ตอนที่ 744 สามีหนุนหลัง
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางที่คิดไม่ถึงว่าต้าซือมิ่งจะปรากฏตัวนิ่งงัน
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจอมซื่อคนนี้เงยหน้าขึ้นมองท่านพ่อของเขาอย่างงงงวย นอกจากจะนิ่งไม่ขยับแล้ว ตายังค้างราวกับกลายเป็นหินไปแล้ว
แม้แต่จิ่วอิงที่มีดวงตาสิบแปดดวง มันเองก็ร้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “อี้เอ๋อร์?” ไม่ใช่หรอกนะ
ถึงอย่างไรตอนนี้ทุกคนในเหตุการณ์ก็ตะลึงงันไปหมด… แม้แต่เหล่าทวยเทพฝั่งยุคคุนหลุนก็นิ่งงัน เพราะว่าต้าซือมิ่งปรากฏตัวกระทันหันมาก มิหนำซ้ำตอนที่เขาปรากฏตัวยังมีเสียงเพลงพื้นหลังประกอบด้วย
เสียงดนตรีที่ฟังดูเหมือนเสียงพระพรหมและเต๋าดังก้องไปทั่วแดนคุนหลุน มันน่าตกใจมากจนทำให้จิตวิญญาณของทุกคนสั่นสะท้าน มีความรู้สึกอยากจะคุกเข่าหมอบกราบอย่างไรอย่างนั้น
เพียงเท่านี้… ทำเอาผู้แข็งแกร่งฝั่งยุคคุนหลุนสั่นสะท้านจนถอยไปหลายจั้ง
เทียนอ๋องไม่น้อยยังถามขึ้นอย่างหวาดกลัวสุดฤทธิ์ว่า “นี่คือใครอีก”
ทว่าคำถามนี้ ไม่มีผู้ใดตอบได้
เทพราชาทั้งสี่แห่งตำหนักสวรรค์และคุณชายอวิ๋นที่สิบสองไม่รู้จริงๆ เช่นนั้นเทพองค์อื่นๆ ก็ยิ่งไม่รู้
ส่วนทูตสวรรค์ฝ่ายขวา บางทีเขาอาจจะรู้ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เอาแต่จ้องต้าซือมิ่งเงียบๆ เหมือนกับหวาดกลัวฝ่ายตรงข้ามมากเช่นกัน
แต่เนื่องจากทูตสวรรค์ฝ่ายขวายังคงยืนอกผายตัวตั้งตรง เหล่าเทพจึงไปยืนข้างหลังเขาราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วรู้สึกปลอดภัย
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองถึงกับถามว่า “ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี”
ทว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวายังคงเงียบ ราวกับไม่ได้ยินคำถามของคุณชายอวิ๋นที่สิบสอง
หากเป็นไปได้ คุณชายอวิ๋นที่สิบสองก็ไม่อยากพูดคุยกับทูตสวรรค์ฝ่ายขวาผู้ที่คาดเดาอะไรไม่ได้ท่านนี้ แต่เขาไม่เห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจึงได้แต่กัดฟันถามทูตสวรรค์ฝ่ายขวาท่านนี้
น่าเสียดายทูตสวรรค์ฝ่ายขวาไม่สนใจผู้ใดทั้งนั้น เขาเอาแต่จ้องต้าซือมิ่งต่อไป
แต่ต้าซือมิ่งไม่ได้มองเขา เขากำลังมองสองแม่ลูกในอ้อมอกผู้น่ารักน่าชัง อยากรู้ว่าสองแม่ลูกนี้จะนิ่งงันไปอีกนานแค่ไหน
เยี่ยนอวี๋ที่ยังคงตะลึงงัน ใช่ว่านางจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางจับแผ่นอกของสามีนาง พบว่ามีอุณหภูมิ อดพึมพำเบาๆ ไม่ได้ว่า “สามี?”
