ตอนที่ 741 มาแล้ว
ในขณะเดียวกัน…
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่ใช้มือขวาร่ายเคล็ดวิชา ฝ่ามือของเขาปรากฏดอกไม้ไฟสีม่วงงดงามแปลกตา อีกทั้งทันทีที่ดอกไม้ไฟนี้ก่อร่างขึ้น มันก็โอบล้อมเม่ยเอ๋อร์ จิ่วอิง และสองแม่ลูกเยี่ยนอวี๋ไว้
“ผู้พิพากษาศักดิ์สิทธิ์”
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเอ่ยทีละคำ ดวงตาสีม่วงของเขาเปลี่ยนไป
ตูม
มิติปริภูมิที่เยี่ยนอวี๋พวกเขาอยู่เกิดเสียงระเบิดทันที
พลังมากมายไหลทะลักเข้ามา ทำลายพื้นที่บริเวณใกล้จุดศูนย์กลางแตกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่าต้องการกำจัดเยี่ยนอวี๋พวกเขารวมถึงอวิ๋นเหลียน
“ให้ตายเถอะ”
เม่ยเอ๋อร์สร้างกระแสน้ำวนด้วยใบมีดอย่างรวดเร็ว พยายามตอบโต้การทำลายมิติปริภูมิของทูตสวรรค์ฝ่ายขวา
น่าเสียดาย…
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่ดวงตาสีม่วงเยือกเย็น แสงที่ลอยอ้อยอิ่งรอบๆ ดอกไม้ไฟอันงดงามนั่นอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้กระแสน้ำวนในมือที่เม่ยเอ๋อร์ปล่อยออกมาสลายได้อย่างง่ายดาย
มิติปริภูมิทั้งหมดจึงพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง
อีกเพียงไม่นานเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกก็จะถูกส่งไปยังความว่างเปล่าแล้ว โชคดีที่เยี่ยนอวี๋หาเวลาลงมือได้ “หยุด”
‘ภาพม้วน’ ขุนเขาและท้องทะเลอันลึกลับกำเนิดขึ้นจากร่างกายของเยี่ยนอวี๋ ทำให้มิติรอบด้านเสถียรลง และทำให้กลิ่นอายความว่างเปล่านั่นถูกไล่ออกจากบริเวณนี้
ในขณะเดียวกัน
อุแว้…
หลังจากกินอวิ๋นเหลียนเข้าไปแล้ว จิ่วอิงก็ถูกความแสบร้อนที่ซึมออกมาจากเลือดของอวิ่นเหลียนกัดจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง มันรู้สึกแสบร้อนจนร้องเสียงทารกออกมาด้วยสัญชาติญาณ
มารดามันเถอะ…
เผ็ดจริงๆ
เผ็ดขึ้นสมอง
จิ่วอิงรู้สึกเผ็ดร้อนจนเกือบจะกัดอวิ๋นเหลียนไว้ไม่ได้
หากไม่ใช่เพราะความสามารถการกินมนุษย์ที่แข็งแกร่งทำให้อย่างไรก็ต้องกัดอวิ๋นเหลียนให้ได้ มันคงอ้าปากไปแล้ว
มารดามันเถอะ
เผ็ดเกินไปแล้ว โอ๊ย
จิ่วอิงตาแดงเพราะความเผ็ด ถึงแม้ดวงตาของมันจะเป็นสีแดงอยู่แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าทวารทั้งเจ็ดของจิ่วอิงกำลังพ่นไอร้อนเพราะความเผ็ดอย่างเห็นได้ชัด…
เห็นได้ว่า ‘พลังหมาล่า’ ของเจ้าตัวน้อยน่าสะพรึงยิ่งนัก
หากไม่ใช่เช่นนี้ ตบะของอวิ๋นเหลียนคงไม่ร่วงลงไปอีกขั้นหนึ่งเพราะความเผ็ดแน่ พูดได้เพียงว่าสำเร็จก็เป็นเพราะเยี่ยนเสี่ยวเป่า ‘ชะงัก’ ก็เป็นเพราะเยี่ยนเสี่ยวเป่า
ถึงอย่างไรจิ่วอิงรู้สึกเผ็ดจนนิ่งไปแล้ว ไม่สามารถเคี้ยวต่อไปได้เลย มันกำลังพักเพื่อคลายความเผ็ดที่ขึ้นสมองนั่น
ทันใดนั้น…
ชิ้ว ชิ้ว ชิ้ว…
ขณะที่เทพราชาหลัน เทพราชาชิง และเหล่าเทียนอ๋องตระกูลต่างๆ ทั้งสิบเอ็ดชั้นสวรรค์สถิตมาถึงก็เห็นปฐมราชินีคุนหลุนของพวกเขาถูกอสูรกัดอยู่ในปาก ร่างโชกเลือด
“ใต้เท้า!”
