฎจักรพรรดิไว้ “เจ้าอย่าเสียใจภายหลัง”
“แน่นอน” เทียนตี้ตอบอย่างมั่นใจ
มารฝูหมัวยิ้นหยัน เขาสวมมงกุฎจักรพรรดิไว้บนศีรษะจริงๆ ด้วย
วิ้ง วิ้ง…
พลังความยุติธรรมและซื่อสัตย์นับไม่ถ้วนโถมเข้าไปในร่างของฝูซีอย่างรวดเร็ว ทำให้กลิ่นอายของเขารุนแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งทำให้หยวนสื่อเทียนจุนไม่ค่อยเข้าใจ “เทียนตี้นี่ท่าน…”
“เรียกข้าว่าสหายตี้ ไม่ใช่เทียนตี้แล้ว” ตี้จวิ้นแก้ชื่อที่หยวนสื่อเทียนจุนเรียกอย่างปรับตัวได้ดีมาก
เซ่าเฮ่านวดระหว่างคิ้วเบาๆ “เสี่ยวจวิ้นจวิ้น เจ้าจะทำอะไรกันแน่”
“เรียกข้าว่าพี่จวิ้น เสี่ยวจวิ้นจวิ้นอะไรกัน” ตี้จวิ้นย้ำ
เซ่าเฮ่า “…”
จู่ๆ เขาก็ไม่อยากถามแล้ว ทว่ามารฝูหมัวในครานี้มีเวลาให้เซ่าเฮ่าเอ่ยถามอีกครั้ง เขาบัญชาว่า “เหล่าทวยเทพโปรดฟังบัญชา จงเข้าจักรวาลดั้งเดิม กวาดล้างคนเลวข้างปฐมราชินี หากผู้ใดขัดขวาง ตายสถานเดียว”
เมื่อเสียงบัญชาดังขึ้น… สีหน้าหยวนสื่อเทียนจุนแปรเปลี่ยนทันที มารฝูหมัวต้องการให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเอง ทว่ามารฝูหมัวก็เอ่ยขึ้นว่า “หยวนสื่อเทียนจุน บัดนี้ข้าคือเทียนตี้ เจ้าจะเลือกเป็นผู้ทรยศต่อไปหรือจะกลับมาอยู่ใต้อาณัติของข้า ต่อสู้เพื่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้า”
“ขออภัย ข้าไม่คิดว่าเผ่ามารไม่สมควรอยู่บนโลก และข้าก็ไม่เห็นด้วยกับพวกท่านที่เห็นจวินโฮ่วเป็นหายนะของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ข้า เคารพตำหนักไท่ชาง ฟังบัญชาปฐมราชินีหยวนชู” หยวนสื่อเทียนจุนตอบอย่างหนักแน่น และยังเน้นคำว่า ‘ตำหนักไท่ชาง’ อย่างชัดถ้อยชัดคำ
คำว่า ‘ตำหนักไท่ชาง’ คำนี้ย่อมเรียกความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในใจของเหล่าทวยเทพขึ้นมา นั่นก็คือ… ภาพที่ปฐมราชินีหยวนชูเรียกเหล่าขุนเขาและท้องทะเลทั้งหมดกลับมาในครานั้น ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เหล่าทวยเทพพลันรู้สึกเหมือนกับว่าเหล่าขุนเขาและท้องทะเลปรากฏขึ้นอีกครา ทำให้พวกเขาเงียบงันด้วยสัญชาติญาณ ไม่ได้ตอบคำบัญชาของไท่เฮ่า
ทว่ามารฝูหมั่วกลับยิ้มหยัน “ที่ปฐมราชินีสามารถเรียกเหล่าขุนเขาและท้องทะเลกลับมาได้ในครานั้น ล้วนเป็นเพราะนางเพิ่งกลับตำหนักสวรรค์ นางสามารถปรากฏตำนานในอดีตอีกครั้งในเวลาสั้นๆ โดยใช้โอกาสที่ได้กลับมา มันเป็นเพียงตำแหน่งชั่วคราว ไม่ยืนยง
มิหนำซ้ำ ตราบใดที่เจ้าแซ่หรงนั่นตาย หัวใจที่ถูกหลอกลวงของปฐมราชินีก็จะได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ถึงครานั้นปฐมราชินีก็จะไม่ทำลายสรรพชีวิตสวรรค์เก้าชั้นฟ้า”
เมื่อพูดจบ มารฝูหมัวไม่ปล่อยให้ผู้ใดมีโอกาสแย้งก็บัญชาเสียงดังว่า “เทพทั้งหลาย ลงมือเถิด”
ซู่
เหล่าทวยเทพที่เดิมทีกำลังลังเลจริงๆ เห็นได้ชัดว่าล้วนคิดว่าสิ่งที่มารฝูหมัวพูดมีเหตุผล พวกเขาถูกกระตุ้นจนชูอาวุธวิเศษออกมาและเข้าใกล้ทางเข้าจักรวาลดั้งเดิม
