ตอนที่ 735 ใคร
เด็กน้อยยื่นมืออวบอ้วนข้างหนึ่งไปหาชายตาสีม่วงด้วยสัญชาติญาณ และมองไปที่ท่านแม่ของเขา ถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “พ่อ? เหมียว?” นี่คือท่านพ่อรูปงาม? แมวเหมียวเป็นของท่านพ่อหรือ
เยี่ยนอวี๋รวบตัวเด็กน้อยเข้ามาแน่น สายตากลับจ้องมองชายสวมหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะดวงตาสีม่วงคู่นั้นของเขา ดวงตาสีม่วงที่ราวกับจำลองภาพดวงดาว
มีจังหวะหนึ่ง นางเองก็คิดว่าเขาคือสามีของนาง หรือไม่ก็คือร่างพลังของสามีนาง แต่ความรู้สึกเช่นนั้นก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
ถึงอย่างไรจิ่วอิงและเม่ยเอ๋อร์ก็ยืนข้างหน้าเยี่ยนอวี๋อย่างตื่นตัวแล้ว จิ่วอิงยังถามว่า “อี้เอ๋อร์?”
“เมี๊ยวๆๆ…” เจ้าเหมียวสีขาวร้องเหมียวให้จิ่วอิง ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร
เม่ยเอ๋อร์อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เจ้าเหมียวเจ้ามันเจ้าเล่ห์จริงๆ” หลอกนางจนนางคิดว่ามันเป็นเพียงแมวเหมียวตัวน้อยที่ฉลาดและไร้เดียวสา
“เหมียว?” เจ้าเหมียวสีขาวน้อยที่งงงันก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงมีท่าทีเป็นศัตรูกับมัน และยังร้องเหมียวๆ พยายามอธิบายมากมาย แต่ไม่มีใครฟังรู้เรื่องว่ามันพูดอะไร
ทว่าชายสวมหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์ก้าวไปด้านข้างสามก้าว เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วมองเขาต่อไป ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร
สุดท้ายเขาผายมือออกไปทำท่าเชิญ?
“เจ้าให้ข้าเข้าไป?” จู่ๆ เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกว่าต้องเป็นหลุมพรางแน่ๆ
ทว่าเขาพยักหน้าแล้ว
“เดี๋ยวสิ เจ้าคือใครกันแน่” จิ่วอิงลองเชิงเดินไปข้างหน้า “หากเจ้าคืออี้เอ๋อร์ เจ้าก็ถอดหน้ากากออกให้พวกเราได้เห็น อย่าเล่นอะไรลึกลับแบบนี้สิ”
“ไม่ใช่ท่านเขยแน่นอน เขาต้องเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายขวาแน่ๆ” เม่ยเอ๋อร์คาดเดาจากการแต่งกายของฝ่ายตรงข้าม คนๆ นี้คือทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่ ‘เป็นคู่’ กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเมื่อครู่นี้แน่ๆ
เยี่ยนอวี๋เองก็มีความคิดเช่นนี้ ทว่านางเองก็เดินตามจิ่วอิงไปข้างหน้าแล้ว
ทันทีที่นางเข้าใกล้ ดวงตาสีม่วงของบุรุษชุดขาวเปล่งประกายด้วยสีม่วงที่สว่างกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของสามีนางที่อยู่บนแขนและข้อเท้าของนางขยับเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ราวกับสอดคล้องกัน?
