ตอนที่ 732 ปล้นสะดม
ทำเอาเยี่ยนเสี่ยวเป่าตกใจ แต่เขาก็รีบปิดปากตนเองไว้ ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา
เยี่ยนอวี๋พาทุกคนหายตัวไปจากที่เดิม จากนั้น…
สตรีในชุดกระโปรงสีดำผู้ใส่หน้ากากปีกผีเสื้อปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ข้างหน้าพระราชวังอวิ๋นติ่งที่งดงามนั่น สายตาของนางจับจ้องไปที่ตำแหน่งเดิมที่เยี่ยนอวี๋อยู่ก่อนหน้านี้
ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าสตรีคนนี้คือเหตุผลที่เจ้าแมวเหมียวร้อง เยี่ยนอวี๋จึงมองไปที่แมวเหมียวสีขาวที่ใช้อุ้งเท้าสองข้างปิดปากไว้
เจ้าแมวเหมียวสีขาวที่ถูกมอง มันรีบส่ายศีรษะ ราวกับกำลังบอกว่า ‘ข้าไม่ได้แอบส่งข่าวนะ ข้าแค่ส่งสัญญาณเตือนพวกเจ้า เหมียว…’
แต่จิ่วอิงสงสัยมันมาก “เสียงร้องเมื่อครู่นี้ของเจ้านี่นะเรียกว่าเตือน”
เจ้าแมวสีขาวที่ตัวสั่นเทาบอกว่า ก็ข้าตกใจนี่นา สตรีนั่นน่ากลัวมากเลยนะ
“พอแล้ว เจ้าแมวจอมโกหกนี่…” จิ่วอิงรู้สึกว่าเจ้าแมวตัวนี้คือเสี่ยวไป๋แน่ๆ ไม่ผิดแน่นอน ครั้นกำลังจะสาธยายว่ามันชอบโกหกเพียงใด เม่ยเอ๋อร์กลับพบว่าสตรีชุดดำคนนั้นเหมือนกับกำลังเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่างมาทางนี้ นางจึงปิดปากของจิ่วอิงไว้ ไม่ให้เขาส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก
จิ่วอิง “…”
แม้เขาจะคิดว่าตนเองพูดเสียงเบามาก อีกทั้งยังสร้างม่านกั้นเสียงไว้แล้วก็ตาม แต่สัญชาติญาณของมันก็บอกว่าสตรีสวมหน้ากากคนนี้ดูมีอะไร มันจึงไม่ได้ ‘นินทา’ แมวเหมียวสีขาวต่อไป
แม้เยี่ยนอวี๋จะไม่ได้พูดอะไร แต่นางก็สัมผัสได้ว่าสตรีนางนั้นกำลัง ‘เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ’ เห็นได้ว่านางมีประสาทการได้ยินที่ค่อนข้างพิเศษ
ดังนั้นพวกเขาทั้งสี่คนและแมวเหมียวตัวหนึ่งจึงพร้อมใจกันเงียบและแทบจะหยุดหายใจ
ทำเอาเจ้าแมวเหมียวต้องชะงัก เพราะว่ามันคิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่อุ้มมันไว้ก็กลั้นหายใจไว้เช่นกัน เจ้าทารกคนนี้… เป็นทารกอัจฉริยะนี่นา เหมียว
เจ้าแมวเหมียวที่มองเด็กน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์ มันมองไปมองมาก็เห็นเพียงคางอวบอ้วนของเด็กน้อย ถึงอย่างไรมันก็อยู่ในอ้อมอกของเด็กน้อย ไม่กล้าขยับตัว
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
ซู่
เทียนอ๋องสิบสององค์ที่มีเทพราชาหลันและชิงสององค์เป็นคนนำปรากฏขึ้นข้างหน้าพระราชวังอวิ๋นติ่งแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นสตรีชุดดำก็พากันคุกเข่าลง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย”
“ลุกขึ้นเถอะ” หยางเตี๋ยอีทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่เอ่ยขึ้น นางเพิ่งจะเรียกประสาทการได้ยินคืนก่อนจะมองไปที่เทียนอ๋องทั้งสิบสองตรงหน้า ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
เทพราชาหลันรีบรายงานสิ่งที่คุณชายอวิ๋นสิบสองรายงานให้ฟัง เทียนอ๋องที่บาดเจ็บทั้งหกท่านก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อให้หยางเตี๋ยอีเห็นหน้าที่บวมปูดไม่หายของพวกเขาได้ชัดเจน
“แล้วตอนนี้พวกเขาหายไปแล้ว?” หยางเตี๋ยอีถามอีกครั้ง
เทพราชาหลันตอบว่า “เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงร้องของแมวจากทางนี้ ตามที่คุณชายอวิ๋นที่สิบสองเล่า พวกเขามีแมวตัวหนึ่งด้วย พวกข้าจึงเร่งเดินทางมาที่นี่”
“มาช้าไปแล้ว” หยางเตี๋ยอีรู้ว่าเทพราชาหลันไม่ได้ยินผิด เมื่อครู่นี้นางเองก็ได้ยินเสียงแมวร้องเช่นกัน แต่เมื่อนางมาถึง บริเวณนี้ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตน่าสงสัยใดๆ แล้ว
ซึ่งหมายความว่า จอมโจรที่เทียนอ๋องหลันรายงานได้จากไปแล้ว
ไม่สิ… ก็ไม่ถูก
หยางเตี๋ยอีที่จู่ๆ หันหลังมองเข้าไปในพระราชวัง นางก็พยายามเงี่ยหูฟังไปยังด้านใน น่าเสียดายที่นางยังคงไม่พบสิ่งแปลกปลอมใดๆ ทว่าแม้จะได้ยินอะไร หยางเตี๋ยอีก็หายตัวไปตำแหน่งที่ตนเองเงี่ยหูฟังอย่างรวดเร็วแล้ว
ทำเอาแมวเหมียวน้อยสีขาวที่เพิ่งเคลื่อนตัวไปไม่นานตกใจเบิกตากว้าง มันไม่กล้าหายใจยิ่งกว่าเดิม เกือบจะหลุดร้องเหมียวออกมาแล้ว
เด็กน้อยก็หดตัวลงอย่างหวาดกลัว เยี่ยนอวี๋ลูบปลอบเบาๆ เพื่อบอกเด็กน้อยว่าไม่ต้องกลัว
จิ่วอิงยกนิ้วโป้งให้เยี่ยนอวี๋เงียบๆ รู้สึกว่าภรรยาอี้เอ๋อร์คนนี้มีไหวพริบดีมาก หากนางไม่ได้เคลื่อนตัวขณะที่สตรีสวมหน้ากากคนนั้นเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สวะกลุ่มนั้น ตอนนี้พวกเขาคงถูกจับแล้ว
ถึงแม้จะถูกจับตัวก็ไม่เป็นไร แต่พวกเราอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกโง่เหล่านี้แท้ๆ แต่พวกเขากลับจับไม่ได้ก็สนุกดีเหมือนกัน
…
เหล่าเทียนอ๋องที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงถามขึ้นว่า “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านเป็นอะไรไปหรือ”
หยางเตี๋ยอีส่ายศีรษะ “อาจะเป็นเพราะข้าคิดมากไปเอง จอมโจรเหล่านั้นอาจจะไหวตัวทันและหนีไปที่อื่นตั้งแต่ที่ส่งเสียงดังแล้ว”
“เดิมทีท่านสงสัยว่าพวกเขาหนีเข้าไปในราชวังแล้ว?” เทพราชาหลันจับประเด็นได้
หยางเตี๋ยอีก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ใช่แล้ว แต่หลังจากที่ข้าได้ยินเสียงแมวก็ออกมาทันที หากพวกเขาเข้าไปในวัง ต้องเดินสวนกับข้าแน่นอน แต่ข้าไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเลย คงจะหนีไปแล้ว”
“คงหนีไปแล้วแน่ๆ” เทพราชาหลันถอนหายใจ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านเป็นบุคคลในยุคเดียวกับปฐมราชินี ในสิบสองชั้นสวรรค์นี้ นอกจากปฐมราชินีแล้ว ผู้ใดจะหลบหลีกประสาทสัมผัสของท่านและเดินผ่านท่านไปได้เล่า”
“ไม่มี” เทพราชาชิงและเทียนอ๋องท่านอื่นๆ ตอบพร้อมกัน
หยางเตี๋ยอีเองก็คิดว่าควรเป็นเช่นนี้ นางจึงพยักหน้ากล่าว “พวกเจ้าไปค้นสองฝั่งของราชวัง ข้าจะเฝ้าที่นี่ จะไม่ปล่อยให้จอมโจรไปถึงตัวปฐมราชินีได้”
“ขอรับ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย” เทพราชาหลันและชิงพาคนแยกย้ายกันค้นสองฝั่ง
หารู้ไม่ว่า… ปฐมราชินีเยี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตที่หยางเตี๋ยอีไม่สามารถรู้สึกถึงได้ นางพาคนของนางเดินผ่านหยางเตี๋ยอีเข้าไปในตำหนักหลักอวิ๋นติ่งแล้ว นอกจากนี้นางในบัดนี้ยังไปถึงตำหนักฝ่ายในโดยที่หยางเตี๋ยอีไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ
จิ่วอิงได้ใจจิ๊ปาก “จิ๊ จะว่าไปแล้วทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนี่อยู่ในระดับเดียวกับหยวนสื่อเทียนจุนแล้ว น่าเสียดายที่ยังคงอ่อนเกินไป”
เม่ยเอ๋อร์ยังคงมองข้างหลังอย่างตื่นตัว มือข้างหนึ่งยังกำดาบเล่มใหญ่ไว้แน่น
ส่วนเด็กน้อยที่ถูกเยี่ยนอวี๋อุ้มอยู่ในอ้อมอก เขาและแมวเหมียวสีขาวในอ้อมอกของเขายังคงปิดปากตนเองไว้เหมือนกัน และยังคงไม่กล้าขยับตัว
เยี่ยนอวี๋จึงปลอบเด็กน้อยพลางสัมผัสไปรอบข้าง ครั้นกำลังจะเดินผ่านประตูบานหนึ่ง เพียงแต่ว่า… นางเพิ่งจะก้าวเท้าข้างหนึ่งขึ้น ความรู้สึกที่กำลังร้องเตือนอย่างรุนแรงทำให้นางหดเท้ากลับไป
“ทำไมหรือ” จิ่วอิงถามทันที
เยี่ยนอวี๋มองเข้าไปในตำหนัก นางเห็นว่า ณ จุดสูงสุดของตำหนักมีบัลลังก์อยู่ บนนั้นสลักลวดลายสัตว์อสูรแปลกประหลาดและพบเห็นได้ยากมากมาย ลักษณะเหมือนกับเหล่าขุนเขาและท้องทะเลของนาง
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ซัดฝ่ามือเข้าไปในตำหนักอย่างคาดเดาบางอย่างออกทันที
จากนั้น…
ตูม
เพลิงไท่ชูอันน่าสะพรึงเผาตำหนักทั้งหลังในทันที
จิ่วอิงร้องอุทานทันที “ภรรยาอี้เอ๋อร์ นี่เจ้าจะทำอะไร?”
เยี่ยนอวี๋กลับก้าวเท้าเข้าไปในตำหนักและนำบัลลังก์ใส่ถุงวิเศษ
นี่มัน…