ตอนที่ 740 ช่วยภรรยา
กลิ่นอายคล้ายกับไอมรณะแดนมืดนิรันดร์อย่างชัดเจนไหลออกมา?
เยี่ยนอวี๋ลืมตาขึ้นทันทีที่คิดบางอย่างขึ้นได้
เม่ยเอ๋อร์รายงานทันที “คุณหนูใหญ่ มีคนมากมายกำลังมา อีกทั้งพวกเขายังพกศาตราวุธเคลื่อนย้ายมิติอันแข็งแกร่งมาด้วย บัดนี้ล้วนเข้าใกล้ทางนี้แล้ว”
“ศาสตราวุธมิติหรือ” เยี่ยนอวี๋กลับไม่ทันสังเกตเห็น
เม่ยเอ๋อร์พยักหน้า “ใช่แล้ว ส่วนประกอบหลักของศาสตราวุธเหล่านี้เก่าแก่มาก มีความเป็นไปได้มากว่าถูกหลอมมาจากวัสดุโบราณระดับมหาทวีปโบราณ”
เยี่ยนอวี๋หรี่ตาลง “จับใครก็ได้ที่เป็นคนท้องถิ่นมาที่นี่ ข้าต้องรู้สถานการณ์สวรรค์สิบสองชั้นฟ้าคุนหลุนที่ละเอียดกว่านี้”
เม่ยเอ๋อร์กำลังจะรับบัญชา จิ่วอิงกลับชิงลงมือก่อน เพราะว่ามีคนมาพอดี
เทียนอ๋องตระกูลฉิวที่เข้าแดนคุนหลุนเป็นกลุ่มแรกพาเหลนสาวของเขาปรากฏขึ้นบริเวณใกล้ๆจุดศูนย์กลางแล้ว
อีกทั้งเทียนอ๋องฉิวในครานี้ยังสอนว่า “ซานเอ๋อร์ กฎระเบียบของที่แห่งนี้เก่าแก่มาก เจ้าฝึกตนที่นี่ จงรู้แจ้งถึงพลังกฎเกณฑ์อันเก่าแก่ เพื่อเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่และสร้างพื้นฐานในการเลื่อนขั้นเป็นเทียนอ๋องในวันข้างหน้า”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านปู่ทวดที่สั่งสอน” เสียงหญิงสาวอันบริสุทธิ์เพิ่งจะดังขึ้น…
จิ่วอิงก็ใช้วิธีเดิม มันกินเทียนอ๋องฉิวทันที ส่วนฉิวซานซาน คุณหนูตระกูลฉิวก็ถูกมันตีสลบและจับตัวมาข้างหน้าเยี่ยนอวี๋แล้ว
มันทำอย่างช่ำชองและคล่องแคล่ว ทำเอาเม่ยเอ๋อร์พูดไม่ออก…
ช่วงที่นางไม่อยู่ จิ่วอิงคนนี้กินไปกี่คนแล้วนะ?
เม่ยเอ๋อร์ไม่รู้ นางเองก็ไม่ได้ถาม ถึงอย่างไรบัดนี้ก็เป็นเวลาสำคัญ เหมือนกับว่าการกินคนที่เข้ามาใกล้เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ไร้ซึ่งเนื้อหนังกระดูก ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้
ส่วนฉิวซานซานผู้โชคร้ายที่สลบไปย่อมถูกเยี่ยนอวี๋ค้นวิญญาณ
เยี่ยนอวี๋จึงได้รู้ว่า นอกจากคุนหลุนซวีปกครองสวรรค์ชั้นหนึ่งแล้ว สำนักต่างๆ ของสวรรค์ทั้งสิบเอ็ดชั้นก็มีศาสตราวุธมิติที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณด้วย
ศาสตราวุธนี้นอกจากจะทำให้พวกเขา ‘กลับไป’ คุนหลุนซวีได้อย่างรวดเร็ว ยังทำให้พวกเขามีสิทธิ์การปกครองอย่างเด็ดขาดในแต่ละชั้นสวรรค์ของตน เพราะว่าศาสตราวุธในมือของพวกเขามาจากมิติส่วนหนึ่งของแต่ละชั้นสวรรค์ที่เก่าแก่ที่สุด
“อย่างนี้นี่เอง” เยี่ยนอวี๋พอจะเข้าใจแผนการของอวิ๋นเหลียนแล้ว
