ตอนที่ 722 ติดเมีย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าเก็บดอกไม้น้อยๆ ของตนกลับมาเงียบๆ และยังหันไปเรียกหาท่านแม่ “แม่…”
เยี่ยนอวี๋รับเด็กน้อยมา ในขณะเดียวกันนางก็นำตะเกียงวิญญาณที่เกิดจากการเผาไหม้ตนเองของไท่เฮ่าไว้เหนือฝ่ามือ
อินหลิวเฟิงก็ไม่ชักช้า เขาเริ่มวาดค่ายกลอยู่ที่เดิม และยังเรียกกู้จื่อเฟิงมาช่วยอย่างคุ้นเคย “ชุนซิ่นจวิ่น รีบมาช่วยหน่อยสิ”
“ที่ติดค้างเจ้าไว้” กู้จื่อเฟิงย่อตัวลงช่วย ใจของเขาผ่อนคลายลงแล้ว เมื่อครู่นี้เขาเองก็กังวลว่านายน้อยสติไม่สมประกอบนั่นจะไม่อยู่อีกแล้ว
ความรู้สึกเช่นนั้น… ก็คงเหมือนกับความรู้สึกเมื่อพวกเขาเห็นเขา แต่กลับพบว่าเขาไม่ใช่กู้หยวนหมิง
ส่วนตี้จวิ้น เขากำลังมองเพลิงประกายสีเขียวในตะเกียงที่อยู่ในมือของเยี่ยนอวี๋อย่างรู้สึกเสียใจ
“จากไปจริงๆ แล้วหรือ” ซีหวังหมู่ถามอย่างเหม่อลอย
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า สัมผัสได้ว่าไท่เฮ่าแผดเผาพลังชีวิตทั้งหมดไว้ในตะเกียงวิญญาณดวงนี้ นางใช้พลังไท่ชูรักษาความเสถียรให้มัน เพื่อป้องกันไม่ให้หลังจากพลังวิญญาณของเขาสลายแล้ว จะไม่เพียงพอที่จะนำทางนางไปยังยุคคุนหลุนที่ไท่เฮ่าเล่าไว้ อีกทั้งด้วยเวลาในตอนนี้ เยี่ยนอวี๋เอ่ย “ข้าไปดูสามีอีกเสียหน่อย ประเดี๋ยวกลับมา”
“ท่านไปเถอะ” ตี้จวิ้นพูดพลางยังห้ามซีหวังหมู่ที่ทำท่าจะพูดบางอย่าง
เยี่ยนอวี๋จึงอุ้มเด็กน้อยกลับไปยังห้องบรรทมของตนเอง และอยู่ข้างกายสามีของนางแล้ว
ซีหวังหมู่ซักถามตี้จวิ้น “ทำไม ข้าก็แค่อยากให้นายท่านรอจวินโฮ่วตื่นก่อนค่อยไป เช่นนั้นไม่เหมาะสมกว่าหรือ”
ตี้จวิ้นอธิบายอย่างใจเย็น “สวรรค์เก้าชั้นฟ้าพังทลายสองครั้งต่อเนื่อง บัดนี้เปราะบางมากแล้ว จะไม่มีปัญหาใดๆ ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ หากไม่รีบส่งหลุมศพนั่นกลับไปจะเกิดปัญหาไม่รู้จบ”
ดังนั้น… ตี้จวิ้นเข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์จึงร้อนรนเช่นนี้
นอกจากนี้ตี้จวิ้นก็รู้ว่าอาจารย์ทำเพื่อพวกเขา
เซ่าเฮ่าเองก็พูดอย่างกระจ่างว่า “นอกจากหลิวเฟิง ดูจากการแตกร้าวของพวกเจ้าในยามนี้แล้ว ซีซีและเสี่ยวเหลย เม่ยเอ๋อร์ และท่านลุงเยี่ยนและครอบครัว เกรงว่าจะอยู่ไม่ถึงสามวันก็จะปรากฏอาการสลายหายเหมือนหลิวเฟิงเมื่อครู่
แม้นายท่านทำเพื่อพวกเจ้าอย่างเดียว ไม่ได้เพื่อสิ่งอื่น นางก็จะไม่รอช้า ถึงอย่างไรไม่มีใครรู้ว่า จะมีใครมีอาการแตกร้าวเร็วขึ้นเหมือนหลิวเฟิงแบบนี้หรือไม่”
ซีหวังหมู่นั่งลงมาเขี่ยพื้นเงียบๆ…
เทพอัสนีเองก็ไม่พูดไม่จา ดวงตาแดงก่ำ
“ปัญหาคือ ใครดูแลท่านเสี่ยวเป่า” ตี้จวิ้นถาม
ครานี้เยี่ยนชิงเงียบ จางอวิ๋นเมิ่งอยากจะรับไว้ แต่ถูกห้าม “เมิ่งเอ๋อร์ เว้นแต่เสี่ยวเป่าอยากอยู่เอง มิเช่นนั้นใครก็ดูแลเขาไม่ได้ ไม่เหมือนกับสถานการณ์เมื่อครู่นี้”
“เสี่ยวเป่าเชื่อฟังดีไม่ใช่หรือ” จางอวิ๋นเมิ่งคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร ตั้งใจว่าประเดี๋ยวจะคุยกับหลานชายน้อยดีๆ หลานชายน้อยน่ารักเช่นนี้ ต้องไม่โวยวายแน่นอน
แต่แล้ว… เจ้าตัวน้อยในครานี้กำลังโวยวาย “แม่ ไม่พาเป่า?”
