ตอนที่ 778 ความจริง (อวสาน 8 จุดสำคัญ)
หรงต้าซือมิ่งทำได้จริงๆ ราชาแห่งความไร้ระเบียบรู้เรื่องนี้ดี แต่ว่า…
พลังที่ต้าซือมิ่งสะบัดออกมาจากแขนเสื้อกลับทำให้สวรรค์เก้าชั้นฟ้าทั้งสวรรค์สะเทือนไหว
แดนมนุษย์นอกจากจะแผ่นดินไหวไม่หยุดแล้ว ยังมีภูเขาไฟสองสามลูกปะทุอย่างกะทันหัน
ยมโลก ผีร้ายนับไม่ถ้วนหลุดพ้นจากคุก พวกมันกำลังเข่นฆ่าผีสางที่ดูแลพวกมัน
แดนสวรรค์ อาณาจักรเทพทั้งสิบทิศสั่นสะเทือน แม้แต่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า มิติปริภูมิก็กำลังสั่นไหว
…
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะต้าซือมิ่งลงมือกำจัดราชาแห่งความไร้ระเบียบเท่านั้น หรือพูดได้ว่า ‘พลังทำลายล้าง’ ของต้าซือมิ่งแข็งแกร่งกว่าราชาแห่งความไร้ระเบียบ
และเห็นได้ชัดว่านี่คือเหตุผลที่ต้าซือมิ่งไม่ได้ลงมาโดยตลอด เขาไม่เหมาะสมที่จะลงมือกับราชาแห่งความไร้ระเบียบจริงๆ
เรื่องนี้มันช่าง…
ทำให้เทียนตี้ที่รับรู้เรื่องนี้เหงื่อตก “อาจารย์พ่อช่าง…” เทียนตี้ที่ไม่รู้ว่าจะบรรยายอาจารย์พ่อดอกบัวขาวท่านนี้อย่างไร เขารู้สึกอ้ำอึ้ง
ใบหน้าอันสง่าหล่อเหลาของเซ่าเฮ่าและจิ่วเฟิ่งก็เต็มไปด้วยความตะลึง…
บริเวณทะเลสาบสือซ่าไห่เงียบงัน แม้แต่ราชาแห่งความไร้ระเบียบก็เงียบไม่พูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง…
“บัดซบ”
เหล่ามารส่งเสียงอุทานเป็นกลุ่มแรก จากนั้นมารมากมายก็เริ่ม ‘ด่าพึมพำ’ กันว่า
“บัดซบ บัดซบ จักรพรรดิมารของเราแข็งแกร่งเช่นนี้เลยหรือ”
“แกร่งขนาดนี้เหตุใดจึงแต่งเข้าฝ่ายหญิงอีกเล่า เหตุใดจึงไม่ชิงตัวปฐมราชินีมาทะเลสาบสือซ่าไห่เล่า”
“ชู่ หุบปาก อย่าพูดมาก ปฐมราชินีนำทวยเทพมาช่วยพวกเราอยู่นี่ไง…”
เหล่ามารที่ไม่ค่อยมีสมอง สักแต่พูดเหล่านี้ล้วนงุนงง คิดไม่ถึงเลยว่าอันที่จริงจักรพรรดิมารของพวกเขาบรรลุถึงระดับเช่นนี้แล้ว ทุกๆ การกระทำล้วนสามารถทำลายจักรวาลได้
มารดามันเถอะ หากไม่ใช่ปฐมราชินีเยี่ยนทำให้จักรพรรดิอยู่ในโอวาทได้ จักรพรรดิมารคงทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้าไปนานแล้ว บัดซบ แค่คิดได้เช่นนี้ เหมือนกับว่าเหล่ามารจะมีชีวิตที่สง่างามกว่านี้ได้ ไม่ต้องอาศัยในทะเลสาบสือซ่าไห่อย่างเดียว?
โอ้ ไม่
คิดเช่นนี้ไม่ได้
ปฐมราชินีเยี่ยนถือว่าดีมากแล้ว ตอนนี้เทียนตี้พวกเขากำลังช่วยเผ่ามารต่อต้านศัตรูอยู่
แต่พวกเขากลับกำลังคิดจะทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นี่มันช่างไร้หัวจิตหัวใจยิ่งกว่ามาร ต้องหยุดคิดเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
เหล่ามารที่มีใจอำมหิตจริงๆ พยายามข่มความคิดชั่วร้ายในใจไว้
ในขณะเดียวกัน…
“พี่เป่า”
ลูกเจี๊ยบที่ในที่สุดก็ตั้งสติได้ มันรีบคว้าเสื้อของเด็กน้อยไว้ด้วยตัวที่สั่นเทา
เจ้าเหมียวสีขาวเองก็ตักเจ้าลูกเจี๊ยบให้เด็กน้อยดู และยังร้อง ‘เหมียวๆ ๆ ’ ไม่หยุดราวกับกำลังมอบสมบัติให้
เยี่ยนเสี่ยวเป่าจับใบหน้าน้อยๆ ของตนไว้ครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไป๋ปกป้อง จิ๊บจิ๊บ เก่ง”
“เหมียว” เจ้าเหมียวสีขาวยิ้มตาหยี และยังเลียเจ้าลูกเจี๊ยบสองสามทีก่อนจะถามว่า “เหมียวๆ ?” เช่นนั้นเหมียวกินลูกเจี๊ยบได้หรือยังเหมียว
ลูกเจี๊ยบสีเหลืองที่ไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวสีขาวอยากจะกินตนเอง มันยังขอบคุณเจ้าเหมียวหลังจากที่เด็กน้อยพูดเสร็จ “ขอบคุณพี่ไป๋”
เจ้าเหมียวสีขาวส่งเสียง ‘เหมียว’ ช้าๆ เป็นคำถาม…
เยี่ยนเสี่ยวเป่ารับลูกเจี๊ยบสีเหลืองไป ฝ่ายหลังยังรู้สึกหวาดกลัว มันรีบมุดเข้าไปในอ้อมอกของเด็กน้อยทันที แม้แต่ศีรษะก็ไม่กล้ายื่นออกมา
เจ้าเหมียวสีขขาวใช้อุ้งมือจับใบหน้า “เหมียวๆ ๆ …” นี่จะให้กินอย่างไรอีกเล่า นี่ก็กินไม่ได้แล้วสิเหมียว
“ไป๋ เก่ง” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่อุ้มเจ้าเหมียวสีขาวไปก็ชมเจ้าเหมียวสีขาว
เจ้าเหมียวสีขาวลูบหนวดอย่างเสียดาย มันยอมล้มเลิกความคิดที่จะกินเจ้าลูกเจี๊ยบ ในที่สุดมันก็ดูออกว่า ลูกเจี๊ยบตัวนี้อยู่ฝ่ายเดียวกัน กินไม่ได้ ไม่ได้กินสินะเหมียว…
น่าเสียดายจริงๆ นี่คือของบำรุงที่ดีที่สุดที่มันเคยพบเจอเลย
เจ้าเหมียวสีขาวที่นึกเสียดายในที่สุดทำได้เพียงเลียเจ้าตัวน้อยต่อไปเพื่อแก้หิว…
“ฮี่…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกเลียจนรู้สึกจั๊กจี้จึงหันไปถูไถท่านพ่อของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ในที่สุดก็ถูกบีบแก้มอวบอ้วนไว้อย่างรังเกียจ ท่านพ่อเขาเช็ดไม่หยุด
ม้าเฉิงหวงที่อยู่นิ่งๆ มาตลอดก็เข้าใกล้อย่างระมัดระวัง “จวินโฮ่ว ให้ข้าน้อยอุ้มนายน้อยดีหรือไม่” รู้สึกเหมือนกับว่าจวินโฮ่วจะไม่ค่อยชอบนายน้อย นายน้อยคงไม่ถูกบีบตายหรอกนะ
เนื่องจากพลังการทำลายล้างที่ต้าซือมิ่งแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ เฉิงหวงมีเหตุผลที่จะกังวล อีกทั้งยังเสนอตัวอย่างกล้าหาญ ทว่าเยี่ยนเสี่ยวเป่าปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ พ่ออุ้ม…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกเช็ดจนหน้าแดง นอกจากเขาจะเกาะพ่อเขาต่อไปยังเริ่มบ่นว่า “หิว พ่อ ข้าวข้าว… เป่า หิวแล้ว”