เริ่มแรกอวิ๋นเหลียนคนนี้สั่งให้ปล่อยข่าวในคุนหลุนซวีว่าแดนคุนหลุนกำลังจะเปิด ตำหนักสวรรค์ไม่ได้ออกมาชี้แจงและไม่ได้ออกมาปฏิเสธ
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้สำนักต่างๆ จะเตรียมตัว กลับไม่ได้รอที่คุนหลุนซวีตั้งแต่แรก เพราะว่าพวกเขามีศาสตราวุธมิติ แม้จะเพิ่งรู้ตอนที่แดนคุนหลุนเปิดก็ไม่เป็นไร
ส่วนจุดประสงค์ของอวิ๋นเหลียนก็คือต้องการให้สำนักต่างๆ ในสวรรค์แต่ละชั้นฟ้านำศาสตราวุธมิติมาด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้…
เยี่ยนอวี๋ก็ปล่อยมือ ไม่ได้ค้นวิญญาณของฉิวซานซานต่อไปและก็ไม่ได้ทำให้ฉิวซานซานกลายเป็นคนเสียสติอย่างรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรทำ
ทว่าทันทีที่จิ่วอิงเห็นเยี่ยนอวี๋ปล่อยมือ เขาก็ถามเสียงเบาว่า “ใช้เสร็จแล้วหรือ” เช่นนั้นข้ากินนะ
“ไว้ชีวิตนางเถอะ” เยี่ยนอวี๋รู้ว่าฉิวซานซานไม่ได้เห็นจิ่วอิงจึงไม่มีเหตุผลต้องตาย
จิ่วอิงทำปากเคี้ยวอาหาร กลายร่างกลับไปเป็นมนุษย์อย่างไม่ค่อยพอใจนัก “แล้วเราต้องรออีกนานแค่ไหน”
“พวกเจ้าดูข้างล่างสิ” เยี่ยนอวี๋กล่าว
จิ่วอิงจึงมองไปข้างล่าง หนังตากระตุกทันที “นี่คืออะไร”
เม่ยเอ๋อร์เพิ่งเห็นว่าบริเวณพื้นข้างใต้เท้าของนางเหมือนกับจะมีแสงสีม่วงแดงหม่นจางๆ
“ตอนนี้อวิ๋นเหลียนกำลังจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตจากทุกสวรรค์ชั้นฟ้า การเปิดแดนคุนหลุนเป็นเพียงการปกปิดเพื่อหลอกล่อเหล่าผู้แข็งแกร่งของทุกชั้นสวรรค์มา” เยี่ยนอวี๋กล่าวสรุปว่า “ศาสตราวุธมิติของสวรรค์สิบสองชั้นฟ้าจะช่วยให้นางกลืนกินสรรพชีวิตสิบเอ็ดชั้นสวรรค์ได้สำเร็จ”
“บัดซบ” จิ่วอิงพ่นคำหยาบ “เช่นนั้นเรารีบไปกันเถอะ อย่ายุ่งเรื่องพวกเขาเลย ไม่เกี่ยวกับเราเสียหน่อย”
“ไม่ทันแล้ว” เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ “ค่ายกลที่อยู่ข้างใต้เท้าของเราคือมิติที่อวิ๋นเหลียนสร้างไว้ ทันทีที่มันเปิดจะถูกผนึก ประตูมิติของเราย่อมไม่สามารถเปิดใช้งานได้”
จิ่วอิง “…”
เขาว่าแล้ว ลูกสะใภ้ตระกูลหรงนี่เป็นตัวเรียกปัญหาจริง ไปไหนก็มีแต่โชคร้าย เห็นหรือไม่
“นี่คงจะเป็นเหตุผลที่ประตูมิติเปิดได้ช้า เพราะว่าอันที่จริงมันไม่สามารถระบุได้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนตั้งแต่แรกแล้ว” เยี่ยนอวี๋เข้าใจทุกอย่างทันที
“แล้วตอนนี้ต้องทำอย่างไร” จิ่วอิงอยากรู้เพียงวิธีการแก้ไข “กำจัดค่ายกลทิ้ง?”
เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ “ข้าลองสัมผัสดูแล้ว ค่ายกลนี้ผสานกับแดนคุนหลุนอย่างสมบูรณ์ การกำจัดมันทิ้งเท่ากับกำจัดแดนคุนหลุนทิ้ง ซึ่งก็หมายความว่ากำจัดทางกลับไปของเรา”
จิ่วอิง “…”
เขาที่ตะลึงงันสับสนไปหมด
เม่ยเอ๋อร์กลับคิดขึ้นได้ว่า “เช่นนั้นก็ฆ่าอวิ๋นเหลียนซะ”
“ข้าฆ่านางไม่ได้” เยี่ยนอวี๋ลองสัมผัสดูแล้ว นางสามารถสร้างอิทธิพลและทำให้อวิ๋นเหลียนบาดเจ็บได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น นางไม่สามารถทำลายอวิ๋นเหลียนได้ เพราะว่าระหว่างพวกนางมียุคสมัยคั่นกลาง จุดเริ่มต้นของกฎและระเบียบที่ควบคุมต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่ว่า… จิ่วอิงกล่าวว่า “ข้าทำได้นี่”
“เจ้าน่ะนะ?” เม่ยเอ๋อร์ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
เยี่ยนอวี๋กลับรู้ว่าจิ่วอิงทำได้จริงๆ เพราะว่าเหตุผลที่นางสร้างอิทธิพลและทำให้อวิ๋นเหลียนบาดเจ็บได้ในระดับหนึ่งนั้น ไม่ใช่เพราะตบะของนางสูงกว่าอวิ๋นเหลียน แต่เพราะในพลังของนางมีกลิ่นอายของสามีนางอยู่ ดังนั้นเยี่ยนอวี๋จึงถามว่า “ปู่จิ่ว เจ้าย่อยสลายอวิ๋นเหลียนได้หรือ”
“แน่นอน” จิ่วอิงไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร
เยี่ยนอวี๋จึงกล่าวว่า “ได้ ประเดี๋ยวข้าจะพยายามกดอวิ๋นเหลียนไว้ ทำให้นางไม่สามารถต่อต้านการกลืนกินของเจ้าได้”
“ได้เลย” จิ่วอิงกลายร่างเป็นร่างเดิม ดวงตาทั้งสิบแปดดวงเป็นประกาย
เยี่ยนอวี๋จึงให้เม่ยเอ๋อร์ดูแลรอบทิศให้ดี นางนั่งขัดสมาธิอีกครั้งและเริ่มลงมือกับอวิ๋นเหลียนแล้ว
ส่วนจิ่วอิง มันก็รู้สึกลอยละล่อง…
ลอยสูงมาก สูงจริงๆ
ทำให้มันอดถามเม่ยเอ๋อร์ไม่ได้ว่า “ข้ากินอวิ๋นเหลียนได้จริงๆ หรือ” ปฐมราชินีผู้สร้างเชียวนะ
“คุณหนูใหญ่พูดแล้วมิใช่หรือ” เม่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้วพูดว่า “เจ้าหูหนวกหรือ หูทั้งสิบแปดใบหนวกหรือ”
“ไม่ใช่ อย่าพูดซี้ซั้ว ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าความสุขมาเร็วเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปฐมราชินีผู้สร้างมีรสชาติอย่างไร” จิ่วอิงรู้สึกตื่นเต้น
เม่ยเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เจ้าคิดอะไรกับคุณหนูใหญ่หรือ”
“พล่ามอะไรของเจ้า เจ้าเด็กนี่ พูดแค่ครั้งเดียวก็พอ ต่อไปกล้าพูดอีก ข้าจะ…” จิ่วอิงกำลังจะขู่
เม่ยเอ๋อร์กลับมองมันอย่างเย็นชา…
จิ่วอิงหดคอกลับมาเล็กน้อย “ปู่โตกว่าเจ้าตั้งเยอะ ไม่ถือสากับเด็กน้อยเช่นเจ้าหรอก” เมื่อพูดเสร็จ มันก็มองอวิ๋นเหลียนต่อไป
อวิ๋นเหลียนในครานี้ นางกลับลืมตาทั้งคู่ขึ้น ทำเอาจิ่วอิงตกใจเกือบจะคิดว่าตนเองถูกจับได้แล้ว
ทันใดนั้นเอง เยี่ยนอวี๋ที่อุ้มเด็กน้อยไว้ นางปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของอวิ๋นเหลียนอย่างเปิดเผย
อวิ๋นเหลียนมองขึ้นไปทันที นางจ้องเยี่ยนอวี๋ “เจ้าคือผู้ใด?”