“อืม” หรงอี้ตอบ ยังลูบหลังของภรรยาเบาๆ ทำให้นางรู้สึกถึงความเป็นจริงกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋ผงะเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสามีนาง “จริงหรือ” แม้จะแน่ใจได้ว่าตนเองไม่ได้ต้องมนต์อะไร แต่ว่า…
เมื่อคิดถึงสามีที่ยังนอนอยู่ตอนที่ตนจากมา เยี่ยนอวี๋ยังคงจับใบหน้าของสามีนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าผสานร่างพลังเสร็จแล้วหรือ ตื่นแล้วหรือ”
“ใช่” หรงอี้ที่ยกมือขึ้นจับมืออ่อนนุ่มของภรรยา เขายังจูบมือของนางเบาๆ “ข้าตื่นแล้ว ข้ามาแล้ว นี่คือเรื่องจริง”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางยังคงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
จนผ่านไปนาน จู่ๆ นางก็กอดคอของสามีนางไว้
ส่วนเด็กน้อยในอ้อมอกของนางย่อมถูกนางปล่อย ‘ทิ้ง’ ทว่าต้าซือมิ่งรับเด็กน้อยที่ยังงงงันไว้
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางลืมเด็กน้อยไปแล้วจริงๆ นางโถมตัวเข้าไปในซอกคอของสามีนางด้วยความคิดถึง “สามี…”
นี่คือการพบกันครั้งแรกหลังจากตื่น
นี่คือการพบกันครั้งแรกหลังจากเยี่ยนอวี๋รู้ว่าทุกอย่างที่สามีของนางทำเพื่อนาง
นี่คือการพบกัน ‘ครั้งแรก’ ในรอบหลายสิบล้านปี กระทั่งหลายร้อยล้านปี
…
เพราะเหตุนี้ เยี่ยนอวี๋ที่อยู่ในซอกคอของสามีนางน้ำตาไหลริน
นางเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนต้องหลั่งน้ำตา นางรู้เพียงว่าหัวใจของตนเต็มอิ่ม ราวกับว่าน้ำตาจะเอ่อล้นออกมาจากหัวใจ
ถึงแม้ว่า.. นับดูแล้วเหมือนกับว่าแค่ไม่ได้ ‘เจอ’ เพียงสองสามวัน แต่เนื่องจากฉากในความฝันทุกฉากนั่น… ทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกเหมือนกับห่างกันมาหลายภพชาติ ผ่านเวลาหลายร้อยล้านปีกว่าจะได้พบกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋ร้องไห้หนักกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เพราะนางกลั้นไม่อยู่จริงๆ
สามี
สามีของนาง
…
หรงอี้ที่ไม่รู้เลยว่าภรรยาได้เข้าไปในความฝันของนางตอนที่นางนอนกับเขา เขาตกใจกับภรรยาที่กำลังร้องไห้ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เป็นอะไรหรือ”
เยี่ยนอวี๋ที่ร้องไห้ไม่หยุดไม่สามารถอธิบายได้เลย อย่างน้อยก็อธิบายไม่ได้ในตอนนี้ นางเอาแต่กอดสามีนางแน่น น้ำตาไหลไม่หยุด พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “สามี…”