เฉิงหวงหนังตากระตุก รู้สึกว่านายน้อยอาจจะถูกท่านพ่อโดยแท้บีบคอตายได้
ผลปรากฏว่าม้าเฉิงหวงตัดสินผิดพลาดไป…
แม้ต้าซือมิ่งจะไม่ชอบที่เด็กน้อยไม่รักสะอาด แต่ลูกหิวแล้ว เขาก็ต้องป้อนและต้องป้อนด้วยตนเอง
ม้าเฉิงหวง “…”
ลูกพี่จวินโฮ่วท่านนี้ไม่เหมือนกับที่มันคิดไว้เลย
เห็นทีมันที่เพิ่งเกิดใหม่ยังมีสิ่งที่ต้องสังเกตและเรียนรู้อีกมากมาย แต่ไม่ว่าอย่างไร ม้าเฉิงหวงยังคงเฝ้าข้างกายสองพ่อลูกเงียบๆ หลักๆ คือดูแลเด็กน้อย
…
เยี่ยนอวี๋ในครานี้ นางหยุดเฆี่ยนราชาแห่งความไร้ระเบียบแล้ว
ราชาแห่งความไร้ระเบียบเริ่มฟื้นฟูตนเองอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงอยู่เงียบๆ ราวกับตกใจกับอิทธิฤทธิ์เมื่อครู่นี้ของต้าซือมิ่ง ไม่กล้าปากดีอีก
เยี่ยนอวี๋ที่หายตัวกลับมาข้างกายสองพ่อลูกภามขึ้นว่า “จิ๊บจิ๊บเป็นอย่างไรบ้าง”
“สบายดี” หรงอี้ตอบอย่างมั่นใจ
เยี่ยนอวี๋เงยหน้ามองสามีที่กำลังป้อนเด็กน้อย ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับพลังการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ แต่กลับรู้สึกเป็นกังวล ทว่าความกังวลนี้ก็ถูกเยี่ยนอวี๋ข่มไว้อย่างรวดเร็ว นางเดินขึ้นไปกอดชายตรงหน้า และยังกอดเอวบางของเขาจากด้านหลังอย่างแน่น ทำเอาต้าซือมิ่งที่กำลังป้อนเด็กน้อยถูกกอดจนหยุดป้อนเด็กน้อย และโอบภรรยาเข้ามาในอ้อมอก “คิดว่าสู้ไม่ชนะ ไม่พอใจหรือ”
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่ได้ตอบยังคงกอดเขาแน่น ทำเอาเด็กน้อยร้อนรน “อ้ะ แม่รอก่อน เป่ากิน ข้าวข้าวก่อน…” กินเสร็จแล้วค่อยกอดสิ…
เยี่ยนอวี๋หัวเราะก่อนจะเงยหน้ามองเด็กน้อยที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของสามีเช่นกัน และยกมือขึ้นหยิกแก้มน้อยๆ ของเขา “แต่แม่ไม่อยากรอ ทำอย่างไรดีเล่า”
“งั้นก็ ก็เป่า รอแล้วกัน” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ตีหน้าเศร้าได้แต่ปีนขึ้นไปบนไหล่ของท่านพ่อเขา ถอนหายใจ ‘เฮ้อ’ ก่อนจะนั่งลง
ท่าทางเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำเอาเยี่ยนอวี๋หัวเราะ นางอดหยิกแก้มเด็กน้อยอีกทีไม่ได้ กลับมุดศีรษะเข้าไปในซอกคอของต้าซือมิ่ง นางยอมรับว่า… นางรู้สึกเศร้าเสียใจจริงๆ เพราะว่าหลังจากที่นางเฆี่ยนราชาแห่งความไร้ระเบียบเสร็จ นางก็ค้นพบได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่านางไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นางไม่สามารถกำจัดเขาได้ด้วยซ้ำ และไม่สามารถผนึกเขาได้ด้วย แม้นางจะค่อยๆ รู้แจ้งถึงพลังอันมหัศจรรย์บนตัวของเด็กน้อยและสามี ทำให้นางสามารถหยุดยั้งราชาแห่งความไร้ระเบียบอาละวาดสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ แต่การหยุดยั้งเช่นนี้เป็นเพียงการหยุดยั้งผิวเผินเท่านั้น ไม่สามารถทำร้ายหรือกำจัดราชาแห่งความไร้ระเบียบได้ เพราะว่านาง… อ่อนแอเกินไปหรือ?
