ตอนที่ 743 รวมตัวพร้อมหน้า ปกป้องเมีย
ตูม
ทันทีที่หรงอี้หายตัวไป ฐานค่ายกลก็ระเบิดกลายเป็นแสงสีม่วงจางๆ สลายหายไปท่ามกลางตำหนัก
ทำเอาเอ้อร์เหมาผงะ “ต้าซือมิ่ง… ถูกระเบิดไปแล้วหรือ”
เยี่ยนชิงที่เดิมทีหัวใจจะแตกสลายอยู่แล้วได้ยินดังนั้นก็ตบศีรษะเอ้อร์เหมาทีหนึ่ง “พูดจาเหลวไหล หุบปากซะ ไม่รู้เรื่องก็อย่าพูดมั่วซั่ว บุตรเขยข้าไปรับบุตรสาวและหลานชายน้อยต่างหาก”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน” จางอวิ๋นเมิ่งสำทับอย่างเห็นด้วย
ทว่าอินหลิวเฟิงอดถามไม่ได้ว่า “ฐานค่ายกลถูกทำลายแล้ว ต้าซือมิ่งจะพาพวกเขากลับมาได้หรือ”
“น่าจะได้…” เทียนตี้ไม่ค่อยมั่นใจ
หยวนสื่อเทียนจุนเองก็จำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “ฐานค่ายกลนี้เปรียบเสมือนประภาคารที่นำปฐมราชินีพวกเขากลับมา บัดนี้ประภาคารถูกทำลายไปแล้ว…”
คำพูดที่เหลือหยวนสื่อเทียนจุนไม่ได้พูดต่อไป แต่ทุกคนในเหตุการณ์เข้าใจดี ย่อมรู้ว่าการสูญเสีย ‘ประภาคาร’ ไป สำหรับเยี่ยนอวี๋พวกเขาแล้วเท่ากับมืดแปดด้าน จะหาทางกลับมาได้หรือไม่นั้นพูดยากมากจริงๆ
เยี่ยนชิง “…”
เขาที่รู้สึกอื้ออึงไปหมด ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นทันที
จางอวิ๋นเมิ่งเองก็ยืนไม่ไหว กองลงไปกับพื้นด้วย
เทียนตี้สงบสติอารมณ์กล่าวว่า “อาจารย์พ่อดอกบัวขาวเป็นตัวประหลาดเช่นนี้ ต้องกลับมาได้แน่นอน เราอย่าเพิ่งวิตกกันก่อนเลย”
“ใช่แล้ว” อินหลิวเฟิงสงบสติลง “ต้าซือมิ่งวางแผนทุกอย่างตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว เขาต้องไม่ปล่อยให้นายท่านระเหเร่ร่อนในต่างยุค ถูกอวิ๋นเหลียนกดขี่แน่นอน”
“ไม่แน่ว่ายังฆ่าอวิ๋นเหลียนได้ด้วย” เอ้อร์เหมารู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นการปฏิบัติโดยปกติของคุณหนูใหญ่เยี่ยนผู้แข็งแกร่ง
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยนชิงมองเขาด้วยความเห็นชอบอีกครั้ง “นี่สิถึงจะเป็นคำพูดของมนุษย์”
เอ้อร์เหมาที่เกาศีรษะบอกว่า “ข้าน้อยเป็นปลาคุนนกเผิงขอรับ”
เยี่ยนชิง “…”
ในที่สุดเขาก็เข้าใจอินหลิวเฟิงแล้วว่าเหตุใดจึงอยากเปลี่ยนลูกน้องตลอดเวลา
ทว่าคำพูดของอินหลิวเฟิงยังคงปลอบประโลมทุกคนได้สำเร็จ แม้พวกเขายังคงเป็นกังวลมาก แต่อย่างน้อยก็มีความหวังมากขึ้น
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ… เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกที่อยู่ในยุคคุนหลุนกำลังเผชิญกับการโจมตีอย่างรุนแรง
สำนักทั้งสิบเอ็ดชั้นสวรรค์ที่ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย บัดนี้สร้างค่ายกลโจมตีเสร็จแล้ว
“ยอดเขาถงซาน”
“เมฆาสู่วิเวก”
“ภูเขาและแม่น้ำเหยียบจันทรา”
…
ค่ายกลโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่สร้างขึ้นโดยเหล่าผู้แข็งแกร่งจากสวรรค์สิบเอ็ดชั้นฟ้าทำให้ดาบพายุหมุนอันคลุ้มคลั่งที่เม่ยเอ๋อร์ซัดออกมาไม่หยุดแตกละเอียด