“ผู้ที่จะเอาชีวิตเจ้า” ขณะที่เยี่ยนอวี๋ตอบอย่างสงบ นางก็กระตุ้นพลังที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของอวิ๋นเหลียน รอบกายแผ่ซ่านกลิ่นอายสีม่วงหม่นอันรุนแรง
เพียงแค่ครู่เดียว อวิ๋นเหลียนที่ระวังตัวอยู่นั้นก็รู้สึกได้ว่าพลังในร่างกายของตนถูกยับยั้งไว้แล้ว? ทำให้นางลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาติญาณ…
ทว่าในขณะเดียวกันนั้นเอง…
อุแว้
จิ่วอิงที่กลายร่างเป็นร่างที่แข็งแกร่งและใหญ่ที่สุด เนื้อตัวสีทองวิบวับ มันเขมือบอวิ๋นเหลียนอย่างแม่นยำแล้ว มันกัดอวิ๋นเหลียนเข้าไปในปากที่อยู่ตรงกลาง
ความรวดเร็วเช่นนี้ทำให้เม่ยเอ๋อร์อดติดตามอย่างใกล้ชิดไม่ได้ เรื่องอื่นไม่พูด แต่เรื่องการกินคนนี่ จิ่วอิงไม่เคยทำพลาดเลย
ทว่า…
“บัดซบ”
“ออกไปซะ”
อวิ๋นเหลียนที่ไม่ได้ถูกกัดระเบิดในคำเดียวก็ตะคอกเสียงดุดันออกมาอย่างโมโห และยังใช้กฎเกณฑ์มิติอันยิ่งใหญ่หั่นและกำจัดจิ่วอิงที่กัดนาง
แม้ตบะของนางจะถูกกดไว้ เนื้อตัวก็ถูกกัดไว้ แต่ในเมื่ออวิ๋นเหลียนเป็นเจ้าแห่งโลกใบนี้ เสียงของนางย่อมเป็น ‘คำสั่ง’
ดังนั้นมิติของแดนคุนหลุนโจมตีจิ่วอิงทันทีที่ ‘ได้ยิน’ คำสั่งของอวิ๋นเหลียน
ทว่า…
เคร้ง
กฎมิติทั้งหมดไม่สามารถทำให้ร่างของจิ่วอิงที่สุดยอดนี้บาดเจ็บสาหัสได้ นอกจากมันจะกันกฎมิติได้ออกไปได้แล้ว ศีรษะที่เหลือทั้งแปดของมันยังกัดกินอวิ๋นเหลียนอย่างมูมมาม
มารดามันเถอะ จิ่วอิงไม่เชื่อ มันเป็นถึงราชาจิ่วอิง ราชาจิ่วอิงผู้ไร้เทียมทาน จะกัดเนื้อชิ้นนี้ลงไปไม่ได้ เพียงแต่ว่า… ขณะที่จิ่วอิงกำลังต่อสู้กับ ‘เนื้อ’ ชิ้นนี้…
เม่ยเอ๋อร์เห็นทูตสวรรค์ฝ่ายขวาท่านนั้นมาแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้… กลิ่นอายอันแข็งแกร่งกำลังเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกถึงความผิดปกติที่นี่แล้ว ถึงอย่างไรความเคลื่อนไหวของเยี่ยนอวี๋ไม่เบา ความเคลื่อนไหวของจิ่วอิงยิ่งรุนแรง
นอกจากนี้พวกเขายังไม่สามารถเคลื่อนไหวเบาๆ ได้ เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามคืออวิ๋นเหลียน ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงปฐมราชินีผู้สร้าง จะถูกกำจัดทิ้งง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
ทว่า… เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายแข็งแกร่งทั้งหมดที่เข้ามาใกล้มาช้าไป
“แสบ…”
เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เขาก็ช่วยโจมตีด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนของเขาแล้ว
ทันทีที่เยี่ยนอวี๋ได้ยิน นางไม่ต้องมองเด็กน้อยด้วยซ้ำก็รับรู้ได้ว่าพลังในร่างกายของอวิ๋นเหลียนถูกกดลงไปอีกระดับหนึ่ง
แคร่ก
จิ่วอิงกัดและเคี้ยวอวิ๋นเหลียนในปากได้สำเร็จ นางถูกกินอย่าง ‘ง่ายดาย’ เช่นนี้
ในเวลาเดียวกัน…
หึ่ง
ต้าซือมิ่งในจักรวาลดั้งเดิมลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำดุจหมึก