ตอนที่ 771 บอสใหญ่ (อวสาน 1)
เยี่ยนอวี๋หยุดหายใจ นี่มัน…
เยี่ยนอวี๋ที่มือทั้งคู่ขยับเล็กน้อย สมองว่างเปล่า
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจริงๆ…
มิหนำซ้ำ เยี่ยนอวี๋คิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่ายังมีปัญหาอีก ถึงอย่างไรทุกอย่างก็ผ่านไปแล้วมิใช่หรือ
ก่อนหน้านี้นางเองก็ไม่มีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย ไม่มี ไม่มีเลยจริงๆ
ทว่าต้าซือมิ่งกลับสงบนิ่งมาก เขากอดภรรยาที่เห็นได้ชัดว่าแข็งทื่อไปแล้วเข้ามาในอ้อมอก มือข้างหนึ่งลูบหลังอ่อนนุ่มของภรรยา “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่าวิตก ข้ามิได้เป็นอะไรมาก”
ขณะที่พูด เขายังจูบหน้าผากของภรรยา แต่เลือดที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขาไหลมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
แม้เยี่ยนอวี๋จะตั้งสติกลับมาได้ นางกลับยิ่งร้อนรน “แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน สามี เจ้าเป็นอะไรอีก เหตุใดจึง…”
ขณะที่ถามอย่างร้อนรน นางที่คว้าข้อมือของสามีที่ ‘อ่อนแอ’ ไว้ก็ตรวจชีพจรให้สามีคนนี้ของนางทันที จากนั้นนางก็พบว่าร่างกายของสามีนางปกติดี?
เป็นแบบนี้อีกแล้ว…
เยี่ยนอวี๋ทำท่าจะปลุกเด็กน้อยขึ้นมารักษาท่านพ่อเขา แต่ต้าซือมิ่งกอดนางไว้แน่น “อย่าขยับ รอสักครู่”
“แต่ว่า…” เยี่ยนอวี๋อยากจะพูดว่าเลือดของเจ้าไหลมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว? จะรอได้อีกที่ไหนกัน
ต้าซือมิ่งกลับแตะหน้าผากเขาไว้กับหน้าผากนาง
จากนั้น…
หึ่ง
เยี่ยนอวี๋รู้สึกใจสั่น จู่ๆ ภาพตรงหน้าก็ปรากฏภาพอื่น ภาพเหล่านี้เดิมทีวุ่นวายมาก ทำให้นางไม่สามารถจับภาพชัดเจนได้เลย
ทว่าสภาพที่เห็นนี้ก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ตำหนักสวรรค์ของยุคคุนหลุนค่อยๆ ปรากฏขึ้นในม่านตาของนาง
นางถึงกระทั่ง ‘ตกลงไป’ ในนั้นและได้ยินเสียงร้องโหยหวนของคุณชายอวิ๋นที่สิบสอง?
“โอ๊ยยยย…”
“เทพราชาชิง มือของข้ายังคงเจ็บมาก ได้โปรดท่านช่วยรักษาให้ข้าที ขอร้องท่านล่ะ”
“คุณชายอวิ๋นที่สิบสอง ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วยท่าน แต่ข้าก็หมดหนทางช่วยจริงๆ” เทพราชาชิงที่ถอนหายใจเบาๆ รู้สึกเจ็บปวดใจเช่นกัน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ
มิหนำซ้ำ เขายังจำเป็นต้องเสนอว่า “คุณชายอวิ๋นที่สิบสอง ข้าแนะนำว่าตัดมือคู่นี้ทิ้งเถอะ มิเช่นนั้นแม้แต่ชีวิตของท่านก็คงรักษาไว้ไม่ได้”
“ไม่ได้” คุณชายอวิ๋นที่สิบสองปฏิเสธ ถึงแม้ว่า…
ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาหลายวันนี้ อันที่จริงเขาจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความปวดแสบปวดร้อนจากมือคู่นี้กำลังแผ่ซ่านไปทั้งตัวของเขา ทำให้เขารับรู้ว่าที่เทพราชาชิงแนะนำเช่นนี้เพราะต้องการให้เขามีชีวิตรอดจริงๆ แต่เขารู้ดีมากกว่าว่า… หากตัดมือคู่นี้ไป เขาก็จะพิการ พิการอย่างสมบูรณ์ พิการอย่างไร้ซึ่งความหวังอีก คุณชายอวิ๋นที่สิบสองไม่อยากยอมรับความจริงที่โหดร้ายเช่นนี้ เทพราชาชิงก็ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอย่างไรอีก เขารู้ว่าสำหรับหนุ่มอายุน้อยเช่นคุณชายอวิ๋นที่สิบสองที่โดดเด่นเช่นนี้ ความจริงเช่นนี้ช่างน่าเศร้าและโหดร้ายเกินไป
มิหนำซ้ำ คุณชายอวิ๋นที่สิบสองเพิ่งจะเสียมารดาไป
เฮ้อ…
เทพราชาชิงกำลังทอดถอนใจไม่หยุด คุณชายอวิ๋นที่สิบสองกลับถามอีกครั้งว่า “ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาล่ะ ยังไม่เจอทูตสวรรค์ฝ่ายขวาอีกหรือ”
“ข้าไม่…” เทพราชาชิงที่กำลังจะพูดว่าไม่ทราบ ไม่ได้ข่าว จู่ๆ ทูตสวรรค์ฝ่ายขวากลับปรากฏขึ้นข้างหน้าเขา ทำให้คุณชายอวิ๋นที่สิบสองโถมใส่เขาทันทีราวกับรีบคว้าความหวังไว้ “ทูตสวรรค์ฝ่ายขวา ช่วยข้าด้วย”
ภาพเช่นนี้… ทำให้เยี่ยนอวี๋ตกใจดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เพราะว่าจากมุมมองของนาง คุณชายอวิ๋นที่สิบสองโถมเข้าหานาง? ทว่าเสียงของต้าซือมิ่งดังขึ้นในหัวของนางอย่างรวดเร็ว ช่วยนางไขความกระจ่าง “อันที่จริง ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาคือดวงตาคู่หนึ่งของข้า”
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยนอวี๋คิดถึงเรื่องๆ หนึ่งที่ตี้จวิ้นเคยพูดทันที “ดังนั้นสุดท้ายที่ร่างพลังสุดท้ายของเจ้าไม่มีดวงตาก็เพราะเหตุนี้หรือ แล้วก็ที่ดวงตาเจ้ามีเลือดไหลก็เกี่ยวข้องกับที่นี่หรือ”
“อืม”
…
เยี่ยนอวี๋เข้าใจทุกอย่างทันทีและยังรับรู้ได้ว่าตำหนักสวรรค์คงต้องเกิดเรื่องแน่ๆ
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาในครานี้กลับกำลังตอบว่า “คุณชายอวิ๋นที่สิบสอง ข้าช่วยท่านไม่ได้”
“ไม่ เจ้าต้องช่วยได้แน่นอน” เห็นได้ชัดว่าคุณชายอวิ๋นที่สิบสองไม่เชื่อ เขาทำท่าจะโขกศีรษะขอร้องวิงวอน
ทว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาตบเขาสลบไปแล้วและส่งตัวให้เทพราชาชิง “เทพราชาชิง ลงมือเถิด ถึงอย่างไรก็ต้องรักษาสายเลือดสุดท้ายของปฐมราชินีไว้”
เทพราชาชิงชะงักก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น และประคองคุณชายอวิ๋นที่สิบสองขึ้นไปบนเตียง ในขณะเดียวกันก็รวบรวมพลังเหนือฝ่ามือ เห็นได้ชัดว่าจะตัดแขนของคุณชายอวิ๋นที่สิบสอง
ทว่า… การเปลี่ยนแปลงกะทันหันเกิดขึ้นในครานี้
เทพราชาชิงเพิ่งรวบรวมพลังไว้เหนือฝ่ามือเสร็จ เขายังไม่ทันลงมือ พลังในร่างกายของเขาก็พังทลาย
ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไป คิดจะช่วยเทพราชาชิงเสถียรพลังที่พังทลาย
แต่เยี่ยนอวี๋พบว่า มือของทูตสวรรค์ฝ่ายขวาหยุดอยู่กลางอากาศ และพลังในร่างกายยังพังทลายเหมือนกับเทพราชาชิง?
ในขณะเดียวกัน…
ตูม
เทพราชาชิงระเบิดและสลายต่อหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายขวา?
นี่มัน… ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาชะงัก แต่เขากลับแตกสลายตามไปด้วย
เยี่ยนอวี๋เห็นได้ว่ามือของทูตสวรรค์ฝ่ายขวาแทบจะสลายสิ้นเหมือนกับเทพราชาชิงภายในชั่วพริบตา
จากนั้น… สายตาของนางถูกแสงสีเลือดปกคลุม เยี่ยนอวี๋เดาว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาในตอนนี้ก็คือ ‘ดวงตา’ ของสามีนาง เกรงว่าจะเหลือเพียงดวงตาคู่นี้ที่ ‘พา’ นางดูยุคคุนหลุนนี้แล้ว
ไม่สิ
ไม่ถูก
น่าจะเป็นสามีนางกำลังให้นางดู เป็นภาพที่ดวงตาที่แท้จริงของเขากำลังถ่ายโอนให้
ดังนั้น…
“ยุคคุนหลุนยังคงมีปัญหาอยู่ดี”
“ใช่แล้ว” หรงอี้ตอบอย่างมั่นใจ ภาพที่เขาให้ภรรยาดูก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย
‘มุมมอง’ ของเยี่ยนอวี๋เปลี่ยนจากมุมมองในตำหนักสวรรค์กลายเป็นมุมมองที่ดูตำหนักสวรรค์จากมุมสูง
จากนั้นนางก็เห็นว่ามีเทพไม่น้อยในตำหนักสวรรค์ทยอยกันพังทลายเหมือนกับเทพราชาชิงและทูตสวรรค์ฝ่ายขวา
แรกเริ่มการระเบิดของเทพเหล่านี้เหมือนกับว่าจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาใช้ตบะ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน… เทพที่ไม่ใช้ตบะเหล่านั้นก็พากันแตกร้าว สลายไปเป็นกลุ่มควันอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
ตำหนักสวรรค์กลายเป็นตำหนักแห่งมรณะที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ อย่างรวดเร็ว แม้แต่ตัวตำหนักเองก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
ภาพที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ละฉากนี้… ทำให้หัวใจของเยี่ยนอวี๋จมลงสู่จุดต่ำสุด “ดังนั้น แม้จะไม่มีอวิ๋นเหลียน ยุคคุนหลุนก็สิ้นสลายล่วงหน้าอยู่ดี กระทั่งเร็วยิ่งกว่าเดิม”
“เท่าที่ดูตอนนี้ก็ใช่” หรงอี้ที่ตอบเสร็จยังถ่ายโอนภาพให้ภรรยามากขึ้น และค่อยๆ อธิบายว่า “แรกเริ่มพลังกฎพังทลาย จากนั้นลำดับบิดเบี้ยว มิติปริภูมิพังทลาย”
เทียบกับเยี่ยนอวี๋แล้ว หรงต้าซือมิ่งที่ ‘ใช้’ ดวงตาของตนเอง นอกจากจะเห็นแล้ว ยังประสบและสัมผัส ‘ได้ด้วยตนเอง’ สิ่งที่ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาในยุคคุนหลุนได้ประสบทุกอย่าง
เยี่ยนอวี๋ได้ยินและได้เห็น ความไม่สบายใจค่อยๆ บังเกิดขึ้นในใจ โดยเฉพาะเมื่อนางเห็นว่ายุคคุนหลุนกำลังสลายสิ้น นางก็หวาดหวั่น
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” เยี่ยนอวี๋ไม่เข้าใจ
และก็เป็นเพราะไม่เข้าใจ นางจึงหวาดหวั่น
ยุคคุนหลุนในครานี้ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังคลุ้มคลั่ง
จักรวาลทั้งผืนจู่ๆ ก็พังทลาย กฎต้นกำเนิดและมิติปริภูมิล้วนตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายโดยที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เลย
เหล่านักฝึกฌานที่อยู่เหนือสามัญชนและพึ่งพิงการตระหนักรู้ กฎเกณฑ์และพลัง เป็นสิ่งมีชิวิตกลุ่มแรกที่สิ้นสลาย ตบะยิ่งสูงก็ยิ่งพังทลายเร็ว
อย่างเช่นเทพราชาชิงและทูตสวรรค์ฝ่ายขวา
ราวกับว่าเจตนารมณ์แข็งกร้าวจู่ๆ เปลี่ยนกฎเกณฑ์ของโลกทั้งใบอย่างกะทันหัน บิดเบือนกฎเกณฑ์ที่โลกนี้สร้างขึ้นจากต้นกำเนิด จากนั้นโลกก็พังทลายตามมา