เยี่ยนอวี๋ที่ไม่เคยยอมรับว่าตนเองอ่อนแอจู่ๆ ก็รู้สึกว่าบางทีนางอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งหรือยิ่งใหญ่
ดังนั้น… นางจึงถูกลอบวางแผนทำให้ร่วงหล่นเมื่อสามหมื่นปีก่อนโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น… ที่นางเกิดใหม่ได้และเดินถึงจุดนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะเขา สามีของนางช่วยเหลือนางเงียบๆ มาโดยตลอด ตั้งแต่เมื่อสิบล้านปีก่อนเขาก็ช่วยนางแล้ว
ดังนั้น… นางไม่ไหวจริงหรือ
การสงสัยในตนเองเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในจิตเหนือสำนึกของเยี่ยนอวี๋ เกือบจะทำให้เกิดผลกระทบที่คาดเดาไม่ได้
แต่การสงสัยในตนเองเช่นนี้ ทันทีที่มันเกิดขึ้นก็ถูกเยี่ยนอวี๋ลบทิ้งไป นางปฏิเสธความคิดนี้ทันที และกอดสามีของนางไว้แน่นกว่าเดิม
นางรู้ว่าไม่ใช่เพราะนางอ่อนแอ แต่เพราะนางถูกจำกัด
ในฐานะที่เป็นผู้สร้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เป็นสิ่งมีชีวิตของจักรวาลแห่งนี้ นางถูกจำกัดไว้แล้ว เหมือนกับกบในกะลาที่ไม่รู้ว่าโลกกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด แม้สามีของนางเคย ‘บอก’ นางว่าข้างนอกนั้นกว้างใหญ่ไพศาลก็ตาม แต่นางที่ไม่เคยเดินออกไปไม่สามารถเข้าใจได้ ได้แต่จินตนาการ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงรู้แจ้งในบางอย่างในตัวของสามีและลูกของนาง และใช้มันยับยั้งการโจมตีของราชาแห่งความไร้ระเบียบ แต่กลับไม่สามารถกำจัดเขาได้อย่างสิ้นเชิง
เยี่ยนอวี๋ในบัดนี้รู้ดีว่า สามีของนางผู้มาจากนอกโลกนี้ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ถูกจำกัดด้วยจักรวาลแห่งนี้ ดังนั้นบนตัวของเขามีพื้นฐานที่จะแก้ไขปัญหาที่นางเผชิญนี้ แต่ว่า… นางรู้แจ้งได้ไม่ทะลุปรุโปร่งเพียงพอ ดังนั้นนางยังคงไม่สามารถกำจัดราชาแห่งความไร้ระเบียบ ดังนั้นไม่ว่านางจะเฆี่ยนตีราชาแห่งความไร้ระเบียบอย่างไรก็ทำได้เพื่อความสะใจเท่านั้น ดังนั้นราชาแห่งความไร้ระเบียบจึงกล้าปากดีเช่นนั้น เพราะเขารู้ว่านางไม่สามารถเอาชนะได้จึงกล้าทำเช่นนี้
ในความเป็นจริง… ราชาแห่งความไร้ระเบียบก็คิดเช่นนี้จริงๆ
ทว่า… จู่ๆ ราชาแห่งความไร้ระเบียบก็พูดขึ้นว่า “ปรองดองกันเถิด”
เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อย ราชาแห่งความไร้ระเบียบกลับพูดต่อไปว่า “ข้าทำได้เพียงทำลายสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ให้เจ้าเยี่ยนอวี๋มีชีวิตอยู่ต่อไป ให้เจ้าเป็นผู้สร้างต่อไป ดำรงอยู่อย่างยืนยาวเช่นข้า”
ข้อเสนอนี้ทำให้เทียนตี้และทวยเทพอื่นๆ ตะลึง
เหล่ามารอุทาน ‘บัดซบ’ ขึ้นมาอีกครั้ง…