นี่มัน…
เยี่ยนอวี๋ไม่ทันได้สัมผัสอย่างละเอียด บุรุษดวงตาสีม่วงผู้สวมหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์ก็หายไปจากที่เดิมแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้…
“เมี๊ยว”
เจ้าเหมียวสีขาวยังถูกส่งไปยังอ้อมอกของเจ้าตัวน้อย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับแมวเหมียวไว้ด้วยสัญชาติญาณ ยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หึ่ง
สายลมเย็นพัดพาเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกไปทางประตูเขตแดนแล้ว
เม่ยเอ๋อร์ตกใจรีบชักดาบเล่มใหญ่ออกมา “คุณหนูใหญ่ระวัง”
จิ่วอิงเองก็กำลังจะกลายร่างกลับไปร่างเดิม และพยายามต่อต้านพลังนี้ไว้
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับห้ามพวกเขาไว้ “อย่าตระหนก เข้าไปเช่นนี้กันเถอะ”
ถึงแม้จะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เยี่ยนอวี๋ยังคงตัดสินใจเข้าไปในประตูเขตแดนนี้ตามพลังนี้
เพราะว่านางสัมผัสได้ว่าประตูเขตแดนได้เปิดออกภายใต้การพัดพาของลมลูกนี้
ซึ่งก็หมายความว่า ตอนนี้นางไม่จำเป็นต้องฝืนบุกเข้าไปแล้ว ในเมื่อเช่นนี้ นางเข้าไปก็คงไม่เป็นอะไร
ดังนั้น…
ซู่
เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกถูกลมของชายชุดขาวโบกพัดเข้าไปในเขตแดน
จากนั้น…
กลิ่นอายอันรุนแรงที่คล้ายกับจักรวาลดั้งเดิมที่ปะทะหน้าเข้ามาทำให้เม่ยเอ๋อร์ที่ระวังตัวชะงักเล็กน้อย
ทันทีที่จิ่วอิงเข้าไป มันก็สัมผัสรอบทิศ กลับไม่พบว่ามีอันตรายหรือการซุ่มโจมตีใดๆ ทำให้อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เหมือนกับว่ากำลังช่วยพวกเราหรือ”
เยี่ยนอวี๋ที่อุ้มเด็กน้อยและทรงตัวบนพื้นได้อย่างมั่นคงแล้ว นางก็มั่นใจมากว่า “เขากำลังช่วยพวกเราจริงๆ”
จิ่วอิงถามต่อไปว่า “อี้เอ๋อร์จริงๆ หรือ”
เยี่ยนอวี๋ยังไม่ทันตอบ เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็ส่ายศีรษะอย่างมั่นใจมาก “ไม่”
“ไม่ใช่อี้เอ๋อร์?” จิ่วอิงงุนงง “เช่นนั้นเหตุใดจึงช่วยพวกเรา อีกทั้งเสี่ยวไป๋ยังดีกับเขามาก”
เยี่ยนอวี๋กลับคิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะมั่นใจเช่นนี้ ถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้เด็กน้อยยังไม่แน่ใจเลยมิใข่หรือ
เยี่ยนอวี๋จึงอดถามไม่ได้ว่า “เหตุใดเสี่ยวเป่าจึงคิดว่าไม่ใช่ท่านพ่อเจ้าเล่า”
“ก็…ไม่ใช่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าลูบเจ้าเหมียวสีขาวพลางตอบอย่างมั่นใจว่า “ก็… ไม่ใช่”
“แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับท่านพ่อเจ้า” เยี่ยนอวี๋ถลกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขนที่ขาวผ่องงดงาม วงแหวนแสงสีม่วงบนนั้นยังคงเปล่งแสงสีม่วงจางๆ ออกมา
ก่อนที่จะเจอบุรุษสวมหน้ากากคนนี้ วงแหวนสีม่วงนี้ยังไม่สว่างเช่นนี้ มองไปแล้วก็ไม่ต่างจากกำไลข้อมือ
ทว่าแสงสีม่วงที่เปล่งประกายนี้กลับสะกิดบาดแผลในใจของเด็กน้อย เขาส่งเสียง เชอะ ออกมา ซบอกของท่านแม่อย่างน้อยอกน้อยใจ เพราะว่าเขาไม่มีแสงแล้ว
เสียใจ…
อยากจะร้องไห้…
…
เยี่ยนอวี๋รีบคลี่แขนเสื้อกลับมา และจูบศีรษะของเด็กน้อยเบาๆ “ไม่เป็นไร แม่มีก็ไม่ต่างจากเสี่ยวเป่า”