“ปฐมราชินี!”
“ให้ตายเถอะ ฆ่าพวกเขาซะ” เทพราชาหลันและเทพราชาชิงที่โมโหออกตัวก่อนผู้ใด พวกเขาฟันดาบลงไปที่จิ่วอิงแล้ว
เยี่ยนอวี๋ในครานี้ นางถูกทูตสวรรค์ฝ่ายขวา ‘กด’ ไว้ นางต้องสังเวยพลังขุนเขาและท้องทะเลออกมาอย่างต่อเนื่อง มิเช่นนั้น ‘ดอกไม้’ ในมือของทูตสวรรค์ฝ่ายขวาจะทำลายมิติปริภูมินี้ได้ทุกเมื่อ
ถึงครานั้น… พวกเขาคงไม่ต้องคิดจะกลับไปแล้วจริงๆ เพราะว่าประตูมิติไม่สามารถเปิดได้ในที่ที่โกลาหลและพังทลายแห่งนี้
ให้ตายเถอะ
เยี่ยนอวี๋ที่คิดถึงตรงนี้ แววตาที่นางมองทูตสวรรค์ฝ่ายขวาก็ล้ำลึกขึ้นกว่าเดิมมาก
ส่วนเจ้าเหมียวสีขาว… มันถูกมือของเด็กน้อยที่กำลังโมโหบีบไว้แน่น
เจ้าตัวน้อยเยี่ยนที่เพิ่งตื่นพบว่าเจ้าของของเจ้าเหมียวสีขาวคนนี้กำลังรังแกท่านแม่ของเขา ไม่โกรธสิแปลก
เจ้าเหมียวสีขาวที่ถูกพาล มันกลับหดตัวนิ่งๆ อยู่ในมือของเด็กน้อยอย่างรู้งาน ไม่ขยับและไม่ร้อง พยายามทำตัวให้เป็นอากาศมากที่สุด กลัวจะถูกบีบตายไงเล่า เหมียว…
ทว่าเจ้านายของมันกลับมีเมตตา เขายื่นมือซ้ายออกไป พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คืนเสี่ยวไป๋ให้ข้า ข้าจะหยุด”
“ไม่ได้” คุณชายอวิ๋นที่สิบสองที่ตามมาได้ยินคำนี้พอดี เขาร้อนรนไปหมด “ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา ท่านจะหยุดไม่ได้ เสด็จแม่ยังถูกกัดไว้อยู่ ต้องช่วยท่านนะขอรับ”
น่าเสียดาย… ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาไม่มองคุณชายอวิ๋นที่สิบสองเลยด้วยซ้ำ
ส่วนเทียนอ๋องที่ถูกดาบเล่มใหญ่ของเม่ยเอ๋อร์ซัดจนถอยกรูดกลุ่มนั้น สีหน้าของพวกเขาย่ำแย่ยิ่งนัก ถึงอย่างไรเทียนอ๋องทั้งสิบสามท่านก็ไม่สามารถฝ่าดาบพายุหมุนไปได้ ช่างน่าอัปยศจริงๆ…
ดังนั้น เทพราชาหลันจึงพูดอย่างจริงจังว่า “คุณชายสิบสองพูดถูก ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา ท่านอย่าปล่อยพวกเขาไปโดยไม่สนใจใยดี มิเช่นนั้นปฐมราชินี… ”
คำพูดที่เหลือเทพราชาหลันไม่ได้พูด แต่เทียนอ๋องที่เหลือในเหตุการณ์ดูออกว่าสถานการณ์ของอวิ๋นเหลียนไม่ดีแล้วจริงๆ พลังชีวิตอ่อนแอมาก มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกกัดกลืนจนตาย
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดจอมโจรกลุ่มนี้จึงแข็งแกร่งเช่นนี้ โดยเพาะอสูรร้ายที่มีเก้าศีรษะตัวนี้ เหตุใดมันจึงกัดร่างศักดิ์สิทธิ์ของปฐมราชินีได้
แต่ไม่รู้ก็คือส่วนไม่รู้ ช่วยเหลือปฐมราชินีสำคัญกว่า คำถามอื่นเก็บไว้ถามภายหลังได้
“ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา”