ซึ่งหมายความว่า…
“ยุคคุนหลุนมีสิ่งมีชีวิตที่ปราดเปรื่องยิ่งกว่าอวิ๋นเหลียน? ไม่สิ พูดให้ถูกคือมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่สูงกว่าข้าและอวิ๋นเหลียนในจักรวาลแห่งนี้?” เยี่ยนอวี๋วิตก นางได้แต่หวังว่าตนเองจะคาดเดาผิด
ทว่า… ต้าซือมิ่งกลับยืนยันกลับว่า “อืม”
เยี่ยนอวี๋ “…”
สวรรค์เก้าชั้นฟ้ามีอันตราย
อันตรายยังไม่ผ่านพ้นไป เกรงว่าสามีนางคงจะเดาได้แต่แรกแล้ว มิเช่นนั้นเขาคงไม่ทิ้งดวงตาคู่หนึ่งไว้ในยุคคุนหลุน
ดังนั้น…
“เราต้องไปหาเขาตอนนี้?” เยี่ยนอวี๋รู้ว่านี่คงเป็นจุดประสงค์ของสามีนาง หาผู้ทำลายยุคคุนหลุนให้เจอ และกำจัดทิ้งเหมือนกับที่กำจัดอวิ๋นเหลียนเสีย
แต่สิ่งที่นางไม่รู้คือ…
ในขณะนี้
บัดนี้
ในทะเลสาบสือซ่าไห่ของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า มีสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่เคยปรากฎในหลุมมรณะแดนมืดนิรันดร์ล้อมไข่ยักษ์ของเจ้าลูกเจี๊ยบไว้แล้ว
“บัดซบ นี่มันตัวบ้าอะไร?” คิเมียราที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ เนื่องจากการปรากฎตัวอย่างกะทันหันของสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญา ทำให้มันเห็นไม่ชัดเลยว่าเจ้าสิ่งที่มีลักษณะเหมือนร่มนั้นปรากฏขึ้นอย่างไร
นอกจากมันจะเห็นไม่ชัดแล้ว เซ่าเฮ่าก็เช่นกัน
ไม่สิ ใช่ว่าจะเห็นไม่ชัด
เซ่าเฮ่าที่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเวลามั่นใจว่าสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
และเขามั่นใจได้ตั้งแต่ที่เห็นแวบแรกว่าภายใต้แสงปกติ สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือนร่ม ร่างกายกึ่งโปร่งใส และดวงตาสีเขียวโกลาหลสองดวงก็คือสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่พวกเขาเจอในหลุมมรณะแดนมืดนิรันดร์ที่มีความสามารถในการกลืนกินทุกอย่างรอบตัว
เขาตื่นตัวทันที ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะเตือนคิเมียราและคลานคลานว่า “ระวัง เจ้าสิ่งนี้พิลึกมาก พวกเจ้าลองสัมผัสดูก่อนว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของตนเองยังปกติดีหรือไม่”
เซ่าเฮ่าที่กำลังพูดก็ลองตรวจสอบตนเอง ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาถูกกระทบจริงๆ ปรากฏสภาพเหมือนเมื่อตอนที่อยู่หลุมมรณะแดนมืดนิรันดร์ แต่ไม่ได้รุนแรงเช่นนั้น
เซ่าเฮ่าจึงส่งโทรจิตไปให้พิกซีที่อยู่ในทะเลสาบสือซ่าไหเช่นกัน “เสี่ยวหลง เจ้ารีบไปรายงานปฐมราชินีและเทียนตี้ที่จักรวาลดั้งเดิมว่าทะเลสาบสือซ่าไห่ปรากฏสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญา”
“สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาอะไรนะ” พิกซีน้อยถาม และยังทำท่าจะเร่งเดินทางมาหาเซ่าเฮ่า
แต่เซ่าเฮ่าส่งโทรจิตไปห้ามทันทีว่า “เจ้าอย่ามา รีบไปซะ”
“…ขอรับ” พิกซีน้อยที่รู้ว่าสถานการณ์รุนแรงจึงรีบไปจักรวาลดั้งเดิมทันที
ในขณะเดียวกัน เซ่าเฮ่าก็ส่งโทรจิตให้ปีศาจแฝงฝันระวังตัว ในขณะเดียวกันก็ตรวจสอบว่าในทะเลสาบสือซ่าไห่มีสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาอื่นๆ อีกหรือไม่
