ตอนที่ 739 ล่วงหน้า
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “อย่าเพิ่งประกาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย”
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจ” ท่านเซียนกรมชะตาสวรรค์เช็ดเหงื่อไม่หยุด “ตอนนี้เรื่องนี้มีแค่ข้าน้อยรู้ ข้าน้อยรู้ดีว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตอนที่มาข้าน้อยได้ปิดแท่นชะตาแล้ว”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนั้นเป็นถึงบุคคลเหนือเทพที่มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ยุคเบิกฟ้าเหมือนกับทูตสวรรค์ฝ่ายขวา พวกเขาเป็นมือซ้ายและมือขวาของปฐมราชินี ผ่านการสู้รบมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยล้มตาย บัดนี้จู่ๆ กลับร่วงหล่นอย่างลึกลับ
ท่านเซียนชะตาสวรรค์ย่อมรู้ว่าเรื่องนี้ต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวัง ดังนั้นถือว่าเขายังจัดการได้รอบครอบ
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเองก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เช่นนี้ก็ดี เจ้าจงกลับไปดูแลแท่นชะตาให้ดี ส่วนเรื่องอื่นข้าจะจัดการเอง”
“ขอรับ ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยขอลา” ท่านเซียนชะตาสวรรค์ออกจากตำหนักอย่างระมัดระวังแล้ว ในใจยังรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรมากไปกว่านี้
แม้อันที่จริงเขาจะอยากรู้ว่าเหตุใดทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจึงร่วงหล่นไปได้ เป็นเพราะแดนคุนหลุนในครานี้อันตรายมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ มิเช่นนั้นเหตุใดทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเพิ่งเข้าไปในแดนคุนหลุนก็ร่วงหล่นทันทีเล่า?
ทว่าท่านเซียนชะตาสวรรค์ที่สงสัยและหวาดกลัวในใจ หลังจากที่เขากลับไปจวนชะตาสวรรค์ไม่นานก็ร่วงหล่นไปอย่างเงียบๆ แม้แต่เหล่าเซียนน้อยทั้งหมดของจวนชะตาสวรรค์ก็ตายอย่างเงียบๆ ที่ประจำตำแหน่งของตน
จวนชะตาสวรรค์ทั้งจวนเงียบราวกับเป่าสาก… แต่เนื่องจากแท่นชะตาถูกปิดผนึกไว้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในจวนชะตาสวรรค์จึงไม่มีเทพท่านใดรับรู้ได้ มิหนำซ้ำความสนใจของเหล่าเทพตำหนักสวรรค์ถูกแดนคุนหลุนที่กำลังเปิดดึงดูดไปแล้วจึงไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงความผิดปกติของทางนี้ได้
ในขณะเดียวกัน…
“สวรรค์ชั้นสอง สำนักภูเขาถงซานมาถึงแล้ว”
“สวรรค์ชั้นหก สำนักกวนอวิ๋นมาถึงแล้ว”
“สวรรค์ชั้นเก้า สำนักซานเหอมาถึงแล้ว”
…