ตูม
เม่ยเอ๋อร์ถูกซัดกระเด็นไปโดนจิ่วอิง
“อุแว้”
จิ่วอิงรีบใช้หางรัดเม่ยเอ๋อร์ไว้และกัดแน่นกว่าเดิม มันกัดอวิ๋นเหลียนที่อยู่ในปากไว้ไม่ยอมปล่อย นอกจากจะไม่ปล่อยให้อวิ๋นเหลียนมีโอกาสพลิกสถานการณ์แล้ว ยังเคี้ยวกระดูกและเลือดเนื้อของนางละเอียด
“บัดซบ ให้ตายเถอะ” อวิ๋นเหลียนที่รู้สึกได้ว่าชีวิตถูกคุกคามจริงๆ พยายามเจรจากับจิ่วอิงว่า “เจ้าคืออสูรของจักรพรรดิมารหรือ หากเจ้าปล่อยข้า เจ้าต้องการอะไร ข้าให้เจ้าได้หมด”
จิ่วอิงที่กำลังยุ่งเป็นพัลวันยังไม่ลืมที่จะใช้ศีรษะข้างหนึ่งพูดว่า “ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ข้าแค่อยากกินเจ้าปฐมราชินีผู้สร้าง ต่อไปจะได้อวดเสี่ยวเป่าได้”
อวิ๋นเหลียน “…”
นางที่ถูกกัดจนเจ็บไปทั้งตัวและวิญญาณใช่ว่าจะไม่เคยคิดจะทิ้งร่างและหนีไป
จะทำอย่างไรได้ ปากของจิ่วอิงนี้ไม่เคยกัดแค่ร่างกาย มันกัดวิญญาณของอวิ๋นเหลียนไว้ด้วย มันกัดทุกอย่างไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยเลย
อีกทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้นางหนี จิ่วอิงไม่แม้แต่จะเคี้ยวแล้ว เอาแต่กัดไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย
ไม่เพียงเท่านี้…
“ตายเสียเถอะ”
หลังจากที่เม่ยเอ๋อร์ถูกซัดไปแล้ว เทพราชาทั้งสี่ก็ฟันดาบลงไปที่จิ่วอิง ชั่วขณะที่พวกเขาเข้าใกล้จิ่วอิง ยังถูกจิ่วอิงตอบโต้ด้วยการกัดพวกเขากลับอย่างรวดเร็ว
จิ่วอิงที่ว่องไว ขณะที่เทพราชาทั้งสี่ฟันลงไปที่มัน มันก็กัดพวกเขาไว้ก่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่คือประโยชน์ของการมีหลายศีรษะ
จิ่วอิงที่ศีรษะข้างหนึ่งกัดอวิ๋นเหลียนสามารถใช้ศีรษะข้างหนึ่งตอบอวิ๋นเหลียน และยังสามารถใช้ศีรษะทั้งสี่กัดเทพราชาทั้งสี่ไว้อย่างแม่นยำ
แกร่ก
เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นพร้อมกัน ในขณะเดียวกันร่างของเทียนอ๋องทั้งสี่ระเบิด พวกเขาเจ็บจนร้อง โอ๊ย ออกมาอย่างมิอาจกลั้นไว้ได้
โชคดีที่ผู้แข็งแกร่งทั้งสิบเอ็ดคนได้เปิดฉากการทำลายล้างอีกครั้ง
น่าเสียดาย…
“ถุย”
จิ่วอิงคายเทพราชาทั้งสี่ออกไป มันใช้เทพราชาทั้งสี่เป็น ‘กระสุน’ ทำลายการโจมตีหมู่ของเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งสิบเอ็ด
ไม่เพียงเท่านี้…
“ไปตายซะให้หมด!”
เม่ยเอ๋อร์ใช้ดาบอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง แม้ปากของนางยังมีเลือดไหล แต่แสงดาบที่กวาดออกมาจากนาง นอกจากจะไม่ด้อยไปกว่าก่อนหน้านี้แล้ว ยังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เท่าตัว มิติรอบข้างถูกกวาดจนเกิดเสียงปะทะเสียดสีแสบหู
ดังนั้นเหล่าสำนักสิบเอ็ดชั้นสวรรค์ที่เพิ่งถูกเทียนอ๋องทั้งสี่กระแทกใส่จนพลังค่ายกลร่วงฮวบ พวกเขาก็ต้องตกใจกับแสงดาบอันดุร้ายที่ตามมา
“ถอยเร็วเข้า!”