“ไม่ใช่สิ รู้สึกไม่ได้การแล้ว”
“นั่นน่ะสิ เราคงไม่ถูกทอดทิ้งหรอกนะ”
“นั่นก็เป็นเรื่องปกตินะ หากไม่มีวิธีอื่นจริงๆ เป็นเจ้าเจ้าจะเลือกให้ตนเองมีชีวิตอยู่ต่อหรือตายไปพร้อมกับทุกคน” มารบางตนคุยกันไปคุยกันมา จู่ๆ ก็รู้สึกเข้าใจในตัวเลือกที่ไม่เป็นธรรมสำหรับพวกเขาที่เยี่ยนอวี๋อาจจะเลือก เพราะว่าเหล่ามารชอบการต่อสู้มาแต่ไหนแต่ไรและยังเห็นแก่ตัว ดังนั้นหากถามพวกเขาว่าหากเปลี่ยนเป็นพวกเขา พวกเขาคงไม่สนใจญาติมิตรหรือพวกพ้องอะไรหรอก ถึงอย่างไรตนเองรอดก่อนค่อยว่ากัน
แน่นอนว่า… หากไม่ต้องเสียสละได้ นั่นย่อมเป็นทางที่ดีที่สุด
ดังนั้นเหล่ามารยังคงมองเยี่ยนอวี๋อย่างกระตือรือร้นและจริงจัง หวังว่านางจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา
ส่วนเยี่ยนอวี๋นางยังไม่ได้พูดอะไร…
ราชาแห่งความไร้ระเบียบก็พูดต่อไปว่า “หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะอยู่ร่วมกับสามีของเจ้าได้อีกนานเท่านาน ข้าเห็นแก่หน้าเขาจึงไว้ชีวิตเจ้า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ราชาแห่งความไร้ระเบียบที่กลายร่างเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง เขามองไปที่ต้าซือมิ่งด้วยสายตาหวาดกลัว
“เปลี่ยน”
เด็กน้อยชี้ไปที่ราชาแห่งความไร้ระเบียบอีกครั้ง บอกว่าคนๆ นี้หน้าเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่หน้าตาพ่อของเขา บนตัวก็ไม่มีกลิ่นอายของท่านพ่อเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะราชาแห่งความไร้ระเบียบกลัวต้าซือมิ่งแล้วจริงๆ ถึงอย่างไรฝ่ายหลังก็แสดงความสามารถที่สามารถกำจัดเขาได้อย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้มีผลกระทบมากกว่า จินตนาการของเขาเอง
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ราชาแห่งความไร้ระเบียบจะเดาได้ว่าชายผู้ลึกลับคนนี้เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเขา แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่าคนๆ นี้จะสามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้… หลังจากที่ผ่านการโจมตีเมื่อครู่นี้ ราชาแห่งความไร้ระเบียบก็ไม่กล้าลองหรือปากดีอีก
การโจมตีอย่างง่ายดายนั้น… แม้จะเป็นเพียงการโจมตีอวัยวะส่วนหนึ่งของเขา แต่กลับทำให้เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงการทำลายล้างและไม่มีทางมีชีวิตรอด
ราชาแห่งความไร้ระเบียบจึงมั่นใจว่าที่ชายคนนี้ไม่ผสานร่างพลังสุดท้ายของเขาคงเป็นเพราะเพื่อที่จะอยู่ในจักรวาลนี้ต่อไป ไม่ใช่เพราะเขายังไม่สามารถควบคุมร่างพลังร่างนั้นได้