หรงอี้คิ้วขมวดเป็นปมเมื่อเห็นภรรยาร้องไห้หนัก “ถูกรังแกหรือ” ใช่แน่ๆ ทวยเทพยุคคุนหลุน รวมถึงอวิ๋นเหลียนรังแกภรรยาอย่างรุนแรงแน่ๆ ไม่เช่นนั้นภรรยาที่ไม่ชอบร้องไห้ของเขาเหตุใดจึงร้องหนักเช่นนี้
เมื่อคิดได้เช่นนี้… ต้าซือมิ่งก็ปรายมองเหล่าทวยเทพคุนหลุน
เหล่าทวยเทพคุนหลุนตกใจกับสายตาพิฆาตราวกับการหลุบตามองของเทพมรณะจนกระจุกตัวกันข้างหลังทูตสวรรค์ฝ่ายขวา
ส่วนต้าซือมิ่ง เขาเองก็กำลังมองทูตสวรรค์ฝ่ายขวาด้วยสายตาที่มิอาจคาดเดาได้
แต่ว่า…
“สามี…”
เยี่ยนอวี๋ที่กอดคอของต้าซือมิ่งไว้และเอาแต่ร้องไห้ นางยังถูไถร่างสามีของนางและเรียกเขา เสียงนั้นทั้งอ่อนโยนและน่าสงสาร (ต้าซือมิ่งรู้สึกเช่นนี้)
ต้าซือมิ่งไม่สนใจเหล่าทวยเทพอีกครั้ง เขากอดภรรยาแน่นและปลอบว่า “อยู่ ข้าอยู่”
“อ้ะเนะ” เด็กน้อยที่ในที่สุดก็ดึงสติกลับมาได้ เขาก็บินไปที่ไหล่ของของท่านพ่อเขาอย่างตื่นเต้นดีใจก่อนจะกอดใบหน้าของท่านพ่อไว้และจูบไม่หยุด จุ๊บๆๆ
ต้าซือมิ่ง “…”
หน้าถูกจูบจนเหนียวเหนอะ รู้สึกรังเกียจเล็กน้อย
แต่อาการรังเกียจในใจของเขา เด็กน้อยไม่รู้เรื่องเลย เจ้าตัวน้อยดีอกดีใจมาก “พ่อ พ่ออ้ะ… อ้ะๆ”
“อืม” หรงอี้แกะมือเด็กน้อยออกจากใบหน้าก่อนจะเช็ดใบหน้าของตน ครั้นเขากำลังจะสอนเด็กน้อยว่าผู้ชายกับผู้ชายไม่เหมือนกัน อย่าจูบซี้ซั้ว
ทว่าเด็กน้อยกอดท่านพ่อเขาอีกครั้ง และจูบลงไปอีกทีหนึ่ง
หรงต้าซือมิ่ง “…”
เจ้าเด็กคนนี้ไปเรียนเป็นปีศาจรจุมพิตมาจากไหนกัน คงไม่ใช่ปู่จิ่วสอนหรอกนะ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ต้าซือมิ่งก็มองไปที่จิ่วอิง
จิ่วอิงในครานี้ มันมั่นใจแล้วว่าผู้ที่มาคือหรงอี้จริงๆ มันยังนำตัวเม่ยเอ๋อร์มาข้างกายเพื่อรักษาให้อย่างคล่องแคล่ว
เพียงแต่ว่าอวิ๋นเหลียนที่ถูกมันกัดไว้ในปากยังไม่มี ‘ความคืบหน้า’ อะไร มันก็เอาแต่กัดไว้แน่นเช่นนั้น ไม่กล้าเคี้ยว กลัวว่าเนื้อชั้นดีที่มาถึงที่แล้วจะหายไป
ส่วนการโจมตีกลับด้วยการแผดเผาจิตวิญญาณของอวิ๋นเหลียนก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าถูกตัดขาดอย่าง ‘ไม่ตั้งใจ’ เนื่องจากการสถิตมาพร้อมเสียงเพลงพื้นหลังของต้าซือมิ่ง
ดังนั้น… จิ่วอิงที่ครานี้รู้สึกถูก ‘มอง’ มันก็พูดโดยไม่คิดมากว่า “อี้เอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็มา เจ้ารีบช่วยปู่จิ่วกดปฐมราชินีผู้สร้างยุคคุนหลุนตัวนี้หน่อย ให้ข้าได้ลิ้มลองรสชาติของนางดีๆ เสียที”
เมื่อได้ยินดังนั้น คุณชายอวิ๋นที่สิบสองทนไม่ไหว “บังอาจ!”