เทียนตี้ย่อมไม่ถอย มารฝูหมัวยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าตี้จวิ้นเจ้าจะสังหารเผ่าเทพเพียงเพื่อจักรพรรดิอสูรที่ไม่ข้องเกี่ยวกับตนผู้หนึ่งหรือไม่”
เซ่าเฮ่าหน้าเคร่งขรึม ยังคงคิดไม่ออกว่าเหตุใดเทียนตี้จึงมอบมงกุฎจักรพรรดิให้ บัดนี้ไม่สามารถสั่งให้ทวยเทพที่ถูกหลอกลวงถอยออกไป กลับกลายเป็นว่าเราเสียเปรียบมากกว่ามิใช่หรือ
ทว่าเขาเพิ่งจะคิดเช่นนี้เสร็จก็เห็นว่า…
แซ่ด
จู่ๆ แสงจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนมงกุฎจักรพรรดิของมารฝูหมัว ความเคลื่อนไหวนี้ย่อมหนีไม่พ้นการรับรู้ของมารฝูหมัว แต่แล้ว…
แทบจะในเวลาเดียวกัน…
“คุกเข่าซะ”
ตี้จวิ้นที่รอบกายระเบิดแสงสีม่วงเข้มออกมาได้ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ระดับผู้สร้างออกมา
วิ้ง
ตำหนักไท่ชางอันเก่าแก่
วิ้ง
ทะเลหมอก ภูเขา และแม่น้ำอันเก่าแก่
วิ้ง
สสารสิ่งมีชีวิตโบราณล้วนจำลองออกมาจากร่างกายของตี้จวิ้นและพุ่งใส่มารฝูหมัวอย่างจัง
“ฮึ”
มารฝูหมัวกลับไม่เห็นตี้จวิ้นในสายตา ยังสะบัดแขนเสื้อตะคอกว่า “ไม่เจียมตัว ออกไปซะ…”
ตูม
พลังระดับผู้สร้างของตี้จวิ้นปะทะกับพลังของมารฝูหมัวทันที
จากนั้น… ตุบ
มารฝูหมัวคุกเข่ากลางอากาศทันที
“บัดซบ”
เหล่าทวยเทพเบิกตากว้าง มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่มัน…
เพียงกระบวนท่าเดียวของตี้จวิ้นก็ทำให้มารฝูหมัวคุกเข่าลงแล้ว?
นี่มัน… ไม่จริงใช่หรือไม่
แม้แต่เซ่าเฮ่าและหยวนสื่อเทียนจุนก็เผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา ทว่า…
“เพราะมงกุฎจักรพรรดิ”
เซ่าเฮ่าที่แสงวาบผ่านนัยน์ตามองไปที่มงกุฎของมารฝูหมัว จู่ๆ ก็ตระหนักรู้ว่า “หลังจากที่เสี่ยวจวิ้นจวิ้นเลื่อนขั้นก็ได้ ‘แทนที่’ นายท่าน และได้รับสิทธิ์การแต่งตั้ง”
หยวนสื่อเทียนจุนตาเป็นประกาย เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว
ตี้จวิ้น เขาแทนที่ปฐมราชินีมานานแล้ว เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของกฎระเบียบ แต่เขาไม่ได้ใช้พลังส่วนนี้มาโดยตลอด ประการแรกเป็นเพราะเคารพเยี่ยนอวี๋ ประการที่สองเพราะไม่จำเป็นต้องใช้
ดังนั้น ผลลัพธ์จากการที่มารฝูหมัวต้องการตำแหน่งจักรพรรดิ และผลจากความต้องการให้เหล่าทวยเทพล้มล้างบัลลังก์อย่างไร้ซึ่งข้อพันธนาการและเหตุผล ก็คือทันทีที่เขาได้รับบัลลังก์ เขาก็อยู่ ‘ต่ำ’ กว่าเทียนตี้หนึ่งระดับ
หากมารฝูหมัวไม่ได้รับตำแหน่งนี้ไว้ ตี้จวิ้นคงไม่สามารถปราบเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
“วิเศษจริงๆ”
หยวนสื่อเทียนจุนที่เข้าใจทุกอย่างแล้วรู้สึกว่าตี้จวิ้นฉลาดมากจริงๆ
แต่แล้ว…
“เจ้ารนหาที่ตาย”
มารฝูหมัวที่ถูกโจมตีจนคุกเข่าลงอย่างไม่ทันตั้งตัว เขากลับระเบิดมงกุฎจักรพรรดิแตกทันที ในขณะเดียวกันก็พุ่งตัวมาเข้ามาหาตี้จวิ้น เห็นได้ชัดว่าต้องการบีบคอตี้จวิ้นให้ตาย
เพียงแต่ว่า… ขณะที่ลงมือนั่นเอง มารฝูหมัวที่รู้สึกเย็นวาบจู่ๆ ก็รู้สึกว่าถูกอะไรบางอย่างจ้องมอง และถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่ง
เพราะว่า… เยี่ยนอวี๋ในครานี้กำลัง ‘มอง’ เขาจริงๆ