ตอนที่ 764 นิรันดร์ กลับบ้าน
“เนะ?” เด็กน้อยที่ยุ่งอยู่กับการกินข้าวเห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้สึกและมองไปที่ท่านแม่ของเขาเช่นกัน จากนั้นเขาก็หยุดกินข้าวและบินไปหาท่านแม่เขาอย่างร้อนรน “แม่ แม่… แม่…”
เม่ยเอ๋อร์ปรากฎข้างกายเยี่ยนอวี๋ทันที “คุณหนูใหญ่”
จิ่วอิงที่ศีรษะยกถ้วยอาหารก็ไว้เข้าไปหา และยังคาบเด็กน้อยที่กำลังจะร้องไห้ไปปลอบว่า “เสี่ยวเป่าไม่ร้อง ท่านแม่เจ้าต้องไม่เป็นอะไร มีท่านพ่อเจ้าอยู่”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เม้มปากแน่นน้ำตาซึม แต่ยังไม่ร้องออกมา เพราะว่าคำว่า ‘มีท่านพ่อเจ้าอยู่’ ของจิ่วอิงปลอบประโลมสำเร็จ
แต่ทันทีที่เขาเห็นเลือดบนใบหน้าของท่านพ่อเขา และเห็นอาการไม่ค่อยดีนักของท่านแม่เขา เขาก็อยากจะร้องไห้…
เจ้าเหมียวสีขาวที่เห็นดังนั้นได้แต่ลูบคอนุ่มนิ่มน้อยๆ ของเขา ร้องปลอบ เหมียวๆๆ ขึ้นมา
จิ่วอิงกลัวว่าเด็กน้อยจะปล่อยร้องโฮ โชคดีที่ต้าซือมิ่งอุ้มเด็กน้อยไปก่อนที่เขาจะน้ำตาแตก ไม่เช่นนั้นจิ่วอิงแค่คิดก็รู้สึกปวดศีรษะทั้งเก้าแล้ว
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกท่านพ่ออุ้มไป น้ำตาของเขาก็ร่วงลงมา “พ่อ…”
จากนั้นก็ถูกท่านพ่อเขาว่า “ห้ามร้อง ช่วยรักษาท่านแม่เจ้าก่อน ใช้ดอกไม้น้อยๆ ของเจ้า”
“เอ๋?”
“อ๋อ”
เด็กน้อยที่ใบหน้ายังมีน้ำตางงงันครู่หนึ่งก่อนจะร้องเสียงหน่อมแน้มว่า “ดอกไม้จ๋า ช่วยเป่าด้วย”
แต่อันที่จริงตั้งแต่ที่เขายังไม่เรียกก็มีแสงสีขาวเป็นม่านหมอกออกมาจากร่างกายอวบอ้วนน้อยๆ ของเขา ปกคลุมท่านแม่ของเขาไว้แล้ว
เขายังดึงดันถามว่า “ดอกไม้ ทำไม ไม่ ออกมา”
ฟริ้ง…
ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เบ่งบานออกเป็นการตอบสนอง มันก็ห่อหุ้มมืออวบอ้วนของเด็กน้อยไว้ เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกเจ้านายของมันว่าไม่ต้องเป็นห่วง
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากลับร้อนรน “ไม่ช่วยเป่า ช่วยแม่”
ช่วยไม่ได้… ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์เบ่งบานรอบตัวเยี่ยนอวี๋ในทันที
เด็กน้อยจึงพูดอย่างพอใจว่า “เก่ง”
“เด็กโง่” หรงอี้ได้แต่พูดเช่นนี้
“เหมียว” เจ้าเหมียวสีขาวที่ลอยขึ้นมาเลีย (เช็ด) หน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของเขา มันก็คลอเคลียเขา “เหมียวๆๆ…” เสี่ยวเป่าทั้งน่ารักและฉลาด โง่ตรงไหนเล่า
ต้าซือมิ่งที่ถูกเลียหน้าไม่มีมือว่างไล่เจ้าเหมียวตัวนี้ออกไปเลย เขาถูกเลียไปทั้งตัว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขากลายเป็นสีดำ…
เจ้าเหมียวสีขาวที่เลียเสร็จอย่างรวดเร็ว มันก็กระโดดขึ้นไปบนศีรษะของจิ่วอิงอย่างได้ใจ “เหมียว…”