“เสี่ยวเป่าช่วยดูแลท่านพ่อรูปงามอยู่ที่นี่ไง เจ้าดูสภาพของเขาตอนนี้สิ…” เยี่ยนอวี๋ลูบหลังอ่อนนุ่มของเด็กน้อยพลางชี้ไปที่เตียงที่เป็นก้อนสีดำสนิท “เจ้าจะไปกับแม่อย่างสบายใจได้หรือ”
“สบายใจ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าพูดเสียงดังว่า “แม่ พาเป่า”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่เดิมทีคิดว่าเด็กน้อยจะยอมคุยกับนางดีๆ จู่ๆ ก็หมดคำพูด
เด็กน้อยยังดึงดันกอดนางไว้แน่น ท่าทีไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด
นี่มัน…
แหวกหญ้าให้เป่าตื่นเสียแล้ว?
เยี่ยนอวี๋นวดระหว่างคิ้วอย่างรู้สึกปวดศีรษะ “เสี่ยวเป่าเด็กดี…”
“ไม่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าเลือกที่จะประพฤติตนกล่าวว่า “ตามแม่ พาเป่า”
เยี่ยนอวี๋ “…”
เด็กน้อยมุ่งมั่นมาก จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็ไม่รู้จะคุยต่อไปอย่างไรดี
แต่ว่าจิ่วอิงในครานี้ก็ปีนออกมาแล้ว เยี่ยนอวี๋ค่อยโล่งอก นางคิดจะคุยกับปู่จิ่วท่านนี้เสียหน่อย ทว่า…
“ข้าคิดว่าภรรยาอี้เอ๋อร์พาเสี่ยวเป่าไปด้วยได้ ข้าก็จะไปด้วย เผื่อเกิดอะไรขึ้น” จิ่วอิงคิดว่าดวงของภรรยาตระกูลหรงนี่จะว่าอย่างไรดี ยามดีก็ดีขึ้นสวรรค์ ยามร้ายก็ร้ายลงนรก ครานี้อาจจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ก็ได้
“แต่ว่า…” เยี่ยนอวี๋ยังคิดจะ ‘สู้’
จิ่วอิงกลับพูดว่า “ฟังข้า ตามนี้ เจ้าเป็นถึงภรรยาของอี้เอ๋อร์ ตอนนี้เขานอนอยู่ ข้าต้องช่วยเขาปกป้องเจ้า มิเช่นนั้นตื่นมาถูกเขาจัดการใครจะช่วย”
“นั่นน่ะสิ…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าอยู่ฝ่ายเดียวกับอิงอิงของเขาทันที “เป่า ปกป้องแม่ พ่อถึง ไม่ตี”
“เช่นนั้นหากพ่อเจ้าเป็นอะไร ใครจะช่วยเขาเล่า” เยี่ยนอวี๋ย้อนถาม
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงพูดขึ้นว่า “ลูกผู้ชาย พึ่ง ตนเอง ต้อง รู้จัก ดูแลตนเอง”
เยี่ยนอวี๋ที่เดิมทีเคร่งขรึมและจริงจังอดเผยยิ้มออกมาไม่ได้ “ใครสอนเจ้าน่ะ”
“พ่อ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยืดอกขึ้นกล่าว “ปกป้องแม่ ตาม”
เยี่ยนอวี๋กลับยังคงไม่อยากพาเด็กน้อยไปด้วย เพราะว่านางรู้ว่ามีตัวแปรมากเกินไป หากทุกอย่างราบรื่นดีก็ดีไป แต่หากถูกอวิ๋นเหลียนจับได้ เช่นนั้น…
เยี่ยนอวี๋ไม่ทันคิดเสร็จ จู่ๆ จิ่วอิงก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ภรรยาอี้เอ๋อร์ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องคุยกับเจ้าก่อน”
“อะไรหรือ” เยี่ยนอวี๋ตั้งใจฟัง
สุดท้าย… จิ่วอิงพูดว่า “เมื่อไปถึงที่นั่น หากเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามขัดขวางไม่ให้ปู่จิ่วกินคน ถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ต้องตายอยู่แล้ว จะตายช้าหรือตายเร็วก็เหมือนกัน สู้ให้ปู่จิ่วกินอิ่มสักมื้อดีกว่า”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางสงสัยว่าที่ปู่จิ่วตามนางไปเป็นเพราะอยากกินคนเท่านั้น
นางอยากจะปฏิเสธจริงๆ… แต่จิ่วอิงยังพูดขึ้นว่า “เจ้าก็อย่าดูถูกปู่จิ่วข้า เมื่อถึงที่นั่น ไร้ซึ่งพันธนาการ ปู่จิ่วเจ้าจึงจะแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ เจ้าน่ะไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่ อี้เอ๋อร์ไม่ให้ข้าแสดงศักยภาพเต็มที่ตลอด น่ารำคาญมากเลย”
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ชะงัก “…เขาให้ท่านควบคุมไว้ตั้งแต่เมื่อใด”
“ตั้งนานแล้ว” จิ่วอิงกล่าว “คงกลัวว่าพลังของข้าจะขัดแย้งกับกฎของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หลักการเดียวกับหลุมศพ เขาเองก็ควบคุมไว้เช่นกัน ดังนั้นครานี้ไปที่นั่น ข้าก็จะทำทุกอย่างที่ต้องการได้ แค่คิดก็สนุกแล้ว”
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้พูดอะไร กลับรู้สึกสะเทือนใจอย่างแปลกประหลาด ทำให้นางอยากจะตั้งใจครุ่นคิด
แต่อินหลิวเฟิงกลับรวดเร็วยิ่งนัก เขาตะโกนเรียก “นายท่าน! เสร็จแล้ว!”
เยี่ยนอวี๋มองกลับไปที่เตียง ‘สีดำสนิท’ “สามี ข้าไปประเดี๋ยวก็กลับมา รอข้านะ”
“พ่อ เป่า ก็ไป ปกป้องแม่ รอเป่า” เด็กน้อยเองก็ ‘บอก’ ท่านพ่อเลียนแบบเยี่ยนอวี๋
จิ่วอิงไม่ได้พูดอะไร มันอดใจรอไม่ไหวมุดตัวออกไปแล้ว ราวกับเห็นคนจำนวนมากกำลังรอให้มันกิน เห็นได้ชัดว่าลืมไปแล้วว่าปฐมราชินีเยี่ยนไปแค่ชั่วครู่ก็กลับมา อาจจะรวดเร็วจนไม่เจอคนด้วยซ้ำ
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องภายหลัง… เยี่ยนอวี๋ในครานี้อุ้มเด็กน้อยเตรียมจะจากไป
เพียงแต่ว่านางเพิ่งจะหันหลังไป แสงสีม่วงอร่ามไหลออกมาจากเตียง ‘สีดำสนิม’ และพันข้อเท้าของนางไว้ราวกับไม่ให้นางไป ทำเอานางผงะอยู่ที่เดิม “สามี?”
นางสัมผัสถึง… ความเย็นจากข้อเท้าได้อย่างชัดเจน ทำให้นางหันกลับไปด้วยสัญชาติญาณ มองไปที่เตียงและสามีรูปงามของนางอีกครั้ง