“เจ้าโอหังเกินไปแล้ว” เทพอาวุโสหลันเอ่ยขึ้น “แม้ตบะของพวกเจ้าจะไม่ธรรมดา แต่ปฐมราชินีคุนหลุนก็ไม่ใช่บุคคลที่พวกเจ้าคิดอยากจะฆ่าก็ฆ่าได้”
“ใช่แล้ว ให้มันรู้เรื่องหน่อย ปล่อยปฐมราชินีเสีย มิเช่นนั้นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมา นางและทูตสวรรค์ฝ่ายขวาร่วมมือกันเมื่อไร พวกเจ้าหนีไม่รอดแน่” เทพราชาอาวุโสจินก็ขู่
เทียนอ๋องและหัวหน้าสำนักของสวรรค์สิบเอ็ดชั้นฟ้าที่เหลือก็เพิ่งดึงสติกลับมาได้ พวกเขาต่างสร้างค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดและจ้องมองไปที่เยี่ยนอวี๋และพรรคพวกอย่างระมัดระวัง
กองทัพสวรรค์อู่หังก็จัดเรียงค่ายกลอีกครั้งโดยการนำของเอกอัครราชทูตทั้งห้าและเทียนอ๋องลาดตระเวนทั้งห้า พวกเขาล้อมเยี่ยนอวี๋ไว้อย่างระมัดระวัง ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
น่าเสียดาย…
จิ่วอิงที่ได้ยินคำขู่หัวเราะและยังหัวเราะเสียงร้องแบบ ‘เด็กๆ’ ออกมาด้วยสัญชาติญาณ (ไม่ทันเปลี่ยนเสียง โทษที)
ทว่าจิ่วอิงที่มีความสุขมากจริงๆ ก็ตั้งใจทำให้แย่ลงกว่าเดิม มันด่ากราดด้วยเสียงทารกว่า “พวกเจ้าตื่นเสียที ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของพวกเจ้าถูกปู่จิ่วของพวกเจ้า ซึ่งก็คือข้า กินไปแล้ว”
“อะไรนะ?” คุณชายอวิ๋นที่สิบสองหน้าเปลี่ยนสี เขามองไปที่ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาด้วยสัญชาติญาณ
ทว่า… ทูตสวรรค์ฝ่ายขวายิ้มเย้ยหยัน “เจ้าแค่อยากน่ะ”
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองและเหล่าทวยเทพโล่งอก ตกใจหมดเลย คิดว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถูกกินไปแล้วจริงๆ เสียอีก
แม้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรปฐมราชินีคุนหลุนของพวกเขาก็อยู่ในปากของอสูรร้ายที่ไม่รู้มาจากไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย
ทว่าในเมื่อทูตสวรรค์ฝ่ายขวาปฏิเสธแล้ว เช่นนั้นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องยังอยู่แน่ ดีมาก
ส่วนจิ่วอิง มันก็แยแส ไม่อยากโต้แย้ง มันยังเร่งเร้าว่า “อี้เอ๋อร์ อี้เอ๋อร์ รีบช่วยปู่จิ่วเร็วเข้า ข้ารู้สึกว่าถ้าได้กินครานี้ ข้าจะอิ่มไปอีกนาน”
ทว่าหรงอี้ยังคงปลอบภรรยาอยู่ ไม่มีเวลาสนใจมันเลยแม้แต่น้อย เมื่อครู่นี้ก็แค่สละเวลามองมันปราดเดียว
ทว่าเยี่ยนอวี๋สงบอารมณ์ได้บ้างแล้ว เพียงแค่ยังอยู่ในซอกคอของสามีนางอย่างเคอะเขิน ครานี้เมื่อได้ยินคำขอร้องของจิ่วอิง นางก็ช่วยพูดว่า “สามีช่วยปู่จิ่วที”
จิ่วอิงได้ยินดังนั้นก็พูดประจบประแจงและชมทันทีว่า “ภรรยาอี้เอ๋อร์รูปงามจิตใจก็งามจริงๆ และยังฉลาดเด็ดขาด ปราดเปรื่องกว่าผู้ใด ไม่ว่าอยู่ในยุคสมัยไหนก็เป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบไม่มีผู้ใดเหมือน…”
จิ่วอิงที่ชมไม่หยุดปาก ทำเอาเยี่ยนอวี๋หัวเราะ นางเงยหน้าขึ้นมามองราชาอสูรร้ายแปลกประหลาดจิ่วอิงท่านนี้
เมื่อต้าซือมิ่งเห็นว่านอกจากภรรยาจะช่วยพูดแล้ว ยังหยุดร้องไห้แล้วด้วย เขาย่อมสะบัดแขนเสื้อไปทางอวิ๋นเหลียน เกิดม่านหมอกจางๆ
อวิ๋นเหลียนที่มีลางสังหรณ์ไม่ดีก็ระวังตัวขึ้นมาทันที แต่กลับพบว่าตนเองไม่สามารถรวบรวมพลังได้เลย และยิ่งไม่สามารถสื่อสารกับกฎระเบียบรอบกายได้?