เมื่อเขาทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เขาก็พบว่าขอบเขตที่เขาสามารถส่งโทรจิตไปได้นั้นเล็กลง
คิเมียราและคลานคลานย่อมรู้สึกไม่ชอบมาพากล “ไป๋ตี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เป็นเพราะเจ้าสิ่งเหล่านี้หรือ เช่นนั้นไล่มันไปก็พอแล้วใช่หรือไม่?” คลานคลานกำลังถาม ในขณะเดียวกันยังประชิดข้างหน้าไข่ใบยักษ์อย่างหวาดกลัว ในฐานะที่เป็นไก่อ่อน มันย่อมกลัวอยู่แล้ว
“เกรงว่าจะไล่ไปไม่ได้” เซ่าเฮ่าส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น “การโจมตีของเราไร้ผลต่อพวกมัน มีเพียงนายน้อยที่โจมตีพวกมันได้”
“แล้ว แล้วทำอย่างไรดีเล่า” คิเมียราตะลึงงัน เดิมทีมันคิดจะสู้กับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สักยก แต่ดันมาบอกมันว่าการโจมตีไร้ผล
คิเมียราที่ไม่ค่อยเชื่อจึงข่วนสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาตัวหนึ่งอย่างลองดี สุดท้าย…
ซู่
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาถูกกรงเล็บแหลมคมของคิเมียราข่วนเป็นแผลทันที และยังมีเลือดสีดำเขียวไหลออกมา
นี่มัน…
เซ่าเฮ่าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกทีหนึ่ง
แต่แล้ว…
กรู
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาลักษณะคล้ายร่มนั่นกลับส่งเสียงแปลกประหลาด และยังกระโจนใส่คิเมียราอย่างรวดเร็ว พลังการโจมตีเพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างกระทันหัน
“บัดซบ”
คิเมียรารีบกระโดดออก เพราะว่าสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญา ‘กางร่ม’ ใส่มันแล้ว
และ ‘ใต้ร่ม’ ของพวกมันยังเต็มไปด้วยฟันแหลมคมหนาแน่น
ทำเอาคิเมียราที่มีโรคกลัวรูตกใจและทำให้มันหลบด้วยสัญชาติญาณ
จากนั้น…
หงับ
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญากัดโดนไข่ใบยักษ์
นี่มัน…
“ท่านจักรพรรดิมารน้อย!” คิเมียราที่เพิ่งคิดได้ว่าต้องปกป้องจักรพรรดิมารน้อยไว้รีบใช้กรงเล็บข่วนสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาตัวนั้นอีกครั้ง ยังถือว่ามันลงมือได้รวดเร็ว มันข่วนสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาระเบิดตายทันที
ตูม
สิ่งมีชีวิตที่ระเบิดคาที่สาดเลือดสีเขียวดำที่เหนียวหนืดน่าขยะแขยงออกมา และเมื่อของเหลวเหล่านี้กระเด็นโดนพื้น
ฟู่
พื้นดินถูกกัดกร่อนระเหยเป็นควันสีเขียวอย่างเห็นได้ชัด…
“เฮ้ย”
คิเมียราตกใจอีกครั้ง
โชคดีที่เซ่าเฮ่าแผ่ซ่านพลังออกไปปกป้องไข่ใบยักษ์ไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นไข่ใบยักษ์คงถูกกลืนกินไปตั้งแต่ที่สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญากัด ดังนั้นคิเมียราให้มันต่อสู้น่ะพอได้ แต่ให้มันปกป้องอะไรน่ะ อย่าคาดหวังมากเลย…
ทว่าเซ่าเฮ่าในบัดนี้ยังไม่รู้ว่า เมื่อของเหลวสีเขียวดำร่วงลงพื้น มันก็กำเนิดสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาลักษณะเป็นร่มคันเล็กมากมายออกมา อีกทั้งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้กำลังพันรัดรากของไข่ใบยักษ์ไว้ และเจาะเข้าไปในไข่ใบยักษ์จากราก
ครานี้เอง…
“เหมียว?”
***************