สำนักแต่ละชั้นสวรรค์ทั้งสิบเอ็ดชั้นสวรรค์ทยอยสถิตยังคุนหลุนซวีภายใต้การนำของหัวหน้าสำนัก ทำให้บรรยากาศครึกครื้นของคุนหลุนซวีเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
นอกจากสำนักคุนหลุนสวรรค์ชั้นหนึ่งแล้ว สำนักที่เหลืออีกสิบเอ็ดสำนักราวกับจับมือกันมา อาวุธวิเศษในตำนานทั้งหมดปรากฏเหนือท้องฟ้าคุนหลุนซวี งดงามและยิ่งใหญ่
ส่วนผู้ฝึกตนอิสระหรือนักฝึกฌานสำนักน้อยเหล่านั้น พวกเขาทยอยเร่งเดินทางมาคุนหลุนซวีตั้งแต่สองสามเดือนก่อนที่ได้ยินข่าวแล้ว มิเช่นนั้นช่วงนี้คุนหลุนก็คงไม่ครึกครื้นเช่นนี้
ถึงอย่างไรสำนักน้อยเหล่านี้หรือตระกูลชั้นกลางถึงต่ำรู้ความสามารถของตนดี ด้วยพลังความสามารถของพวกเขา ไม่สามารถมาถึงคุนหลุนซวีได้ภายในเวลาอันรวดเร็วจึงได้แต่เดินทางมาล่วงหน้า
แต่นี่ก็มีข้อเสียเช่นกัน นั่นก็คือหากแดนคุนหลุนไม่เปิด เช่นนั้นก็เท่ากับว่าพวกเขาเสียเวลาเปล่า
ถึงอย่างไรทางฝั่งสำนักคุนหลุนก็ไม่ได้ให้ข่าวการเปิดแดนคุนหลุนที่ชัดเจน แต่เนื่องจากแดนคุนหลุนไม่ได้เปิดนานแล้ว แต่ละสำนักยอมเดินทางมาก่อนล่วงหน้า รอแดนคุนหลุนเปิด
คิดไม่ถึงว่า… พวกเขารอจนมาถึงแล้ว
“โชคดีที่ครานั้นไม่ได้เสียดายค่าเดินทาง มิเช่นนั้นคงไม่ทันแน่”
“นั่นน่ะสิ สำนักน้อยเช่นพวกเราไม่มีศาสตราวุธเคลื่อนย้ายมิติที่เก่งกาจเช่นนั้นหรอกนะ”
“แม้จะมีศาสตราวุธ สำนักและตระกูลธรรมดาก็ไม่สามารถเปิดใช้งานได้หรอก”
“…”
ในขณะที่เหล่าสำนักต่างๆ เข้าแถวเข้าคุนหลุนซวีมองดูสำนักเซียนทั้งสิบเอ็ดก็แสดงความเห็นด้วยความรู้สึกอิจฉาและคร่ำครวญ
สำนักทั้งสิบเอ็ดที่มาช้ายังสามารถเข้าแดนคันหลุนผ่านทางพิเศษนี้ พวกเขาสามารถใช้ศาสตราวุธเคลื่อนย้ายเข้าไปพร้อมกันทั้งหมดอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเข้าแถว
“มีความสามารถนี่ดีจริงๆ ไม่ต้องเข้าแถวเลย”
“นั่นน่ะสิ…”
นักฝึกฌานที่เห็นสำนักใหญ่ๆ ทั้งสิบเอ็ดสำนักเข้าไปในแดนคุนหลุนแล้วแต่ตนยังคงเข้าแถวทยอยกันเข้าไปก็รู้สึกอิจฉาตาร้อน
ในขณะดียวกัน…
ฟิ้ว ฟิ้ว…
ศาสตราวุธเคลื่อนย้ายมิติของทั้งสิบเอ็ดสำนักก็ปรากฏในแดนคุนหลุนแล้ว ทำให้เม่ยเอ๋อร์ที่จับตามองบริเวณนี้อย่างใกล้ชิดระวังตัวขึ้นมาทันที จากนั้นนางก็รู้สึกถึงว่ามีนักฝึกฌานระดับตำนาน ท่านเทพ ท่านเซียน และมหาเทพ รวมถึงเทียนอ๋องสิบอันดับแรก ‘ปรากฏตัว’ ทีละท่าน
ผู้แข็งแกร่งจากสำนักทั้งสิบเอ็ดเป็นคนกลุ่มที่สองที่เข้าไปแดนคุนหลุน จำนวนก็มากกว่าสำนักต่างๆกลุ่มแรกที่เข้าไปคุนหลุนซวีประมาณสิบเท่า
เม่ยเอ๋อร์รับรู้ถึงตรงนี้ก็รีบกลับไปบริเวณใกล้จุดศูนย์กลางแดนคุนหลุนเพื่อไปรายงานแล้ว
