ตอนที่ 723 ติดตาม
เด็กน้อยที่มองท่านพ่อ ‘สีดำ’ แล้วมองขาของท่านแม่อีกครั้ง เขายังมองขาของตนเอง พบว่าขาของตนเองไม่มีกลิ่นอายของท่านพ่อ “เนะ?”
“สามี เจ้าตื่นแล้วหรือ” เยี่ยนอวี๋ที่โถมตัวไปข้างเตียง นางยื่นมือไปจับก้อน ‘สีดำสนิท’ กลุ่มนั้น สัมผัสถึงความเย็นราวกับสัมผัสโดนแผ่นน้ำแข็งที่กลายเป็นน้ำแข็งตลอดกาล
มันเย็นจน… เยี่ยนอวี๋ตั้งสติได้และรู้ว่าสามีของนางยังไม่ตื่น แต่เขาต้องได้ยินสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่นี้แน่นอน อีกทั้งยังไม่ยอมให้นางไป
เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเยี่ยนอวี๋ที่รู้ เด็กน้อยเองก็ ‘ค้นพบ’ แล้ว เขายังไม่พอใจ “ข้าล่ะ พ่อ ของเป่าล่ะ?” ทำไมท่านแม่มี เป่าไม่มี
เด็กน้อยที่ไม่พอใจยังหนีลงพื้นและเปิดชายกระโปรงของท่านแม่เขา เขาเห็นว่าข้อเท้าของท่านแม่มีประกายระยิบระยับ ระยิบระยับของท่านพ่อรูปงามตามคาด
“อ้ะ” เด็กน้อยที่ไม่พอใจนั่งลงบนพื้นทันที ยังคิดจะแยกส่วนหนึ่งออกมาจากข้อเท้าท่านแม่เขา ถึงอย่างไรเท้าทั้งสองข้างก็มีอยู่ เขาไม่มีเลยสักข้าง น่าโมโหจริงๆ
น่าเสียดายที่เขาใช้นิ้วมือสั้นๆ ของตนเองแกะอยู่เป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีอะไรหลุดลงมา ทำเอาเขาโมโหจนร้องโวยวาย “อ้ะ พ่อ เป่าล่ะ”
เยี่ยนอวี๋ยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ และยังนั่งยองๆ ลงมาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาก่อนจะจูบอีกสองสามที “ท่านพ่อเจ้าคงโมโหที่เจ้าไม่อยู่ดูแลเขาจึงไม่มีให้เจ้า”
“อ้ะ?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ตะลึงคิดว่าเป็นเรื่องจริง
เยี่ยนอวี๋ถือโอกาสเกลี้ยกล่อมว่า “ดังนั้นเสี่ยวเป่าอยู่ที่นี่เถอะ”
“ไม่ เอา” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากล่าวอย่างโมโห “ไม่สน พ่อ คนกะล่อน”
เยี่ยนอวี๋อดหัวเราะ ‘พรวด’ ออกมาไม่ได้ หลังจากจูบเด็กน้อยทีหนึ่งก็กล่าวลาสามีอีกครั้ง “สามี เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะกลับมาโดยเร็ว”
นางจะระวังตัวตามที่ไท่เฮ่าบอกและจะไม่ทำให้อวิ๋นเหลียนรู้ตัว เช่นนั้นจึงจะสามารถกลับมาได้ทันที และดูแลเขา รอเขาตื่นขึ้นมาข้างกาย
เมื่อพูดจบ เยี่ยนอวี๋ก็จากไปอย่างเด็ดขาดทันที นางกลัวว่าตนเองจะอาลัย แต่นางก็ไม่กล้าชักช้า นางกลัวว่าลูกน้องของนางจะมีอาการเดียวกับเจ้าวิหคทมิฬ
เจ้าวิหคทมิฬยังสามารถใช้พลังชีวิตที่ถูกปลุกตื่นจากการเวียนว่ายตายเกิดและได้มีชีวิตอีกครั้ง แต่คนที่เหลือคงไม่ได้โชคดีเช่นนี้แล้ว โดยเฉพาะพี่ใหญ่และท่านแม่ของนาง
