ตอนที่ 769 ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อย เสียงร้อนรนของเทียนตี้ดังขึ้นต่อ “ตำหนักสวรรค์ถูกปล้น ปล้นเยอะด้วย ท้องพระคลังแทบจะถูกปล้นไม่เหลืออะไรเลย”
เยี่ยนอวี๋ “…”
นางมองสามีนางด้วยสัญชาติญาณ คิดถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ถึงเจ้าเหมียวที่ไปขโมยกิน
ต้าซือมิ่งพยักหน้าเบาๆ อย่างซื่อตรง
เยี่ยนอวี๋ “…”
สามีใจแคบคนนี้ให้เสี่ยวไป๋ไปจัดการตี้จวิ้นเจ้าคนน่าสงสารคนนี้หรือ
หารู้ไม่ว่าตี้จวิ้นถูกแกล้งไปหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
แต่เยี่ยนอวี๋ยังช่วยต้าซือมิ่งปิดบัง “ร้อนรนอะไร เกิดอะไรขึ้น”
เทียนตี้ที่ถูกตำหนิรู้สึกกังวลมากจริงๆ “อาจารย์ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ โจรผู้นั้นข้าติดตามตัวไม่ได้เลย”
เช่นนี้ก็ถูกแล้ว…
เยี่ยนอวี๋พยักหน้าในใจ ตอบด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจว่า “ถูกปล้นก็ปล้นสิ วันข้างหน้าค่อยหาใหม่ เก่าไม่ไปใหม่ไม่มา”
“หา?” เทียนตี้งุนงง ของที่ถูกปล้นล้วนเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่า บางอย่างหาไม่ได้แล้วเชียวนะ
ทว่าเยี่ยนอวี๋พูดว่า “วันข้างหน้าข้าจะให้จักรวาลดั้งเดิมและภาพม้วนขุนเขาและท้องทะเลผสานสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทรัพย์สมบัติสวรรค์ที่หาไม่ได้แล้วจะสามารถกำเนิดขึ้นใหม่ได้อีก”
“ขอรับ” เทียนตี้สงบอารมณ์ลงได้ แต่ยังคงรู้สึกปวดใจ สมบัติเหล่านั้นเป็นสมบัติที่เขาสะสมมานานกว่าสิบล้านปีกว่าจะสะสมมาได้ เหตุใดจึงถูกปล้นกันนะ
มิหนำซ้ำ… เหมือนกับว่าอาจารย์จะปกป้องจอมโจรนั่นด้วย
ไม่สิ ต้องคิดไปเองแน่ๆ
เทียนตี้คิดเช่นนี้อย่างมั่นใจ
ทว่า…
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” เทียนตี้ที่จู่ๆ มองไปที่ต้าซือมิ่งพูดว่า “เผ่ามารส่งข่าวมาว่าผู้รับช่วงต่อของอาจารย์พ่อเกิดปัญหาเล็กน้อย”
เยี่ยนอวี่ถาม “ลูกเจี๊ยบหรือ”
“ใช่” เทียนตี้พยักหน้า
ต้าซือมิ่งขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงไม่พามาด้วย”
“นั่นก็ต้องพามาด้วยได้น่ะนะ ท่านกลับไปดูด้วยตนเองแล้วจะรู้” เทียนตี้บอกว่าตอนนี้ไก่ตัวนั้นเขาพามาด้วยไม่ได้จริงๆ
เยี่ยนอวี๋จึงให้เอ้อร์เหมากลับไปรายงานอินหลิวเฟิงให้เขาอย่ายุ่งกับงานจัดเลี้ยง
เทียนตี้มองซานเหมาที่จากไปไกล รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่มีศักยภาพ “ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง ไม่ถ่อมตนจนดูต่ำต้อย สมแล้วที่เป็นน้องชายสำนักเดียวกับเอ้อร์เหมา กล้าหาญจริงๆ”
“หรือไม่ให้ซางอ๋องนำตัวเขาให้เจ้า?” เยี่ยนอวี๋เสนอ