เยี่ยนอวี๋ในครานี้ จิตเหนือสำนึกของนางเกี่ยวพันกับความว่างเปล่า เริ่มรบกวนการเลื่อนขั้นของอวิ๋นเหลียน
การรบกวนประเภทนี้ไม่ชัดเจนนัก อีกทั้งยังมาจากกฎระเบียบ แม้อวิ๋นเหลียนจะมีพลังตบะสูงส่งก็ยากที่จะรู้ตัวได้
สิ่งที่เยี่ยนอวี๋ต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้ เช่นนี้แล้วนางจึงจะแอบเข้าไปในร่างกายของอวิ๋นเหลียนเพื่อควบคุมพลังในร่างกายของนางได้ และยับยั้งอวิ๋นเหลียนไว้ในจังหวะที่สำคัญ
แน่นอนว่า… เมื่อเยี่ยนอวี่กำลังกระทำเช่นนี้ นางยังรู้สึกได้อย่างไม่ประหลาดใจถึงพลังของเด็กน้อยผู้อ่อนโยนของนางกำลังติดตามนาง ‘ทำเรื่องชั่วร้าย’
บัดนี้เยี่ยนอวี๋รู้จักเด็กน้อยของนางมากขึ้นกว่าเดิม รู้ว่าเขาสามารถช่วยนางได้จึงไม่ได้ห้าม และยังช่วยเด็กน้อยกางม่านอำพรางตน
เพียงแต่ว่า… เยี่ยนอวี๋พบอย่างรวดเร็วว่าเหมือนกับว่าอวิ๋นเหลียนจะยังไม่รีบร้อนที่จะเลื่อนขั้น เพราะว่าอวิ๋นเหลียนในครานี้ นางค่อยๆ ลดความเร็วในการดูดรับและผลกระทบจากกฎดั้งเดิม และยังจงใจทำให้ระเบียบรอบตัวที่เก่าแก่และวุ่นวายนิ่งลง
“จะทำอะไรกันนะ” เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางสัมผัสการเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อยเหล่านั้นตาม ‘การปฏิบัติ’ ของอวิ๋นเหลียน จากนั้นนางก็พบว่า… กฎระเบียบของแดนคุนหลุนทั้งแดนค่อยๆ นิ่งลงจริงๆ ผู้คนที่เดิมทีได้แต่อยู่ข้างนอกรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขากำลังเดินทามายังบริเวณใกล้จุดศูนย์กลางแล้ว
ดังนั้น… อวิ๋นเหลียนต้องการให้พวกเขามาที่นี่หรือ
คำตอบคือใช่แน่นอน
เช่นนั้นอวิ๋นเหลียนจะทำอะไรกันแน่
เยี่ยนอวี๋คิดถึงเรื่องที่ไท่เฮ่าเคยบอกนางเรื่องการกระทำของอวิ๋นเหลียนที่เกิดขึ้นหลังจากนางพบว่ากฎของยุคคุนหลุนซวีวุ่นวายจนไม่สามารถฟื้นคืนได้
ดังนั้น หรือว่าอวิ๋นเหลียนต้องการกลืนกินสรรพชีวิตทุกชั้นสวรรค์ในตอนนี้นะ
เยี่ยนอวี๋ขมวดคิ้ว ปฏิเสธการคาดเดานี้ เพราะว่านางมั่นใจว่ายุคคุนหลุนในยามนี้ยังถือว่ามั่นคง ไม่มีเหตุการณ์หรือกระทั่งสัญญาณกฎระเบียบพังทลายเลย
เช่นนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่อวิ๋นเหลียนจะเริ่มทำลาย ‘กำแพงเมืองจีน’ ของตนเองในเวลานี้
ทว่าเยี่ยนอวี๋เพิ่งคิดเช่นนี้เสร็จ นางก็พบว่า…
หึ่ง
หึ่ง…
แสงสีม่วงแดงจางๆ ไหลออกมาจากร่างกายของอวิ๋นเหลียนและผสานเข้าไปในข้างใต้ที่ประทับของอวิ๋นเหลียนก่อนจะผสานลงไปใต้ดินของแดนคุนหลุนแล้ว
จากนั้น…
ซู่
ค่ายกลสีแดงทองจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในโลกแห่งการรับรู้ของเยี่ยนอวี๋
และค่ายกลนี้…