แม้ทั้งสองจะซ่อนมือของตนเองไว้อย่างมิดชิดก็ตาม แต่เยี่ยนอวี๋ไม่ต้องดูก็เดาได้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาร้ายแรงกว่าซีซีพวกมันแน่ๆ
ถึงอย่างไรร่างกายของพวกเขาก็อ่อนแอกว่าซีซีพวกเขา อีกทั้งซีซีพวกมันสามารถต้านทานกฎมิติอันแปลกประหลาดนี้ได้ดีกว่าเนื่องจากอิทธิพลของนาง
ดังนั้น… นางจะรอไม่ได้ นอกจากนี้นางไม่ต้องการให้สามีนางรีบตื่นเพื่อไปพร้อมนาง
นางต้องรีบจัดการปัญหาให้เสร็จ เพื่อจะได้กลับมาดูแลเขา ให้เขาผสานร่างพลังสุดท้ายอย่างสบายใจ เพียงแต่ว่านางเพิ่งจะอุ้มเด็กน้อยจากไป แสงสีม่วงอร่ามก็ไหลออกมาจากกลุ่ม ‘สีดำสนิท’ ก้อนนั้นอีกครา
ในขณะเดียวกัน… เยี่ยนอวี๋กลับไปในตำหนักของอินหลิวเฟิงแล้ว
“นายท่าน”
เหล่าทวยเทพโค้งตัวคำนับ ทำท่าจะพูดอะไร แต่เยี่ยนอวี๋เดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าค่ายกลที่อินหลิวเฟิงสร้างไว้แล้ว
มันเป็นค่ายกลที่มีรูปแบบการสร้างที่แตกต่างจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าโดยสิ้นเชิง ทันทีที่เยี่ยนอวี๋เห็นนางก็รู้ว่าเป็น ‘ฝีมือ’ ของสามีนางจริงๆ
“นายท่าน หลังจากค่ายกลเริ่มทำงาน สามารถคงอยู่ได้มากสุดเจ็ดวัน ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ท่านต้องกลับมาภายในเจ็ดวัน มิเช่นนั้นท่านจะกลับมาไม่ได้อีก นี่คือคำกำชับของจวินโฮ่ว” อินหลิวเฟิงกำชับอย่างจริงจัง
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “ข้าจะไปหลุมศพเดี๋ยวนี้ นำทุกสิ่งของที่นั่นไปด้วย”
“มิต้อง” อินหลิวเฟิงกลับเอ่ย “จวินโฮ่วตระเตรียมไว้แต่แรกแล้ว เมื่อค่ายกลนี้เริ่มทำงานก็จะเกิดปฏิกิริยากับค่ายกลผนึกของทางนั้น เมื่อท่านเข้าไปในค่ายกลแล้ว ท่านเพียงแค่ต้องรอให้ค่ายกลผนึกเข้ามา
ถึงครานั้น ไอมรณะแดนมืดนิรันดร์ในค่ายกลผนึกจะพยายาม ‘ดิ้นหนี’ นั่นคือการต่อสู้ดิ้นรนของเจตจำนงที่หลงเหลือของอวิ๋นเหลียน ท่านเพียงต้องแน่ใจว่าไม่ว่า ‘นาง’ จะดิ้นรนอย่างไร ท่านก็จะควบคุม ‘นาง’ กลับไปที่เดิมได้”
เยี่ยนอวี๋ชะงัก… นางคิดไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องนี้ สามีนางก็เตรียมไว้หมดแล้ว เทพองค์อื่นๆ เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน พวกเขาล้วนชะงักงัน
“ดังนั้น ตั้งแต่เมื่อสามหมื่นปีที่แล้วจวินโฮ่วก็ทำนายถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้แล้วหรือ ไหนบอกว่าความทรงจำของเขาไม่สมบูรณ์เพราะร่างพลังที่แยกกระจายอย่างไรเล่า” จู่ๆ กู้จื่อเฟิงก็รู้สึกเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจ สุดปอด สุดตับด้วย
มารดามันเถอะ ใครจะไปทำได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ความทรงจำกระจัดกระจายเช่นนี้
นี่มันช่าง… เข็ดฟันจริงๆ
ถึงอย่างไรตี้จวิ้นก็ยอมแพ้อย่างสุดจิตสุดใจไปแล้ว แต่เขาก็อดพูดไม่ได้ว่า “ข้าเดาว่าอาจารย์พ่อจำได้ทุกอย่าง”
“ไม่ใช่จำได้ เขาแค่รู้จักตัวเขาดี” อินหลิวเฟิงถือว่าเป็นผู้ ‘ติดตาม’ เขามาตลอดทาง เขารู้ว่าต้าซือมิ่งรู้จักตนเองเป็นอย่างดีจึงวางแผนทุกอย่างได้ประจวบเหมาะเช่นนี้
จวินโฮ่วท่านนี้ของพวกเขารู้ดีว่า ไม่ว่าจะสามหมื่นปีให้หลังหรือจะกี่ปีให้หลัง เขาก็จะช่วยภรรยาของตนเองผนึกหลุมศพไว้จึงมีแผนการเช่นนี้
อินหลิวเฟิงเลื่อนใสอย่างสุดจิตสุดใจมานานแล้ว “นายท่าน เชิญเถิด ข้าน้อยเชื่อว่าจวินโฮ่วต้องปกป้องท่านกลับมาอย่างปลอดภัย”
เรื่องนี้… ทวยเทพทุกคนในเหตุการณ์รวมถึงตี้จวิ้นล้วนเชื่อเช่นนี้
เยี่ยนอวี๋มองพวกเขาทีละคน และมองไปที่ท่านพ่อเจ้าน้ำตา พบว่าท่านพ่อของนางร้องไห้ตามคาดอีกแล้ว
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…” เดิมทีเยี่ยนชิงกลั้นไว้ได้ แต่ทันทีที่เขาสบตากับบุตรสาว เขาก็กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป พูดจริงๆ เขาไม่อยากให้บุตรสาวเป็นปฐมราชินีอะไรนั่นแล้ว
จางอวิ๋นเมิ่งก็ร้องไห้เช่นกัน…
เยี่ยนอวี๋บีบเด็กน้อยเบาๆ รู้สึกทนไม่ไหวแล้ว
“อ้ะ?”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกหยิก เขาก็เสกดอกไม้สองดอกให้บานที่ท่านตาและท่านยายของเขา “ไม่ ร้องนะ เป่า ปกป้องแม่”
จางอวิ๋นเมิ่งอยากจะพูดว่า เสี่ยวเป่าเจ้าอย่าไปเลย
แต่แล้ว…
มีลำแสงสีม่วงอร่ามพันเกี่ยวไปทางเยี่ยนอวี๋ในครานี้แล้ว ทำให้ทุกคนที่เห็นงุนงง “จวินโฮ่ว?”
เยี่ยนอวี๋ชะงักอีกครา ถึงอย่างไรวิธีการนี้ก็ทำไปเมื่อครู่นี้แล้ว ทำไมยังมีอีก
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับไม่สนใจอะไรมากมาย เขายื่นขาของตนออกไปโวยวายว่า “เป่า พ่อ รัดเป่า”
สุดท้าย… แสงสีม่วงพันแขนของเยี่ยนอวี๋ไว้
“อ้ะ อ้ะๆๆ”
เด็กน้อยระเบิดอารมณ์ทันที มืออวบอ้วนของเขาจับแขนของท่านแม่เขาไว้
จากนั้น…
วิ้ง
ลำแสงสีม่วงที่พันบนแขนของเยี่ยนอวี๋ก็ ‘ปลุกเสก’ เด็กน้อยอย่าง ‘ฝืนใจ’ มันพันข้อมือของเด็กน้อยไว้รอบหนึ่ง
ทว่าในขณะเดียวกัน…
ซู่
ค่ายกลที่อินหลิวเฟิงยังไม่ได้สั่งให้เริ่มทำงาน มันก็เปิดใช้งานด้วยตนเองแล้ว