เทียนอ๋องทั้งสิบสามที่มีความคิดตรงกันคุกเข่าให้ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาทันที
“เหมียววว” เจ้าเหมียวสีขาวร้องอย่างอนาถใจราวกับกำลังถามว่า แล้วข้าเล่า
ทว่าคุณชายอวิ๋นที่สิบสองไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย เขายังพูดว่า “หากทูตสวรรค์ฝ่ายขวาชอบแมวตัวนี้ กลับไปข้าน้อยหาอีกสิบตัว ร้อยตัวมอบให้ท่านก็ได้”
“เมี๊ยว” เจ้าเหมียวสีขาวร้องเสียงแหลม บอกว่าก่อนหน้านี้ที่ตนแอบออกไปวิ่งเล่นข้างนอก มันถูกชายน่ากลัวคนนี้จับไว้ น่าสงสารมากเลยเหมียว…
แต่แล้ว… ทูตสวรรค์ฝ่ายขวากลับพูดว่า “สิบตัว ร้อยตัว?”
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองชะงักเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติเข้าใจจึงรีบพยักหน้า “ใช่แล้ว จะสิบตัวร้อยตัวก็ไม่มีปัญหา ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาโปรดวางใจ ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ไม่ใช่ของหายาก”
“เมี๊ยว เมี๊ยวๆๆๆ” เจ้าเหมียวสีขาวร้อนรน พยายามบอกว่าตนเองไม่เหมือนใคร
น่าเสียดาย… ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาพยักหน้าแล้ว “ได้”
เจ้าเหมียวสีขาวร้องไห้ทันที “เหมียวๆๆ”
จู่ๆ เยี่ยนเสี่ยวเป่าก็รู้สึกสงสารเจ้าเหมียวในมือของตนเองมาก เจ้าของบอกจะทิ้งก็ทิ้งเลย
ทว่าเยี่ยนอวี๋ในครานี้กลับตึงเครียดถึงขีดสุด เพราะว่านางรู้สึกถึงอย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายที่ไม่รู้จักที่หลั่งไหลออกมาจากรอบกายและสามารถรบกวนมิติปริภูมิได้จากทูตสวรรค์ฝ่ายขวา เขาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าที่นางคาดคิดไว้
แต่สิ่งที่นางไม่รู้คือ… ณ จักรวาลดั้งเดิมในบัดนี้ หรงอี้สามีของนางนอกจากจะตื่นแล้วยังปรากฏขึ้นข้างหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติแล้ว
“อาจารย์พ่อ” เทียนตี้ดีใจ
อินหลิวเฟิงที่อยู่ในค่ายกลถึงกับกระโดดขึ้นมา “ท่านรีบเข้ามาช่วยเถอะ ค่ายกลนี้หยุดทำงานไปแล้ว”
ต้าซือมิ่งที่ไม่ได้พูดอะไรเดินเข้าไปในค่ายกลแล้ว ในขณะเดียวกันก็ ‘กวาด’ อินหลิวเฟิงออกจากค่ายกลไป
จากนั้น…
แสงสีม่วงจางๆ แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขาราวกับใบไม้ร่วงที่งดงามผสานเข้าไปในค่ายกล
ซู่
แสงไฟสว่างไสวออกมาจากค่ายกลทันที ทำเอาเทียนตี้และอินหลิวเฟิงตื้นตันอย่างยิ่ง
แต่แล้ว…
ตูม
ค่ายกลแตกทันทีที่มันสว่างไสวขึ้นเต็มที่
—————————————–