“พ่อไม่ดี” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เสียใจยังคงมิอาจให้อภัยท่านพ่อได้
เยี่ยนอวี๋ลูบหลังอ่อนนุ่มของเด็กน้อย ปลอบว่า “ใช่แล้ว กลับไปแม่จะตำหนิท่านพ่อเจ้าเอง เขาทำเช่นนี้กับเสี่ยวเป่าผู้น่ารักของเราได้อย่างไร”
“ใช่” เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำหน้ามุ่ย “ว่าเขา ตีเขา”
เยี่ยนอวี๋คิดภาพไปถึงตอนที่เด็กน้อยไล่ตีสามี แต่กลับถูกขนมเบี่ยงเบนความสนใจไป นางหัวเราะออกมาทันที “อืม งั้นเราหาทางกลับไปตอนนี้เลยนะ”
“ไป” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่กระตือรือร้นอยากจะรีบกลับไปจัดการท่านพ่อของเขา พ่อจอมกะล่อน เชอะ ╭(╯^╰)╮
ในขณะที่เยี่ยนอวี๋ปลอบเด็กน้อย นางก็สัมผัสไปทั่วมิติแห่งนี้ โดยพื้นฐานแล้วมั่นใจว่านี่คือ ‘ตำแหน่ง’ ที่ตรงกับจักรวาลดั้งเดิม นางอยู่ที่นี่ น่าจะสามารถสัมผัสถึงค่ายกลของทางฝั่งจักรวาลดั้งเดิมได้ และทำให้ค่ายกลนั่นเริ่มทำงานอีกครั้งได้
เยี่ยนอวี๋ไม่ค่อยมั่นใจ แต่นางเดาเช่นนี้ มิเช่นนั้นตอนนี้นางเองก็ไม่รู้ว่าต้องกลับไปอย่างไรแล้ว…
แต่สิ่งที่นางไม่รู้คือ… หลังจากที่ส่งนางและพรรคพวกเข้ามาดินแดนแห่งนี้แล้ว หยางเตี๋ยอีที่ปรากฏขึ้นข้างหน้าบุรุษชายสวมหน้ากากสีทองสัมฤทธิ์อย่างเงียบๆ ก็ขมวดคิ้วถามว่า “ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา เหตุใดเจ้าออกจากแดนคุนหลุนแล้วเล่า เจ้าและข้าสองคนต้องมีคนใดคนหนึ่งอยู่ในแดนคุนหลุนเพื่อปกป้องปฐมราชินีมิใช่หรือ”
แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายขวากลับพูดอย่างสงบนิ่งว่า “เรียกรวมตัวทุกคน เปิดแดนคุนหลุน”
หยางเตี๋ยอีงงงัน “บัญชาของปฐมราชินี?”
“อืม” ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่ไม่อยากพูดมากก้าวเท้าจากไปแล้วและก็ไม่ได้กลับเข้าไปในแดนคุนหลุนด้วย
หยางเตี๋ยอีชะงักงัน “เจ้าจะไปไหนน่ะ”
ทว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาไม่ได้ตอบ เขาเดินจากไปแล้ว
หยางเตี๋ยอีไม่แปลกใจ เพราะว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเป็นคนเช่นนี้มาโดยตลอด นางจึงเดินตามขึ้นไปพูดว่า “หากเจ้าไม่มีธุระ ลงไปคุนหลุนซวีช่วยเทพราชาหลันและชิงก็ดี พวกเขากำลังตามจับมารและพวกพ้อง พวกบัดซบนี่เพิ่งปล้นบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ไปเมื่อครู่นี้”
“ไม่อยู่คุนหลุนซวี” ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาตอบอย่างเฉยเมย
หยางเตี๋ยอีชะงักอีกครั้ง “เจ้าหมายความว่า พวกเขาออกจากคุนหลุนซวีไปแล้ว?”
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาไม่ได้ตอบ เขาเดินหน้าต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปคุนหลุนซวี
หยางเตี๋ยอีพูดเสียงดังขึ้น “เปิดแดนคุนหลุนเมื่อไร”
“ตอนนี้” เมื่อสิ้นเสียง ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่เดินเข้าไปในตำหนักด้านหน้าของอวิ๋นติ่ง มือขวาของเขาก็ปรากฏม้วนหนังสือ
จากนั้น…
หึ่ง
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาได้วางม้วนหนังสือไว้กลางอากาศ
จากนั้น…