ฉิวซาไห่เจ้าสำนักถงซานตะโกนออกมาอย่างเด็ดขาด
เพราะว่าพลังดาบอันบ้าคลั่งของเม่ยเอ๋อร์มีพลังทำลายล้างที่รุนแรงมาก
ฉิวซาไห่รู้ดีว่าหากศิษย์ชั้นยอดของสำนักโดนเข้าต้องตกเป็นปีศาจแน่นอน ถึงครานั้นเกรงว่าร่างจะระเบิดเพราะธาตุไฟเข้าแทรก
น่าเสียดายที่ไม่ใช่เจ้าสำนักทุกสำนักจะมีไหวพริบว่องไวเหมือนฉิวซาไห่ ดังนั้น…
ตูม
เมื่อพลังดาบอันน่าสะพรึงของเม่ยเอ่อร์ซัดเข้าไปในค่ายกลของแต่ละชั้นสวรรค์ที่ไม่ทันถอยหลบเหล่านั้น มันก็พุ่งใส่ศิษย์ชั้นยอดของแต่ละสำนักนับร้อยสำนัก พวกเขาตาคาที่ทันที
มหาเทพและเซียนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งที่มีอาการบาดเจ็บไม่หนักนักกระอักเลือด ผู้ที่มีอาการสาหัสกุมศีรษะของตนไว้ เพราะทวารทั้งเจ็ดหลั่งเลือดและล้มลง
“อ๊ากกก…”
เม่ยเอ๋อร์ผู้น่ากลัวกลับระเบิดเสียงกรีดร้องราวกับเทพมรณะออกมา ทำให้ผู้ที่เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดเหล่านั้นเจ็บหนักกว่าเดิมและร่างระเบิดในทันที
“บัดซบ”
จิ่วอิงตะลึง
มันคิดไม่ถึงเลยว่าพลังทำลายล้างของสาวน้อยเม่ยเอ๋อร์คนนี้จะรุนแรงเช่นนี้ โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายนั่น เห็นได้ชัดว่าแฝงไปด้วยต้นกำเนิดมรณะ
นี่คงเป็นสิ่งที่รู้แจ้งในถ้ำมรณะแดนมืดนิรันดร์สินะ
จะว่าไปแล้ว… มือของเม่ยเอ๋อร์ ไม่แตกแล้ว?
จิ่วอิงเพิ่งเห็น มันมองไปที่มือของเม่ยเอ๋อร์ พบว่ามือของนางปกติดีแล้ว มันหายเองแล้ว
เฮ้ย
นี่มันคนพิสดารอะไรกัน
จู่ๆ จิ่วอิงก็สงสัยในตัวเม่ยเอ๋อร์ขึ้นมา
เม่ยเอ๋อร์ในครานี้ ทวารทั้งเจ็ดของนางหลั่งเลือดแล้ว แต่นี่ไม่ได้ทำให้นางดูอ่อนแอ กลับทำให้นางดูน่ากลัวและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
เม่ยเอ๋อร์ที่ร่างกายหลั่งไหลกลิ่นอายน่าสะพรึงออกมาไม่หยุด นางกำลังเดินไปหาทูตสวรรค์ฝ่ายขวา
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาในครานี้ เขาถูกกระบี่ไท่ชางเล่นงานแล้ว
ภายใต้การช่วยเหลือของค้อนจิ๋วของเจ้าตัวน้อย พลังไท่ชูของกระบี่ไท่ชางฉีดเข้าไปในร่างกายทูตสวรรค์ฝ่ายขวา มันทำลายเส้นประสาทของเขาอย่างต่อเนื่อง
ทว่าเห็นได้ชัดว่าทูตสวรรค์คนนี้เป็นตัวละครที่ดุร้ายเช่นกัน ความสามารถในการฟื้นฟูตนเองของเขานั้นน่าทึ่งมาก เขาสามารถรักษาเส้นประสาทที่ถูกกระบี่ไท่ชางทำลายด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว และยังมีแนวโน้มที่จะตอบโต้กระบี่ไท่ชางกลับอีกด้วย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดูจนถึงตรงนี้ก็จับหน้าไว้ตลอด “อ้ะ อ้ะเนะ…” ร้อนรนมาก แต่เขาไม่สามารถเรียกค้อนจิ๋วของเขาออกมาอีกแล้วและเขายังรู้สึกหิวด้วย
ทว่าเม่ยเอ๋อร์มาแล้ว…
เม่ยเอ่อร์ที่แบกดาบเล่มใหญ่มา นางเข้าใกล้ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่ถอยไปไกล
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองตะโกนทันที “ขวางนางไว้ อย่าให้นางเข้าใกล้ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาพลิกสถานการณ์ได้”
“แค่ก” เทพราชาอาวุโสหลันกระอักเลือดขนานหนึ่งออกมา เขาแทบจะหมดลมหายใจแล้ว แต่เขาก็รีบทานโอสถเม็ดหนึ่งลงไป เทพราชาที่เหลือทั้งสามท่านก็เช่นกัน
ที่สำคัญคือ…
ฟิ้ว
ฟิ้วๆ…