นี่มัน…
แม้แต่ตอนที่ถูกกดไว้ในตอนแรกเริ่ม อวิ๋นเหลียนก็ไม่มีความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสิ้นเชิงเช่นนี้
ดังนั้นอวิ๋นเหลียนจึงเริ่มวิตก “รอเดี๋ยว เราคุยกันก่อน พวกเจ้าต้องการสิ่งใด ไม่ว่าสิ่งใดที่พวกเจ้าต้องการ ข้าสนองให้ได้”
ด้วนฐานะปฐมราชินีผู้สร้างยุคคุนหลุนของอวิ๋นเหลียน นางมีสิทธิ์พูดเช่นนี้จริงๆ ถึงอย่างไรนางก็สามารถทำได้ทุกอย่างในยุคคุนหลุนของนาง
น่าเสียดาย…
สำหรับเยี่ยนอวี๋ที่ทำได้ทุกอย่างในยุคของตนเองเช่นกัน พลังความสามารถใดๆ ของอวิ๋นเหลียน นางล้วนไม่ต้องการ
ส่วนสองพ่อลูกต้าซือมิ่งและเม่ยเอ๋อร์พวกเขา ย่อมไม่ต้องการอะไรจากอวิ๋นเหลียนอยู่แล้ว
จิ่วอิงมีเพียงความคิดเดียว กินอวิ๋นเหลียนซะ
ดังนั้นอวิ๋นเหลียนพูดอะไรก็ไม่ใครสนใจ
จิ่วอิงเริ่มเคี้ยวอย่างมีความสุขแล้ว
กร๊อบแกร๊บ
แผล็บ
หง่ำๆ…
จิ่วอิงที่เคี้ยวไม่ปิดปาก มันมีความสุขจนจะสลบไปแล้ว เพราะอวิ๋นเหลียนอร่อยมาก เนื้อนุ่มเด้งเหมือนกับที่เขาคิดไว้เลย
โอ้ สวรรค์
อุแว้ๆๆ…
จิ่วอิงที่มีความสุขจนน้ำตาไหล มันร้องไห้อย่างหนัก
มารดามันเถอะ อร่อยเกินไปแล้ว สมแล้วที่เป็นปฐมราชินีผู้สร้างสรรพสิ่ง
ชีวิตนี้ได้กินเนื้ออร่อยเช่นนี้ รักภรรยาอี้เอ่อร์มากเลย
อุแว้ๆๆ…
จิ่วอิงมีความสุขจนตัวลอย ทว่านี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเคี้ยวอวิ๋นเหลียนต่อไป
ส่วนอวิ๋นเหลียน นางถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่สามารถต่อต้านได้อีก
แรกเริ่มนางยังกรีดร้องได้ “บัดซบ!”
จากนั้น นางเริ่มวิตก “ปล่อยข้าซะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
สุดท้าย นางกำลังคำราม “ให้ตายเถอะ ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา ฆ่าพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาพยายามช่วยแล้ว น่าเสียดายที่เขายังไม่ทันรวบรวมพลังสำเร็จก็ถูกต้าซือมิ่งสะบัดแขนเสื้อใส่จนสลายไปแล้ว
“ให้ตายเถอะ!”