ราชาแห่งความไร้ระเบียบเดาว่าเมื่อใดก็ตามที่ชายคนนี้ผสานร่างพลังที่น่าสะพรึงที่สุดร่างนั้นของตนเองแล้ว เขาคงต้องออกจากที่นี่ มิเช่นนั้นจักรวาลจะพังทลายเพราะเขา
เช่นนั้นราชาแห่งความไร้ระเบียบ… ย่อมสูญสลายไปด้วย
ดังนั้นชายคนนี้มีความสามารถเต็มที่ที่จะสังหารเขาได้
ทว่าชายคนนี้มีความกลัว เขารักเยี่ยนอวี๋ ปฐมราชินีผู้สร้างยุคนี้
นี่คือจุดอ่อนของเขา คือปมที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราชาแห่งความไร้ระเบียบรู้สึกเบาใจลงไม่น้อย แต่เขาก็ไม่กล้าท้าทายชายคนนี้อีกจึงไม่กล้าแปลงกายเป็นหน้าตาเขา
ทว่า…
“ไม่มีทาง”
เยี่ยนอวี๋ปฏิเสธข้อเสนอของราชาแห่งความไร้ระเบียบ
เหล่ามารต่างโล่งอก
เทียนตี้ เซ่าเฮ่า จิ่วเฟิ่ง ซีหวังหมู่และเทวยเทพโบราณอื่นๆ กลับมีน้ำตา
เทียนตี้ถึงกับพูดขึ้นว่า “อาจารย์ อันที่จริงก็ไม่เป็นไร เป็นดั่งที่เขาพูด เมื่อพลังวิญญาณสิ่งมีชีวิตสิ้นสุดลง สุดท้ายเราก็ต้องร่วงหล่น อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น ท่านมิต้องลำบากใจ”
“ใช่แล้ว” เซ่าเฮ่าก็เอ่ยขึ้น “ตั้งแต่สร้างจักรวาลจนถึงบัดนี้ มีทรัพย์สมบัติมากมายสูญพันธ์ไปแล้ว มหาเทพที่มาใหม่ก็น้อยลงเรื่อยๆ นักฝึกฌานแทบจะไม่ค่อยเลื่อนขั้นเป็นเทพเลย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะคนรุ่นหลังไร้พรสวรรค์ แต่เป็นเพราะพลังวิญญาณมีจำกัด
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องมีวันใดวันหนึ่ง ข้าน้อย เทียนตี้ ซีซี เสี่ยวเหลย ซูซู… ไม่ว่าใคร พวกเราล้วนต้องร่วงหล่น บนโลกก็จะไม่มีนักฝึกฌานอีก กระทั่งไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ บัดนี้ ทุกอย่างก็แค่เกิดขึ้นเร็วขึ้นเท่านั้น”
คำพูดนี้…
ซีหวังหมู่กำลังจะเห็นด้วย เยี่ยนอวี๋กลับตำหนิอย่างเย็นชาว่า “เช่นนั้นข้าต่างจากอวิ๋นเหลียนตรงไหน”
“จะเหมือนกันได้อย่างไรเล่า” ซีหวังหมู่พูด “เราทุกคนเต็มใจ”
“ไม่นะ…” เหล่ามารรีบพูดขึ้นว่า “เราไม่เต็มใจ เรา…”
“หุบปาก” ซีหวังหมู่คำรามใส่ทะเลสาบสือซ่าไห่ ทำเอาเหล่ามารตกใจจนไม่กล้าพูด…
คิเมียราเกาศีรษะเอ่ยขึ้นว่า “ปฐมราชินีอย่าฟังพวกมันเลย พวกมันไม่มีสมอง อย่างน้อยข้าน้อย… ก็ไม่มีความเห็นอะไร” ถึงอย่างไรที่มันมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ได้ก็เป็นเพราะจักรพรรดิมารไว้ชีวิตมันในครานั้น
“ดูสิ” ราชาแห่งความไร้ระเบียบพูดขึ้นต่อทันที “พวกเขาเต็มใจ อีกทั้งเจ้าอย่าเอาแต่คิดถึงตนเองเลย ลองคิดถึงลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ลองคิดถึงผู้ชายของเจ้าบ้าง เพื่อเจ้าแล้วเขา…”
“หุบปาก” หรงอี้ที่ไม่มีทางให้ราชาแห่งความไร้ระเบียบพูดต่อไปพูดแทรกขึ้นทันที