โจวปินและเทียนอ๋องทั้งสิบจากตำหนักสวรรค์ พวกเขามาถึงแล้ว
นอกจากนี้ พวกเขายังพาทหาสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักสวรรค์มาด้วย นั่นก็คือกองทัพอู่หัง
ทันทีที่กองทัพอู่หังสถิตลงมา พวกเขาก็ล้อมเยี่ยนอวี๋และพรรคไว้ภายใต้การนำของเอกอัครราชทูตของตน
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองรู้สึกมั่นใจในทันที “กองทัพสวรรค์อู่หังฟังบัญชา สังหารสาวใช้คนนั้นเสีย”
กรร
กองทัพอู่หังที่คำรามเสียงเกรี้ยวกราดออกมาต่างพากันแสดงอาวุธอู่หังอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา
แดนคุนหลุนทั้งแดนถูกแสงสีทั้งห้าปกคลุม พลังสังหารอันทรงพลังพุ่งใส่เม่ยเอ๋อร์อย่างไม่บันยะบันยัง
แต่เม่ยเอ๋อร์ไม่ได้ถอย ดาบเล่มใหญ่ในมือของนางยังสะท้อนเสียงหึ่งๆ พร้อมต่อสู้ เห็นได้ชัดว่ายิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ
ทว่าเยี่ยนอวี๋กลับรู้ว่าเม่ยเอ๋อร์ต้านทานการโจมตีนี้ไม่ได้ นางจึงออกโรงเองแล้ว
นางที่เชื่อมต่อกับจักรวาลดั้งเดิมไม่ได้จึงยอมแพ้ก่อนจะซัดฝ่ามือออกไป “ไท่ อี้”
เยี่ยนอวี๋ที่เปล่งเสียงขึ้น แสงหม่นที่ซัดออกมาจากฝ่ามือนางเมื่อปะทะกับพลังสังหารของกองทัพอู่หังก็ ‘สลาย’ พลังทั้งหมดของกองทัพสวรรค์อู่หังทันที เพราะว่าพลังไท่อี้ที่เยี่ยนอวี๋รวบรวมมาคือสถานะดั้งเดิมที่สุดของจักรวาล พลังใดๆ ล้วนกำเนิดจากมัน
แม้จะอยู่คนละยุค… องค์ประกอบของกฎและระเบียบก็มีส่วนคล้ายคลึงกัน
ดังนั้น แม้เยี่ยนอวี๋ไม่สามารถสังหารอวิ๋นเหลียน แต่การไล่การโจมตีที่นี่ให้สลายไปนั้นไม่ยาก
ดังนั้น แม้พลังของกองทัพอู่หังจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ถูกเยี่ยนอวี๋กำจัดได้ในฝ่ามือเดียว
ดังนั้น…
ตูม
พลังแห่งกฎอันศักดิ์สิทธิ์และพลังของต้าซือมิ่งในร่างกายของเยี่ยนอวี๋เพียงพอที่จะซัดกองทัพสวรรค์อู่หังกระเด็น
ทำเอาคุณชายอวิ๋นที่สิบสองและเทียนอ๋องทั้งสิบ รวมถึงเทพราชาทั้งสี่ และผู้แข็งแกร่งทั้งสิบเอ็ดชั้นสวรรค์ตะลึงงัน
นี่คือใคร…
“สตรีนางนี้คือใคร?”
“เหตุใดนางจึงทำลายการโจมตีของกองทัพอู่หังได้ง่ายดายเช่นนี้”
“นางคือใคร?”
สำนักทั้งสิบเอ็ดชั้นสวรรค์ที่ไม่รู้ ‘เบื้องหลัง’ เลยแทบจะเสียสติกันไปแล้ว
เพราะว่าความรู้สึกที่เยี่ยนอวี๋มีให้พวกเขาก็เหมือนกับความรู้สึกของการกดขี่ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้จากปฐมราชินีคุนหลุน
แล้วจะให้สู้กันอย่างไรเล่า
ย่อมสู้ไม่ได้
เมื่อเยี่ยนอวี๋ตั้งใจว่าจะไม่ ‘กลับไป’ แล้ว นางที่ยื่นมือออกมา เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
ดังนั้น…
แกรก
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่นัยน์ตามีแสงวาบผ่าน เขาสะเทือนกระบี่ไท่ชางออกไปแล้วและยังเหินไปหาเยี่ยนอวี๋
“ไสหัวไปซะ”
เม่ยเอ๋อร์จับดาบพุ่งใส่ทันที แต่ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อใส่ เม่ยเอ๋อร์ก็ล้มลงบนพื้น
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองกำลังจะสั่งให้ทหารจับเม่ยเอ๋อร์ไว้ แต่ว่า…
หึ่ง
จู่ๆ แสงสีม่วงอร่ามก็สถิตลงมาจากท้องฟ้า
จากนั้น…
เยี่ยนอวี๋รู้สึกเพียงเอวถูกรัดแน่นและนางกับลูกก็ตกอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย
*****************************