จิ่วอิงพูดได้เพียงว่า เจ้าเหมียวสีขาวช่างกล้าหาญจริงๆ ต้องรู้ว่าตอนเด็กๆ อี้เอ๋อร์ไม่ให้ใครจูบเลย มีแค่ท่านแม่และท่านย่าของเขาจูบได้ทีสองที ผู้อื่นถูกเขาปฏิเสธหมด
เจ้าเหมียวตัวนี้กลับยังกล้าเลียหน้าเขาในเวลานี้ สมแล้วที่เป็นเสี่ยวไป๋ที่แกล้งตายเก่งที่สุด ยอมใจจริงๆ
หรงอี้ที่ถูกเลียเลือดบนใบหน้าจนสะอาด เขาก็หรี่ตามองเจ้าเหมียวตัวน้อย ไม่ได้โมโหอะไร ทว่าสายตาของเขาทำให้เจ้าเหมียวสีขาวที่เดิมทีได้อกได้ใจรีบกระโดดไปหาเม่ยเอ๋อร์ทันที
เม่ยเอ๋อร์ที่ไม่ทันตั้งตัวชะงัก แต่ก็ไม่ได้ไล่เจ้าเหมียวไป และในที่สุดก็ถามอย่างคลายความกังวลเล็กน้อยว่า “คุณหนูใหญ่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ไม่เป็นอะไรมาก มีเสี่ยวเป่าอยู่ จะฟื้นตัวได้เร็วๆ นี้” ต้าซือมิ่งที่ตอบเสร็จกลับหลุบตาลง ปากที่บางและเย้ายวนของเขาก็เม้มแน่นเป็นเส้นเดียวแล้ว
ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้ยินดังนั้นดีใจขึ้นมา “เก่ง เป่าเก่ง” โนเวล-พีดีเอฟ
“อื้ม เก่งที่สุด” หรงอี้ชมเด็กน้อยอย่างไม่ลังเล
ถึงอย่างไรหากไม่มีลูกของเขาคนนี้ที่มีร่างกายนิรันดร์และยังมีสายเลือดเกี่ยวพันกับภรรยาก็คงไม่สามารถรักษาบาดแผลนี้ของภรรยาได้จริงๆ เพราะว่าเห็นได้ชัดว่าบาดแผลของภรรยาเกิดจากความขัดแย้งของ ‘พลังงาน’
หากเขาเดาไม่ผิด แม้ภรรยาจะรู้แจ้งถึงพลังที่สามารถทำให้นางข้ามยุคสมัยได้ แต่ร่างกายของนางกลับยังคงถูกจำกัดด้วยยุคสมัย
ดังนั้น… ร่างกายของนางจึงบาดเจ็บสาหัสและอาเจียนเป็นเลือดเพราะทำงานหนักเกินไป
ผลลัพธ์นี้… คือสิ่งที่หรงอี้ไม่อยากเห็น
“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…”
หรงอี้ที่รู้สึกสงสารคนในอ้อมอก เขาก็โน้มตัวลงไปจูบระหว่างคิ้วของภรรยา
จุ๊บ
เด็กน้อยที่จูบตามลงไปไม่ยอมแพ้จริงๆ ทำเอาหรงอี้ที่เดิมทีรู้สึกเคร่งเครียดยิ้มออก “เด็กโง่”
“พ่อโง่ เป่าฉลาด” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่ยอมตอบโต้กลับทันที
หรงอี้อุ้มลูกเข้าไปในซอกคอและลูบเขาแรงๆ โดยเฉพาะผมอ่อนสีเขียวของเขา
“โอ๊ย”
“โอ๊ยๆๆ…”
เด็กน้อยที่ถูกลูบจนพยายามดิ้นหนี เขาต่อต้านความรุนแรงของท่านพ่อ
ดังนั้นเมื่อเยี่ยนอวี๋ลืมตาขึ้น นางก็เห็นเด็กน้อยถูกท่านพ่อเขากดไว้ในซอกคอและลูบไปทั่วอย่างรุนแรง ทำเอานางอดตีมือของท่านพ่อเด็กน้อยเบาๆไม่ได้ “ทำอะไรน่ะ”
“แม่?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่มุดหัวออกมาก็ตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นว่าท่านแม่ของเขาตื่นแล้ว
จากนั้นเยี่ยนอวี๋ก็เห็นว่าเด็กน้อยตัวสีชมพูมีหัวสีเขียวไปเสียแล้ว…
เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าผมของตนเองกลายเป็นสีเขียวแล้ว เขาก็พยายามดิ้นออกจาก ‘กรงเล็บมาร’ ของท่านพ่อเขาอย่างตื่นเต้น เขาลอยไปข้างหน้าท่านแม่ ทำตัวแนบชิดกับท่านแม่เขา “แม่ แม่หาย?”