แต่หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ราชาแห่งความไร้ระเบียบกลับส่งโทรจิตให้เยี่ยนอวี๋อย่างรวดเร็วว่า เขาไม่ผสานร่างแยกร่างสุดท้ายเพื่อเจ้า เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาผสานแล้วก็จะต้องจากไป แต่เจ้าเป็นเจ้าโลกแห่งนี้ กลับไม่สามารถออกจากที่นี่ได้ มิเช่นนั้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะพังทลาย ดังนั้นเขาทำได้เพียงอยู่ดูแลเจ้าเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าไม่สมควรคิดแทนเขาบ้างหรือ หากเจ้ายืนกรานที่จะสู้กับข้า สุดท้ายทำตนเองตาย แล้วสิ่งที่เขาทำเพื่อเจ้าจะมีความหมายอะไร เจ้าจะให้เขาทำอย่างไร
คำพูดนี้… ราชาแห่งความไร้ระเบียบส่งให้อย่างรวดเร็ว แต่ต้าซือมิ่งยังคงรู้สึกได้ เขาจึงสะบัดแขนเสื้อไปทางราชาแห่งความไร้ระเบียบทันที
หึ่ง
ราชาแห่งความไร้ระเบียบที่รังสีพลังทำลายล้างออกมาทันทียังคงถอยไปหลายหมื่นจั้ง จนเกือบจะหลุดออกจากบริเวณทะเลสาบสือซ่าไห่ แต่ในดวงตายาวและแคบคู่นั้นของเขากลับแสดงแววชัยชนะ
ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋ก็ได้ยินแล้ว… นางเพิ่งรู้ว่าที่แท้สามีของนางยังไม่ได้ผสานร่างพลังร่างสุดท้ายนั่น
ดังนั้น… ครั้งที่แล้วที่เขาบอกนางว่า ‘ไม่กลับแล้ว ให้ท่านพ่อท่านแม่พวกเขามา’ นอกจากจะไม่ใช่เป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาและไม่ใช่เพราะนางยังไม่ได้ชดเชยงานสมรสให้เขา ทั้งหมดเป็นเพียงเพราะนาง…
เพราะนางไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ นางไม่สามารถไปจากจักรวาลแห่งนี้ได้
ดังนั้น…
ตอนที่นางถามเขาว่า ‘บ้านเจ้าอยู่ที่ไหน’ เขาจึงตอบว่า ‘ภรรยาอยู่ที่ไหน บ้านก็อยู่ที่นั่น’
ครานั้น… เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่เคียงข้างนางตลอดไป และอยู่ที่นี่มาโดยตลอด
แต่นางกลับไม่รู้อะไรเลย คิดว่าเขาแค่ปากหวาน กลับไม่รู้ว่าเบื้องหลังความปากหวานนี้คือการตัดสินใจทิ้งท่านพ่อท่านแม่และญาติไว้ข้างหลัง
นางไม่รู้อะไรเลย… เหมือนกับที่นางไม่รู้เรื่องในอดีตที่เขาทำเพื่อนางมากมาย
ครานี้นางไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
ที่สำคัญคือ… แม้ตอนนี้นางจะรู้แล้ว นางยังคงไม่สามารถทำอะไรได้
น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของเยี่ยนอวี๋เงียบๆ
เป็นไปไม่ได้ที่นางจะบอกให้สามีนางไม่ต้องสนใจนางและลูก หรือพาลูกไป
แต่ว่า… ครอบครัวของเขาทำอย่างไร นางจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่ได้ แล้วนางควรทำอย่างไรดี
ดังนั้น… พวกเขา… ต้องแยกจากกันจริงๆ หรือ
***************