ทวยเทพตำหนักสวรรค์และคุณชายอวิ๋นที่สิบสองเองก็สร้างการจู่โจมเต็มกำลังกลับ แต่เกราะแสงสีม่วงที่มาพร้อมต้าซือมิ่งทำลายการโจมตีทั้งหมด
ดังนั้น เหล่าทวยเทพยุคคุนหลุนได้แต่มองปฐมราชินีคุนหลุนของพวกเขาถูกจิ่วอิงเคี้ยวทีละคำสองคำจนแหลกละเอียดก่อนจะกลืนลงไปอย่างเชื่องช้า
ทั้งกระบวนการใช้เวลาไปหนึ่งเค่อ จิ่วอิงเคี้ยวอวิ๋นเหลียนจนละเอียดก่อนจะกลืนลงไป ไม่สะเพร่าเลยแม้แต่น้อย คุ้มค่ากับตัวตนของอวิ๋นเหลียน
“ให้ตายเถอะ!”
“บัดซบ!”
“ไม่…”
เหล่าทวยเทพยุคคุนหลุน ‘ถูกบังคับ’ ให้เห็นฉากนี้ ทุกคนโมโหและเจ็บปวดสุดฤทธิ์
คุณชายอวิ๋นที่สิบสองปล่อยโฮ
ทว่า… ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันนี้ได้
พวกเขาทำได้เพียงยืนมองเฉยๆ ว่าจิ่วอิงกินปฐมราชินีคุนหลุนของพวกเขาไปอย่างไร
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่หลวง ทวยเทพยุคคุนหลุนล้วนหลั่งน้ำตา
เยี่ยนอวี๋กลับรู้สึกเสียดสี เพราะว่าเดิมทีอวิ๋นเหลียนวางแผนจะกลืนกินพวกเขา บัดนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งคุนหลุนที่ไม่รู้ความกลับยังเศร้าเสียใจและหลั่งน้ำตาให้อวิ๋นเหลียน
เทพราชาอาวุโสหลันโกรธกริ้ว “พวกเจ้าทำไม่สำเร็จหรอก แม้ร่างของปฐมราชินีจะถูกพวกเจ้ากลืนกินไปแล้ว พระองค์ก็ยังเกิดใหม่ได้ ทุกชั้นสวรรค์คุนหลุนมีกลิ่นอายของพระองค์ พระองค์ต้องเกิดใหม่ได้แน่นอน”
“ใช่แล้ว” เทียนอ๋องที่เหลือมีกำลังใจขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกหดหู่ ไร้หนทางเช่นนั้นแล้ว
พูดตามจริง การเห็นปฐมราชินีสูงสุดของพวกเขาถูกกลืนกินไปอย่างโหดร้ายเช่นนี้ ไม่ใช่การทรมานธรรมดา นั่นเป็นเหมือนการทำลายศรัทธาของพวกเขา
ความอับอาย ความอัปยศอดสู และความสิ้นหวังทำให้พวกเขาโศกเศร้ายิ่งกว่าการถูกทำร้ายร่างกาย
ทวยเทพทั้งหมดได้ลองพยายามหยุดยั้งแล้ว น่าเสียดาย… พวกเขาไม่สามารถทำลายม่านที่ต้าซือมิ่ง ‘สร้าง’ ไว้ได้เลย
ในสายตาของทวยเทพคุนหลุนแล้ว… หนุ่มผมดำในชุดสีดำที่มาทีหลังท่านนี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้ ทำลายความหวังของพวกเขา และเหยียบพวกเขาจมดิน
นักฝึกฌานที่มีอายุน้อยถึงกับหวาดหวั่น
โชคดีที่เทพราชาอาวุโสหลันพูดประโยคเหล่านั้นออกมา… ทำให้ทวยเทพเรียกความมั่นใจคืน
แต่แล้ว…
ต้าซือมิ่งก็เอ่ยขึ้นว่า
——————————-