เยี่ยนอวี๋ที่ขยับตัวเล็กน้อยรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว ทว่านางเป็นห่วงผมสีเขียวของเด็กน้อยมากกว่า นางกอดเด็กน้อยไว้ถามว่า “ผมเป็นอะไรน่ะ”
“เอ๋?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่เข้าใจจับผมตนเอง เมื่อจับโดนผมอ่อนของตนก็รู้สึกดีใจ “หด งอกใหม่ สั้น ไม่กลัว ไม่โล้น…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อธิบายผมที่หดและงอกกลับมาใหม่ของตนเองอย่างสั้นๆ รู้สึกว่าผมที่งอกขึ้นมาใหม่ ถึงจะสั้นไปก็ไม่เป็นไร ขอแค่หัวไม่โล้นก็พอ พอใจในสิ่งที่มีอยู่อย่างยิ่ง
เยี่ยนอวี๋มองต้าซือมิ่งอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
ต้าซือมิ่งส่งเสียง ‘อือฮึ’ พูดอย่างซื่อสัตย์ว่า “ข้าก็ไม่รู้ อาจจะเป็นพันธุกรรม”
“เหตุใดจึงไม่สืบทอดสีอื่นบ้างเล่า” แม้ผมอ่อนสีเขียวนี้ก็น่ารักดีเช่นกัน
แต่ว่า… เยี่ยนอวี๋มองเด็กน้อยในยามนี้อดนึกถึงเจ้าโสมน้อยไม่ได้ เจ้าโสมน้อยที่มีใบไม้สีเขียวบนศีรษะ ร่างกายน้อยๆ ยังขาวเนียน ทำให้นางอยากจะกัดสักคำ แบบนี้คงไม่ดีสินะ ทำคนอื่นน้ำลายไหลง่าย
“กลับไปคงจะเปลี่ยนอีก” ต้าซือมิ่งเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะว่าตอนเด็กเขาไม่เคยมีผมสีเขียวเช่นนี้ เด็กน้อยคนนี้เปลี่ยนไปเองกะทันหัน เขาเองก็พูดอะไรไม่ได้
“อะไรนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่งงงันยังไม่รู้ว่าผมของตนเองกลายเป็นสีเขียวแล้ว แต่ก็พอจะฟังออกว่ามีไม่ชอบมาพากล เขาจับศีรษะน้อยๆ ของตนเอง “ทำไมหรือ”
เยี่ยนอวี๋จูบศีรษะสีเขียวของเด็กน้อยเบาๆ พูดว่า “ผมอ่อนน่ารักจริงๆ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าถูกชมดังนั้นก็มีความสุข ทว่าเขายังไม่ลืมที่จะถามว่า “แม่หายแล้ว?”
“หายแล้ว ขอบใจเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเก่งจริงๆ” เยี่ยนอวี๋ที่จูบเด็กน้อยต่อไปรู้สึกได้ว่าบาดแผลที่จู่ๆ เกิดขึ้นมากำลังถูกพลังอันอ่อนโยนของเด็กน้อยรักษาอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่า…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ดีใจกว่าเดิม เขาก็จับท่านแม่ของเขาไว้แน่น แสงหมอกสีขาวที่แผ่ซ่านรอบกายหนาแน่นขึ้น เห็นได้ชัดว่าถูกชมจนมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม
เยี่ยนอวี๋เองก็กอดเด็กน้อยตัวนุ่มนิ่มไว้ และยังเงยหน้ามองต้าซือมิ่งที่จ้องนางตลอดเวลา “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”
“อื้ม” หรงอี้ที่จูบหน้าผากของภรรยาอีกครั้งก็ไม่ได้พูดอะไรอีก “เรากลับไปกันเถอะ”
เยี่ยนอวี๋กอดคอของสามีนางไว้อย่างเป็นธรรมชาติ “อื้ม ท่านพ่อพวกเขารออยู่”
จิ่วอิงที่จู่ๆ กลอกตาทั้งสิบแปดดวงไปมาถามว่า “เช่นนั้นข้าไปเอาของฝากก่อนนะ พวกเจ้ารอสักครู่”
จิ่วอิงที่พูดเสร็จก็ทำท่าจะวิ่งไปถูกต้าซือมิ่งจับไว้ทันที “อย่าละโมบ กลับได้แล้ว”