เทียนตี้โบกมือ “มิจำเป็น ตำหนักสวรรค์ยังมีลูกมือ” ประเด็นเป็นเพราะกลัวว่าซานเหมาจะเลียนแบบเอ้อร์เหมา ชอบว่าเจ้านายโนเวล-พีดีเอฟ
เยี่ยนอวี๋ก็แค่พูดไปเช่นนั้น ไม่ได้ใส่ใจ ทว่าซานเหมาในเวลาต่อมาก็ได้กลายเป็นองครักษ์อันดับหนึ่งข้างกายเทียนตี้จริงๆ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องภายหลัง บัดนี้… เยี่ยนอวี๋ยังถามถึงฟ่านเจียง “ยมราชฟ่านหายดีแล้วหรือ”
“ดีแล้ว อาจารย์มิต้องเป็นห่วง”
“อืม” เยี่ยนอวี๋ที่ตอบเสร็จ นางยังสัมผัสโลกมนุษย์ เพื่อยืนยันว่าไม่มีกลิ่นอายตกค้างของอวิ๋นเหลียนอีก
หลังจากนางสัมผัสเสร็จแล้ว ต้าซือมิ่งจึงพูดว่า “ไปเถอะ ไปดูกัน”
“ไปเจ้าค่ะ” เยี่ยนอวี๋ทั้งครอบครัวที่มาไวไปไวก็จากไปจากเรือนที่กู้หยวนซูเคยอาศัยครั้นมีชีวิตอยู่
…
ณ ทะเลสาบสือซ่าไห่
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้ แดนมืดยังคงไม่ได้รับการฟื้นฟู ดังนั้นทุกคนในเผ่ามารจึงปักหลักอยู่ที่ทะเลสาบสือซ่าไห่ ลูกเจี๊ยบในฐานะที่เป็นผู้รับช่วงต่อก็ถูกส่งมาที่ทะเลสาบสือซ่าไห่เช่นกัน เพราะที่นี่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของมัน
ส่วนตี้เซินที่ถูกเสกให้เป็นนกชิงเหนี่ยว บัดนี้ก็ไม่ต้องถมทะเลอีกแล้ว เพราะว่าความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ถมทะเลสาบสือซ่าไห่จน ‘เต็ม’ แล้ว
แต่ตี้เซินที่ยังคงรู้สึกผิด นางจึงอยู่ที่ทะเลสาบสือซ่าไห่ต่อไป เพื่อช่วยสร้างกฎและสังคมใหม่ให้เผ่ามาร
นอกจากนี้ ในทะเลสาบสือซ่าไห่ได้ ‘กำเนิด’ พื้นดินแห่งใหม่
แม้ที่จริงแล้วมันเป็นพื้นที่ที่ถูกต้าซือมิ่งปิดกั้นไว้ก่อนหน้านี้ บัดนี้สิ่งกีดขวางมิติปริภูมิสลายไปแล้ว ‘ดินแดน’ ที่อยู่ข้างในจึงเปิดเผยออกมา เผ่ามารจึงปักหลักได้พอดี
ทะเลสาบสือซ่าไห่เช่นนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋พึงพอใจ “ไม่เลว”
“ไม่เลวจริงๆ เห็นว่าคำสาปแห่งเหวลึกนั่นก็ค่อยๆ สลายสิ้น” เทียนตี้ค่อนข้างรู้จักทะเลสาบสือซ่าไห่ดี ประการแรกเป็นเพราะตี้เซินอยู่ที่นี่ เขาจึงมาที่ที่บ่อยๆ ประการที่สองหยวนสื่อเทียนจุนเคยพูดว่าจวินโฮ่วให้จับตามองทะเลสาบสือซ่าไห่
ดังนั้น เทียนตี้ยังถามด้วยว่า “จะว่าไปแล้ว อาจารย์พ่อท่านให้หยวนสื่อเทียนจุนจับตามองทะเลสาบสือซ่าไห่ทำไมหรือ”
ต้าซือมิ่งอธิบายว่า “คำสาปแห่งเหวลึกนั่น เดิมข้องเกี่ยวกับหลุมศพ ข้าจึงกังวลว่าจักรพรรดิทั้งห้าจะใช้ทะเลสาบสือซ่าไห่เป็นเครื่องมือโจมตี กลืนกินสวรรค์เก้าชั้นฟ้า”
“อ๋อ” เทียนตี้ถามต่อว่า “เช่นนั้นข้าเคยเจอท่านที่ไม่มีดวงตาในหลุมศพ คือเรื่องอะไรอีกหรือ”
“นั่นเป็นร่างแยกร่างสุดท้ายของข้า”
“เหตุใดจึงไม่มีดวงตา น่ากลัว”
“…”
ต้าซือมิ่งที่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสถิตลงมาบน ‘ดินแดนใหม่’ ของทะเลสาบสือซ่าไห่แล้ว
พิกซีน้อยที่มีไหวพริบดีที่สุดปรากฏตัวขึ้นทันที “ถวายบังคมท่านจักรพรรดิ”
“มิต้องมากพิธี พาพวกเราไปหาลูกเจี๊ยบ”
“พ่ะย่ะค่ะ” พิกซีน้อยที่ลุกขึ้นจึงคารวะเยี่ยนอวี๋ “ท่านปฐมราชินี”
เยี่ยนอวี๋พยักหน้าพลางถามว่า “ลูกเจี๊ยบเป็นอย่างไรบ้าง”
“คงสบายดี…” พิกซีน้อยไม่รู้จะพูดอย่างไร “ท่านทั้งสองลองไปดูแล้วจะรู้”
อันดับแรกคือเทียนตี้ ต่อมาคือเจ้าพิกซีน้อย ท่าทีของทั้งสองทำให้เยี่ยนอวี๋รู้สึกสงสัยในลูกเจี๊ยบ
เมื่อเห็นลูกเจี๊ยบ เยี่ยนอวี๋ก็… พูดไม่ออก
เพราะว่าเจ้าลูกเจี๊ยบไม่ใช่ไก่แล้ว มันกลับไปกลายเป็นไข่ลูกหนึ่ง ไข่ที่มีขนาดใหญ่เท่าไข่ยักษ์ก่อนหน้านี้ และยังเป็นไข่ที่เติบโตจากพื้นดินและยังมีราก…
“เป็นดังเช่นที่พวกท่านเห็น” เทียนตี้กล่าว เขาคงดึงไข่ออกมาจากดินทั้งลูกไม่ได้หรอกนะ
ต้าซือมิ่งถามว่า “เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
“เมื่อครึ่งวันก่อน เจ้าคลานคลานเป็นคนพบ” พิกซีกล่าวพลางเรียกอสูรแดนมืดคลานคลานเข้ามา
เหมือนดั่งที่ลูกเจี๊ยบรับปาก หลังจากที่มันกลับเผ่ามารก็ให้ ‘คลานคลาน’ มาประจำข้างกาย
คลานคลานจำเยี่ยนอวี๋พวกเขาได้ มันร้องไห้ทันที “ลูกพี่ทั้งสองท่านกลับมาเสียที เมื่อคืนจักรพรรดิมารน้อยเล่นๆ อยู่ จู่ๆ ก็บอกว่าเหนื่อยอยากจะนอน สุดท้ายกลางดึกข้าน้อยตื่นมาก็เห็นว่าจักรพรรดิมารน้อยกลายเป็นเช่นนี้แล้ว…”
“พลังชีวิตไม่ได้มีปัญหา แต่ไม่รู้สาเหตุ” พิกซีน้อยไม่รู้จะพูดอย่างไรดี จึงตัดสินใจรายงานตำหนักสวรรค์ หลังจากที่ปรึกษากับปีศาจแฝงฝันและคิเมียราแล้ว
แม้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรมาก… แต่เกรงว่าจะไม่ใช่สัญญาณที่ดีอะไร ทว่าต้าซือมิ่งก็ทำให้พิกซีน้อยและคลานคลานสงบอารมณ์ลงได้ “ไม่เป็นไร แค่กำลังเลื่อนขั้น”
“…” พิกซีน้อยงุนงง ก่อนจะถามว่า “ต่อไปจักรพรริดมารน้อยเลื่อนขั้นก็จะอยู่ในสภาวะเช่นนี้หรือ”
“อืม” หรงอี้พยักหน้าอธิบายว่า “เดิมทีมันคืออสูรมารที่ถูกเพาะพันธุ์โดยบังคับ ทุกครั้งที่มันเลื่อนขั้นคือการก้าวหน้า ซึ่งเท่ากับการสร้างมันขึ้นมาใหม่ พวกเจ้าก็ต้องระวัง อย่าให้เปลือกไข่แตก”
“พ่ะย่ะค่ะ” พิกซีน้อยจำขึ้นใจ
ทว่า…
ตุบ
ไม่รู้ว่าตัวอะไรตกใส่บนจุดสูงสุดของไข่ยักษ์
ทุกคนไม่ทันตั้งตัว… เพราะว่ากะทันหันมาก แม้แต่เยี่ยนอวี๋ นางก็ไม่ทันเข้าขวาง
ประเด็นเป็นเพราะ ‘ของ’ ที่ปรากฎขึ้นคือเจ้าเหมียวสีขาว มิหนำซ้ำยังเป็นเจ้าเหมียวสีขาวที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ออกมาจากความว่างเปล่า?
แคร่ก
เสียงเหมือนไข่แตกยังดังขึ้น
ครานี้เอง…