ตอนที่ 779 ทั้งครอบครัวสู้กับสัตว์ประหลาด (อวสาน 9 ตอนที่น่าตื่นเต้น)
เพียงแค่คิด เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ซึ่งทำให้นางกอดสามีนางไว้แน่นกว่าเดิม…
นางไม่อยากปล่อยเขาไป แต่ว่า… ในหัวของนางกลับปรากฏภาพเมื่อครั้นสามีพูดถึง ‘เขาพระสุเมรุ’ ความคิดถึงและหวนรำลึกของเขา นางรู้ว่าสามีนางคิดถึงครอบครัว เขาคิดถึงครอบครัวนานแล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน… นางคงไม่เข้าใจความรู้สึกคิดถึงครอบครัวหรือคิดถึงบ้าน เพราะว่านางไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน แต่ตอนนี้นางมีทุกอย่างแล้ว ดังนั้นนางรู้ว่าการมีบ้านแต่กลับไปไม่ได้ มีครอบครัวแต่ไม่ได้เจอนั้นทุกข์ทรมานเพียงใด
เช่นนั้นนาง…
ต้าซือมิ่งไม่ปล่อยให้เยี่ยนอวี๋คิดมากไปกว่านั้น เขาหยิกท้ายทอยนางทีหนึ่งเพื่อให้นางดึงสติกลับมา และยังตำหนิเสียงขรึมข้างๆ ใบหูของนางว่า “อวี๋เอ๋อร์เด็กโง่ เจ้าคิดมากอะไรอยู่น่ะ ถูกเขาหลอกได้ง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?”
“ข้า…” เยี่ยนอวี๋จะพูดว่าแม้คำพูดของราชาแห่งความไร้ระเบียบจะมีแต่น้ำ แต่ก็มีส่วนที่เป็นความจริง แต่นางเพิ่งจะปริปาก นางก็พบว่าตนเองพูดไม่ออก เพราะอารมณ์มากมายจุกตรงหน้าอก…
และคำว่า ‘ข้า’ ที่แหบแห้งและฟังยากนี้ ย่อมทำให้หรงอี้ที่ได้ยินขมวดคิ้ว เขากังวลใจขึ้นมาทันที เขารีบจับศีรษะของนางที่มุดอยู่ในซอกคอของเขาออกมา
“อ้ะ”
เด็กน้อยจึงเห็นว่าท่านแม่ของเขากำลังร้องไห้ น้ำตานองหน้า เขาตระหนกทันที “เป็น เป็นอะไรหรือ แม่ แม่ ทำไมร้องไห้ ขอรับ”
เด็กน้อยที่ยังไม่ทันถามเสร็จก็มีเสียงสะอึกสะอื้นยื่นมืออวบอ้วนน้อยๆ ออกมาทำท่าจะกอดท่านแม่ของเขา แต่ถูกท่านพ่อเขาปัดออก…
หรงอี้ที่ยกมือขึ้นจับแก้มทั้งสองข้างของภรรยาไว้ ปาดน้ำตาที่ไหลลงมาของภรรยา และยังจูบดวงตาที่ยังมีน้ำตาคลออยู่ของภรรยา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสารและความรัก เขาทำอะไรไม่ถูก “เขาพูดแค่นี้ก็ร้องไห้ ไม่ถามข้าก่อนแล้วคิดไปเอง โง่หรือไม่”
เยี่ยนอวี๋ที่หลับตาสัมผัสจูบที่อ่อนโยนในดวงตา นางก็เศร้าเสียใจกว่าเดิม น้ำตาไหลลงมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ “…เจ้าจะบอกข้าหรือ”
เจ้าไม่บอก
เจ้าไม่บอกอะไรเลย
ข้าไม่รู้อะไรเลย
…
เยี่ยนอวี๋เสียใจมากจริงๆ … แต่นางรู้ว่านางจะโกรธเขาที่เขาไม่บอกไม่ได้
สามีของนางเป็นคนทะนงตนเพียงใด ทุกอย่างที่เขาทำเพื่อนาง เขาย่อมไม่ยอมพูด เพราะว่าสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรู้สึกซาบซึ้งใจของนาง แต่คือความสุขของนาง
สามีของนางไม่อยากให้นางรู้สึกขอโทษหรือรู้สึกผิด
เพราะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดี… เยี่ยนอวี๋จึงรู้สึกเสียใจมาก เขาทำเพื่อนางทุกอย่าง แต่นางกลับไม่เคยทำอะไรเพื่อเขาเลยแม้แต่น้อย
ช่างน่าเศร้าจริงๆ … นางอยากจะกลับไปหาพ่อแม่สามีกับเขา ไปเจอครอบครัวของเขา รู้จักทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขาเหมือนกับที่เขารู้จักนาง แต่ว่า… นางทำไม่ได้
กระทั่งไม่มีสิทธิ์จะทำ
ความรู้สึกเช่นนี้
ความเสียใจเช่นนี้
ความไม่สามารถทำอะไรได้เลยนี้ ทำให้เยี่ยนอวี๋ร้องไห้อย่างหนัก และทำให้หรงอี้ที่เห็นนางเสียใจขนาดนี้สงสารจับใจ… ทำเอาขณะที่เขาจูบน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดของนาง เขาก็ปลอบด้วยน้ำเสียงปนความร้อนรนเล็กน้อย “บอกสิ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยากรู้อะไร ข้าจะบอก เจ้าหยุดร้องก่อนดีหรือไม่”
เยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ นางทำไม่ได้…
ครานี้เอง นางจึงเข้าใจว่าที่ลูกเคยพูดว่าน้ำตามาไหลลงมาเองเป็นอย่างไร นางควบคุมไม่ได้เลย เพราะว่าเสียใจมากจริงๆ
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่พูด ‘คำปราชญ์’ นี้ออกมาก็ร้องไห้ตาม “แม่…”
ทว่าต้าซือมิ่งไม่มีเวลาสนใจเด็กน้อยที่ ‘ประสมโรง’ คนนี้ เขากอดภรรยาที่ส่ายศีรษะเข้ามาในอ้อมอก พูดปลอบข้างหูนางอย่างเป็นกังวลว่า “เจ้าอย่าเอาแต่คิดที่เขาพูดก่อน ฟังสิ่งที่ข้าวางแผนไว้ ดีหรือไม่ เขาหลอกเจ้าหรือไม่ ข้าหรือจะกลับไปไม่ได้?”
“… หรือว่า ไม่ใช่?” เยี่ยนอวี๋ตอบเสียงสะอื้น “เจ้า โกหกข้า…” นางแยกแยะจริงเท็จออกได้อย่างชัดเจน
อย่างเช่นประโยคนี้ ราชาแห่งความไร้ระเบียบไม่ได้โกหก เพราะว่ามันตรงกับ ‘ความผิดปกติ’ ก่อนหน้านี้ของสามีนาง เขากลับไปไม่ได้จึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา แต่ตอนนั้นนางไม่รู้
ดังนั้น นอกจากต้าซือมิ่งจะสงสารและร้อนใจ เขายังรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย ภรรยาฉลาดเกินไปแล้ว คำโกหกด้วยความหวังดีใช้ไม่ได้จริงๆ …
เขาทำได้เพียงพูดความจริงว่า “ใช่ ข้ากลับไปไม่ได้ ดังนั้นข้าให้เสี่ยวไป๋กลับไปเรียกท่านพ่อและท่านแม่มาแล้ว แบบนี้ก็แก้ปัญหาได้แล้วมิใช่หรือ”
“เหมียว เหมียวๆ …” เจ้าเหมียวสีขาวที่มุดออกมาทันทีพยักหน้าไม่หยุดบอกว่า “ใช่ๆ ๆ …” แม้ข้าจะกลับไปไม่ได้ และยังเรียกเสี่ยวมั่วมั่วและเสี่ยวเชียนหลีมาไม่ได้ก็ตามเหมียว…
เยี่ยนอวี๋ที่ฟังภาษาแมวไม่รู้เรื่อง นางเข้าใจเพียงการพยักหน้าของเจ้าเหมียวสีขาว ซึ่งทำให้นางกลั้นน้ำตาได้ครู่หนึ่ง ทว่านางมองเจ้าเหมียวสีขาวถามว่า “แล้วเรียกหรือยัง”
เจ้าเหมียวสีขาวกำลังจะส่ายศีรษะ มันรู้ว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ฉลาดมาก โกหกไม่ได้เหมียว…
ทว่าต้าซือมิ่งกลับจูบหน้าผากของภรรยาก่อนและปลอบต่อไปว่า “ยังไม่ได้ เสี่ยวไป๋ยังปลีกตัวไปไม่ได้เลย มันตกลงไปในไข่ของลูกเจี๊ยบไง”
เยี่ยนอวี๋คิดดูก็ใช่ แต่ว่า…
ต้าซือมิ่งไม่รอให้นางครุ่นคิดนานก็พูดตามความจริงว่า “เมื่อท่านพ่อและท่านแม่ข้ามา หลายๆ เรื่องก็จะหาทางออกได้ แม้จะไม่สามารถแก้ไขได้ในทันที แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไปได้ ดังนั้นอย่าคิดมากไปเองเพราะคำพูดของตาแก่นี่เลย ดีหรือไม่”
ราชาแห่งความไร้ระเบียบที่ถูกเรียกว่า ‘ตาแก่’ ฟังถึงตรงนี้ย่อมทนดูสองสามีภรรยาพอดรักกันอีกต่อไปไม่ได้ เขาพูดแทรกขึ้นทันทีว่า “ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร นางก็ไม่มีทางจากไปได้”
“หุบปาก!” หรงอี้ที่เงยหน้ามองราชาแห่งความไร้ระเบียบ นัยน์ตาปรากฏแววอาฆาต
ทว่าราชาแห่งความไร้ระเบียบกลับเข้าใจแล้วว่า เจ้าแซ่หรงคนนี้แม้จะสามารถกำจัดเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ผลจากการกำจัดเขาคือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะพังทลาย เยี่ยนอวี๋แม่นางคนนี้ก็จะสูญสลาย
ดังนั้น… ไม่ว่าจนถึงเมื่อใด เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าตนเองจะตายในมือของเจ้าหมอนี่
สิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้คือโน้มน้าวเยี่ยนอวี๋นังหนูคนนี้เปลี่ยนความคิด เช่นนั้นเขาไม่ยอมหุบปากแน่นอน เขายังพูดต่อไปว่า “นี่คือเรื่องจริง”
“เจ้า…” หรงอี้ที่นัยน์ตาเคร่งขรึม ดวงตาบังเกิดแสงหม่นน่าสะพรึง ทำให้ราชาแห่งความไร้ระเบียบผู้ที่คิดว่าตนเป็นผู้ควบคุมทุกอย่างรู้สึกถึงอันตราย
ทว่าเยี่ยนอวี๋ในครานี้สงบอารมณ์ลงแล้วและยังจูบริมฝีปากบางที่เย้ายวนและเย็นของสามีนาง ทำเอาคำพูดที่ต้าซือมิ่งจะตำหนิและเตือนราชาแห่งความไร้ระเบียบถูกจูบคืนกลับไปหมด
หรงอี้ “…”
จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่ปลอดภัย
ภรรยาจะทำอะไรน่ะ
อืม… หรงอี้ที่รู้สึกผิดเล็กน้อยโดยไม่มีเหตุผล ขณะที่ภรรยาถอนจูบ เขาก็ทำท่าจะสารภาพบางอย่าง… แต่เยี่ยนอวี๋กลับถามขึ้นก่อนว่า “เช่นนั้นเจ้าบอกว่ามาสิว่าเจ้ายังไม่ผสานร่างพลังร่างสุดท้ายใช่หรือไม่”
“ใช่” หรงอี้พยักหน้าตอบอย่างตรงไปตรงมา
เยี่ยนอวี๋ถามต่อว่า “ที่ไม่ผสานร่างแยกร่างนี้เป็นเพราะมีผลกระทบต่อการผ่านด่านเคราะห์และอายุขัยของเจ้าใช่หรือไม่”
“…” หรงอี้ที่เม้มปาก เขารู้ว่าเหตุใดตนเองจึงรู้สึกเป็นกังวลแล้ว เจ้าปลาน้อยตัวนี้ช่างฉลาดจริงๆ แม้แต่เรื่องนี้ก็เดาออก
ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางไม่จำเป็นต้องได้รับคำยืนยันก็มั่นใจได้จากความเงียบของสามีนางว่านางเดาถูกแล้ว และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่ราชาแห่งความไร้ระเบียบบอก ‘ความจริง’ แก่นาง
ทว่าราชาแห่งความไร้ระเบียบที่ฟังถึงตรงนี้ก็ตื่นตัวมากเช่นกัน เขายังพูดแทรกว่า “นังหนูเยี่ยน เจ้าคิดจะทำอะไร ปรองดองหรือไม่ ข้าขอคำยืนยัน”
หรงอี้ที่ได้ยินดังนี้ เขาก็กวาดมองไปที่ราชาแห่งความไร้ระเบียบอีกครั้ง แสงหม่นในดวงตามากขึ้นเล็กน้อย เขาอยากจะฉีกเจ้าคนปากมากคนนี้นี้ทิ้งจริงๆ
แต่เขามีข้อกังวลจริงๆ … ส่วนเยี่ยนอวี๋ นางจูบปากของสามีนางอีกครั้ง… ทำเอาแววสังหารในดวงตาของต้าซือมิ่งหายไป และยังทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง เขากอดภรรยาที่ดูผิดปกติเล็กน้อยไว้แน่น “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เจ้า…”
เยี่ยนอวี๋กลับพูดแทรกว่า “สามี ต่อจากนี้เจ้าอย่าพูดสิ่งใดอีก ข้าจัดการเอง”
หรงอี้ “…”
เขารู้สึกว่านี่คือกลลวง
ทว่าปฐมราชินีเยี่ยนพูดขึ้นว่า “ไม่เช่นนั้นข้าจะร้องไห้”
หรงอี้ “…”
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองถูกภรรยากัดไว้แน่น
ไม่สิ ต้องพูดว่าตั้งแต่ที่เห็นนางครั้งแรก เขาก็ถูกกัดไว้แน่นแล้ว
ครานั้น นางงดงามดุจมุกสุกสว่างในค่ำคืนอันมืดมิด มันกระแทกเข้าหัวใจอันแข็งกร้าวของเขา
ทำให้เขามองนางอย่างสงบ
จากนั้นเป็นต้นมา… ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาจากความล้มเหลวจากการกลับมาเกิดใหม่ เขาก็จะตามหาเงาร่างของนางด้วยสัญชาติญาณ เขามักจะเจอความสงบจากตัวนาง ทำให้เขาสามารถสกัดกลั้นความต้องการทำลายทุกอย่างที่กัดกินเขาไม่หยุด
เพราะว่านาง เขาควบคุมพลังของตนเองได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เพราะว่านาง ความต้องการทำลายล้างที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องค่อยๆ สลายไป
เพราะว่านาง เขาสามารถควบคุมพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของตนเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นเขาเห็นนางเป็นภรรยาของเขาตั้งแต่แรกแล้ว และมาอยู่ข้างกายนางในที่สุด และได้รับการตอบรับของนาง นางถึงกับให้กำเนิดบุตรน่ารักน่าชังให้เขาตั้งแต่แรก ช่วยให้เขาหลีกเลี่ยง ‘ทางอ้อม’ ได้มากมาย
บัดนี้…
หรงอี้ตกลงแล้ว เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร เขาปฏิเสธไม่ได้
ภายใต้ดวงตาของภรรยาที่มองมาคู่นั้น เขาปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย
เยี่ยนอวี๋ยิ้ม นางกอดสามีนางแน่นอีกครั้ง “เชื่อข้า”
หรงต้าซือมิ่งที่ประคองท้ายทอยของภรรยาไว้เบาๆ เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า “อื้ม” ไม่เช่นนั้นภรรยาร้องไห้อีกจะทำอย่างไร ทนไม่ได้หรอก ทั้งสงสารและเป็นห่วง ดังนั้น… เยี่ยนอวี๋จึงตอบหลังจากนั้นว่า “ราชาแห่งความไร้ระเบียบ เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่หรือ”
ราชาแห่งความไร้ระเบียบที่แปลงกายเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ปรองดองกับเจ้า ให้เจ้าทำลายสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ผลักดันความเป็นระเบียบเป็นไร้ระเบียบอีกครั้ง ช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากนั้นเจ้าก็จะสามารถกำจัดข้าและครอบครัวข้าได้ในยามที่สามีข้าเวียนว่ายตายเกิดหรือประสบอุบัติเหตุ
ราชาแห่งความไร้ระเบียบ เจ้าวางแผนไว้ได้ดีจริงๆ แต่เหตุใดข้าต้องทำข้อตกลงที่ข้าขาดทุนกับเจ้าเล่า” เยี่ยนอวี๋ที่เอ่ยขึ้นชัดถ้อยชัดคำ หลังจากที่นางพูดจบก็มองไปที่ราชาแห่งความไร้ระเบียบจากเดิมที่มองสามี แววตาคมชัด
ใบหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียวของราชาแห่งความไร้ระเบียบชะงักเล็กน้อย ทว่า…
ราชาแห่งความไร้ระเบียบสูดหายใจเข้าลึกอย่างไม่รู้สึกประหลาดใจมากนัก พูดว่า “แต่เจ้าเยี่ยนอวี๋มีเพียงหนทางเดียว มิเช่นนั้นเจ้าและสรรพชีวิตสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต้องตาย สามีและลูกของเจ้าจะสูญเสียภรรยาและมารดา
เพราะว่าข้าไม่มีทางอยู่นิ่งเฉย และไม่มีเวลาให้เจ้าคิดมากกว่านี้ ตราบใดที่เจ้าปฏิเสธ ข้าก็จะทำลายล้างทันที แม้จุดจบของข้าคือการถูกสามีเจ้าทำลายก็ไม่เป็นไร”
ประโยคสุดท้าย ราชาแห่งความไร้ระเบียบกล่าวอย่างเด็ดขาด เขาเองก็คิดจะทำเช่นนี้จริงๆ เช่นกัน เพราะว่าเขารู้ดีว่า… หากเขาไม่ทำลายโลกทันที อำนาจเหนือกว่าคงไปตกอยู่ในมือของผู้อื่น ดังนั้นเขาต้องบีบคั้นให้เยี่ยนอวี๋ตัดสินใจเลือกวิธีที่เป็นประโยชน์ต่อเขา ให้เขาทำลายล้างโลกได้สำเร็จและให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ทำให้เขาได้ท้าทายเจ้าแซ่หรงตอนที่เขาอ่อนแอ
หากว่า… เยี่ยนอวี๋ไม่เลือกตามที่เขาต้องการ เช่นนั้นก็ต้องตายกันไปข้าง
ดวงตาจำลองของราชาแห่งความไร้ระเบียบเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและโอหัง และนี่ก็คือตัวตนที่แท้จริงของเขา คือความโกลาหล ไร้ระเบียบและคลุ้มคลั่ง
ดังนั้นเขาจึงเริ่มนับถอยหลัง “เวลาสามลมหายใจ ข้าให้เวลาเจ้าเพียงสามลมหายใจ ตกลงคำขอของข้า ตอบแทนสามีเจ้าที่เสียสละเพื่อเจ้า อย่างน้อยก็ให้เขาไม่ต้องเสียภรรยาในตอนนี้ ส่วนอนาคต เป็นดั่งที่เขาพูด ยังมีความเป็นไปได้อีกมากมาย
ไม่แน่ว่าสุดท้ายข้าพ่ายแพ้เล่า สามีเจ้ามีความสามารถไม่ธรรมดา เจ้าควรเชื่อในความสามารถของเขามิใช่หรือ ก็แค่ยังไม่ได้ผสานร่างพลังร่างสุดท้ายเท่านั้น สำหรับเขาแล้วบางทีอาจจะไม่มีอะไร”
จำเป็นต้องพูดว่า… ราชาแห่งความไร้ระเบียบใช้จิตวิทยาโจมตีเก่งมาก
หลังจากที่เยี่ยนอวี๋รู้แผนการชั่วร้ายของเขาแล้ว เขายังคงสามารถใช้จิตวิทยาอันเปลือยเปล่าโจมตีได้
ตราบใดที่เยี่ยนอวี๋เชื่อว่าสามีนางแข็งแกร่ง สามารถทำลายราชาแห่งความไร้ระเบียบได้ก่อนที่เขาจะทำลายพวกเขาทั้งครอบครัว นางก็จะหวั่นไหว
เยี่ยนอวี๋เองก็หวั่นไหวแล้วจริงๆ … เพราะว่านางรู้ดีมากว่าสามีของนางแข็งแกร่งมากจริงๆ อีกทั้งสามีของนางก็ทำเพื่อนางมามาก มากมายจริงๆ บางทีให้เวลาสามีนางอีกเล็กน้อย เขาก็จะแก้ไขปัญหาที่พวกเขาเผชิญตอนนี้ได้
ไม่สิ ควรพูดว่า ตราบใดที่ให้เวลาสามีนางอีกเล็กน้อย เขาต้องสามารถแก้ไขปัญหาที่เผชิญในตอนนี้ได้แน่นอน
แต่สิ่งที่ต้องแลกคือ… นางต้องเสียคนรักและลูกน้องทั้งหมด รวมถึงจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่นางสร้างเองกับมือ
เยี่ยนอวี๋… นางจึงตระหนักได้ว่าสามีของนางต้องเผชิญกับความลำบากใจเมื่อครั้นตัดสินใจอยู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้ากับนาง
เขาต้องอาวรณ์บ้านและครอบครัวเหมือนนางแน่นอน แต่เขาก็ตัดใจทิ้งพวกเขา
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือ… การตัดใจทิ้งของเขาไม่ใช่การทำให้บ้านและครอบครัวเขาหายสาบสูญ ส่วนของนางคือหากนางตัดใจทิ้งก็จะสูญเสียบ้านและครอบครัวไป
ดังนั้นนางทำไม่ได้ นางต้องเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นทันทีที่ราชาแห่งความไร้ระเบียบพูดจบ เยี่ยนอวี๋ที่ตัดสินใจ นางก็หันกลับไปมองสามีของนาง
ดวงตาสองคู่สบกัน… ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ต้าซือมิ่งจูบหน้าผากของภรรยา “ข้าจะพิทักษ์เจ้าเอง ข้าจะช่วยเจ้าถ่วงเวลา”
เมื่อเขาพูดจบ…
จุ๊บ เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ไม่อยากเป็นผู้ไร้ตัวตนอีกต่อไป เขาก็รีบจูบท่านแม่เขาทีหนึ่ง “ยังมีเป่า”
เยี่ยนอวี๋ที่ถูกสองพ่อลูกจูบคนละทีตาเป็นประกายเล็กน้อย นางกอดสองพ่อลูกไว้แน่น และจูบพวกเขากลับคนละที “อื้ม รอ…”
คำว่า ‘ข้า’ คำสุดท้ายยังไม่ทันเปล่งออกมา เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกว่าราชาแห่งความไร้ระเบียบเริ่มทำลายล้างแล้ว
ความจริงก็เป็นดังเช่นนั้น…
ตูม
พลังทำลายล้างอันโกลาหลระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา มันทำลายเกราะป้องกันที่เทียนตี้และเซ่าเฮ่าร่วมกันสร้างทันที เกิดเสียงดัง แคร่ก
ไม่เพียงเท่านี้…
ราชาแห่งความไร้ระเบียบไม่เพียงแต่โจมตีเท่านั้น เขายังเยาะเย้ยอย่างรู้เท่าทันอีกด้วย “เจ้าคิดจะกำจัดข้าก่อนที่ข้าจะทำลายล้างโลกรึ ฝันไปเถอะ”
แม้จะไม่ได้ยินว่าครอบครัวตรงหน้าพูดอะไร ในฐานะที่เป็นราชาแห่งความไร้ระเบียบที่มีอายุยาวนานกว่าเยี่ยนอวี๋ เขาผู้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาไม่น้อยคาดเดาได้จากท่าทีของเยี่ยนอวี๋ว่านังหนูคนนี้นอกจากจะไม่คิดจะปรองดองกับเขาแล้ว ยังคิดจะกำจัดเขาด้วย
นางคงต้องการศึกษาพลังที่ทำให้นางสามารถโจมตีเขาได้ต่อไป และกำจัดเขาด้วยตนเอง เช่นนี้นางก็จะไม่ถูกเขาจำกัด และทำให้แผนการทั้งหมดของเขาล้มเหลว
ฮึ ช่างทะเยอทะยานจริงๆ
เช่นนั้นก็ลองดู ดูซิว่าใครจะสังหารใครได้ก่อน
ราชาแห่งความไร้ระเบียบที่ไม่พล่ามอีกต่อไปสั่นสะเทือนทั่วทั้งร่าง พลังทำลายล้างเช่นแมงกะพรุนนับไม่ถ้วนแทรกซึมเข้าไปในจักรวาลดั้งเดิมอย่างรวดเร็ว มันปลุกปั่นความไม่เสถียรทั่วทุกบริเวณของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
แดนมนุษย์
ครืน
แผ่นดินไหวอีกครั้ง
ฟู่
ภูเขาไฟปะทุอย่างบ้าคลั่งและต่อเนื่อง
ยมโลก
ก๊า
ผีร้ายคลุ้มคลั่งอีกครั้ง
กัวกัว…
วิญญาณที่ขุ่นเคืองและวิญญาณร้ายพากันคลุ้มคลั่ง
แดนสวรรค์…
ทุกอย่างสงบนิ่ง สงบนิ่งจนน่าประหลาดใจ ทำให้ราชาแห่งความไร้ระเบียบชะงัก “เกิดอะไรขึ้น”
“นั่นสิ เกิดอะไรขึ้น” ซีหวังหมู่ถามคำถามเดียวกับเขา มันเองก็รู้สึกได้ว่าแดนสวรรค์มั่นคงมาก มั่นคงเกินไปแล้ว
แม้เยี่ยนอวี๋จะเรียกเหล่าขุนเขาและท้องทะเลโบราณกว่าครึ่งออกมาปกปักษ์ดูแลแดนสวรรค์ แต่เหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่ปกปักษ์ดูแลแดนมนุษย์และยมโลก ตามหลักแล้วจะต้องดูแลแดนมนุษย์และยมโลกให้มั่นคงเหมือนแดนสวรรค์จึงจะถูก ถึงอย่างไรอาณาเขตของแดนมนุษย์และยมโลกก็เล็กกว่ามาก
ตอนที่เยี่ยนอวี๋บัญชาลูกน้อง นางไม่ได้เลือกที่มักรักที่ชังเพียงเพราะแดนสวรรค์คือศูนย์กลางของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดังนั้น “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
เทพทุกองค์ที่รับรู้ถึง ‘ตัวแปร’ ล้วนเกิดความสงสัยเหมือนกับราชาแห่งความไร้ระเบียบ เทียนตี้ถึงกับเกือบจะวอกแวกเพื่อสัมผัสแดนสวรรค์ ทว่าหยวนสื่อเทียนจุนรับรู้ถึงสาเหตุได้ก่อนที่เขาจะ ‘ทำความผิด’ หยวนสื่อเทียนจุนโพล่งพูดว่า “ทวยเทพแดนสวรรค์และเหล่าประชาเทพกำลังรักษาความมั่นคงของมิติปริภูมิของตนเอง แม้แต่เด็กน้อยเองก็ร่วมลงแรง ราวกับว่าคาดคิดไว้แต่แรก พวกเขาเตรียมตัวไว้แล้ว”
นี่มัน…
ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
อู่หลัว แม่ทัพขุนเขาและท้องทะเลที่ดูแลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าส่งเสียงขึ้นว่า “พวกเขาเพิ่งสร้างและเตรียมตัวหลังจากมิติปริภูมิสะเทือนไหวเมื่อครู่นี้”
“เหมือนกับว่าพวกเขายังสามารถเชื่อมต่อกับข้าได้ สามารถช่วยพวกเราปกปักษ์รักษามิติปริภูมิของแดนสวรรค์ได้” นี่คือเสียงที่ส่งมาจากจิ้งจอกเก้าหางของอาณาจักรชิงชิว
“ใช่แล้ว” เทพขุนเขาอู่หลัวสำทับ
“จริงตามนั้น” พยัคฆ์มังกรสำทับ
“ใช่แล้ว” เทพโกวหมางสำทับ
“ใช่แล้ว” …
เหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่ปกปักษ์ดูแลแดนสวรรค์ต่างส่งเสียงมาทางทะเลสาบสือซ่าไห่ ทำให้เยี่ยนอวี๋ที่ต่อสู้อยู่แนวหน้ารู้สึกวางใจ และก็ทำให้เทียนตี้รู้ว่า… แดนสวรรค์กำลัง ‘ต่อสู้’ อยู่แล้ว
เหล่าทวยเทพสวรรค์ที่ผ่านเหตุการณ์มามากมาย ในที่สุดก็ได้ใช้พลังความสามารถของพวกเขาในฐานะเทพ เซียน และมหาเทพ ไม่ใช่ผู้อ่อนแอที่เป็นได้แค่ฝ่ายรับ และต้องถูกปกป้องตลอดเวลาอีกแล้ว
พวกเขาคือผู้แข็งแกร่งที่บำเพ็ญตนจนเป็นเทพ
พวกเขาคือเซียนที่รับหน้าที่ผู้หนึ่งแต่เพียงผู้เดียวได้
พวกเขาคือเทียนอ๋องผู้ควบคุมกฎสวรรค์
…
ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ดีที่สุดเมื่อเผชิญกับการทำลายล้าง และนั่นก็คือการปกป้องพื้นที่เล็กๆ ที่พวกเขาสามารถทำได้
เพื่อปกป้องปฐมราชินีของพวกเขา เทียนตี้ และเหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่ปกป้องพวกเขาอยู่ด้านหน้า อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาไม่ต้องฟุ้งซ่านคิดถึงพวกเขา
และผู้ริเริ่มทั้งหมดนี้คือ… เยี่ยนชิงและจางอวิ๋นเมิ่ง เยี่ยนจื่อเยี่ยและเยี่ยนจื่อเสา แขกทุกท่านที่มาร่วมดื่มยินดีและยังอยู่ในจักรวาลดั้งเดิม
ตั้งแต่ที่ต้าซือมิ่งทำให้ราชาแห่งความไร้ระเบียบหวาดหวั่น ฝ่ายหลังเริ่มยื่นข้อเสนอปรองดอง เยี่ยนชิงก็เสนอวิธีการนี้ขึ้นมาเป็นคนแรก เขาที่รักบุตรสาวเป็นอย่างมากไม่อยากนั่งดูเฉยๆ อยู่ข้างหลังอย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้จริงๆ
ในอดีต… เขาเป็นคนแก้ไขปัญหาทั้งหมดให้บุตรสาว แต่ตั้งแต่ที่บุตรสาวมีเสี่ยวเป่าและพาเขากลับมาสำนัก กลับกลายเป็นนางที่คอยต่อสู้เพื่อช่วยเขา ช่วยสำนัก ช่วยโยวตู ช่วยต้าซาง กระทั่งจักรวาลทั้งจักรวาล
ส่วนเขาที่เป็นพ่อคนนี้ กลับไร้ประโยชน์
เยี่ยนชิงเสียใจมาก แต่เขาก็ไม่ได้บุ่มบ่ามพุ่งออกมา เขาจึงเสนอให้ทุกคนปกป้องอย่างสุดความสามารถ แม้จะแค่พื้นที่เล็กๆ ก็ตาม
และข้อเสนอนี้ก็มีจางอวิ๋นเมิ่งเป็นผู้สานให้สำเร็จ นางเสนอทุกชั้นสวรรค์ ทุกๆ เผ่า ทุกๆ อาณาจักร ทุกๆ เมือง… สามารถทำให้สรรพชีวิตเริ่มลงมือปฏิบัติ
เยี่ยนจื่อเยี่ยจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นถึงเทียนอ๋องสวรรค์ชั้นหนึ่ง เขาจึงไปปฏิบัติการที่สวรรค์ชั้นหนึ่งทันที
ส่วนซวงเสวี่ยเทียนอ๋อง หลังจากที่จัดแจงเรื่องในแดนมนุษย์เสร็จแล้วก็ไปยังชิงชิว และเริ่มระดมพลที่นั่น
ส่วนเทียนอ๋องเบิกฟ้า หลังจากที่จัดแจงสวรรค์ชั้นสองที่ตนเองรับผิดชอบเสร็จแล้วก็ไปยังยมโลกพร้อมฟ่านเจียงที่ยังเป็นยมราช แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายบกพร่อง พวกเขาจึงช้าไปเล็กน้อย
ส่วนเยี่ยนชิง จางอวิ๋นเมิ่งและเยี่ยนจื่อเสาย่อมกลับมายังโลกมนุษย์ บัดนี้อยู่กับอินสวินอี้
…
ทุกคนและเทพทุกองค์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เริ่มลงมือแล้ว
ไม่ใช่มีเพียงเยี่ยนอวี๋พวกเขาที่สู้รบอยู่แนวหน้า
ดังนั้น… แดนสวรรค์ในเวลานี้มั่นคงมาก
แดนมนุษย์ ยมโลกก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ส่วนในทะเลสาบสือซ่าไห่… ต้าซือมิ่งลงมือแล้ว
***************