“นี่… นี่ ละโมบอะไรกันเล่า ปู่จิ่วไม่เข้าใจ ปู่จิ่วแค่ไปเอาของฝากจากต่างยุคกลับไปสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ออกมาเที่ยวครั้งนี้ก็ควรจะต้องมีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปมิใช่หรือ” จิ่วอิงพูดประจบประแจง บอกว่าตนเองเป็นราชาจิ่วอิงที่รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติทางโลกดีมาก
น่าเสียดาย… เม่ยเอ๋อร์เปิดโปงคำโกหกของเขาอย่างไร้ความปรานี “เจ้าจะแอบไปกินคนน่ะสิ”
“พูดอะไรน่ะ” ดวงตาทั้งสิบแปดดวงของจิ่วอิงเบิกกว้างราวกับถูกเหยียบหาง ท่าทางดุดันมาก
เม่ยเอ๋อร์กลับไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย “ความจริง”
จิ่วอิง “…”
มันไม่อยากสนใจสาวน้อยคนนี้ มันมองกลับไปที่ต้าซือมิ่ง
โอ้ไม่สิ มองไปที่เยี่ยนอวี๋ ทำท่าจะพูดอะไร ทว่า…
“ขอแสดงความยินดีกับปฐมราชินีเยี่ยน”
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาที่ปรากฏขึ้นพร้อมบุตรแห่งความโกลาหล เขาปรากฏตัวแล้ว
ท่ามกลางสวรรค์คุนหลุนสิบสองชั้นฟ้าแห่งนี้ มีเพียงเขาที่รู้ความจริง เขามาส่งเยี่ยนอวี๋พวกเขาแล้ว
หรงต้าซือมิ่งที่อุ้มภรรยาลุกขึ้นมามองทูตสวรรค์ฝ่ายขวา
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเลิกคิ้วเล็กน้อย ทว่าเยี่ยนอวี๋ตอบกลับแล้วว่า “ขอบคุณ”
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาจึงไม่ได้มองต้าซือมิ่งอีก แต่พูดต่อไปว่า “ข้าน้อยต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน จากนี้ไปขอให้ปฐมราชินีเยี่ยนสมปรารถนาทุกสิ่ง ไร้ซึ่งสิ่งรบกวนใจ”
เยี่ยนอวี๋ที่สีหน้ายังคงขาวซีดยิ้มและอวยพรเขากลับว่า “ขอให้เจ้ามีชีวิตยืนยาวที่นี่”
เมื่อไม่มีอวิ๋นเหลียน ยุคคุนหลุนจะเดินไปยังจุดจบเช่นใด ไม่มีผู้ใดรู้
แต่เยี่ยนอวี๋คิดว่าคงจะดีกว่าตอนที่อวิ๋นเหลียนอยู่
อย่างน้อยสิ่งมีชีวิตยุคคุนหลุนก็จะสามารถกำหนดจุดจบสุดท้ายของตนเองได้ ไม่ใช่ถูกกลืนกินล่วงหน้า
หากเป็นไปได้… อันที่จริงเยี่ยนอวี๋ก็อยากเห็นว่ายุคคุนหลุนจะมีจุดจบหรือไม่ แต่นางรู้ว่าไม่ได้ นางไม่สามารถอยู่ที่นี่นาน ดังนั้นนางจึงลงมายืนบนพื้นด้วยตนเองและกำหมัดประสานมือให้ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา การเดินทางครั้งนี้จะสำเร็จได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ไม่ได้หากขาดข้อมูลจากทูตสวรรค์ฝ่ายขวา
“ลาก่อน”
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวากำหมัดประสานมือกล่าวอำลา
“ลาก่อน”
เยี่ยนอวี๋เองก็กล่าวอำลา ทันทีที่สิ้นเสียงนาง ต้าซือมิ่งก็พาทั้งครอบครัว จิ่วอิง เม่ยเอ๋อร์และเจ้าเหมียวสีขาวจากไป
“เมี๊ยว” เจ้าเหมียวสีขาวกลับยังชี้ไปที่ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาอย่างสับสน อยากจะพูดว่า อี้เอ๋อร์ๆ นั่นก็คือเจ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่พากลับไปด้วยเหมียว