ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 11 สินค้าหมดคลัง

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 11 สินค้าหมดคลัง

เมื่อได้ยินคำถามของไป๋ชิวหราน ถังเวยก็กัดริมฝีปากลังเลอยู่เล็กน้อย

“ข้าชื่อถังรั่วเวย องค์หญิงคนโตของรัฐซ่างเสวียน” ถังเวย ไม่สิ ถังรั่วเวยตอบ

“รั่วเวย…เป็นชื่อที่ดี” ไป๋ชิวหรานยิ้มพร้อมจับมือนาง

“เอาล่ะ ที่ข้าต้องการจะบอกก็คือ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเพศอะไร ไป๋ชิวหรานคนนี้จะยังคงปฏิบัติกับเจ้าเฉกเช่นสหายดังเดิม หากมีสิ่งที่ต้องการให้ช่วย ข้าจะทำในฐานะสหายไม่ใช่เพราะเพศ ตัวตน หรือความสามารถของเจ้า หากเจ้ามีปัญหาเรื่องใดก็สามารถบอกไป๋ชิวหรานคนนี้ได้เสมอ ไป๋ชิวหรานจะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ” หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาจึงกล่าวต่อ “ดังเช่นตอนนี้”

“ไม่เป็นไร ข้าโชคดีพอแล้ว” ถังรั่วเวยลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “ท่านช่วยชีวิตข้าก่อนหน้านี้ ข้าจึงไม่มีคุณสมบัติพอจะขอความช่วยเหลือจากท่านอีก…นอกจากนี้ข้าจะกลับเมืองหลวงเพื่อไปร่วมพิธีบูชาสวรรค์ประจำปี อย่างน้อยข้าก็มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง พวกคนชั่วคงไม่กล้าลงมือกับข้าหรอก”

“จริงหรือ? เช่นนั้นก็ตกลง”

เมื่อเห็นถังรั่วเวยไม่ขอสิ่งใด ไป๋ชิวหรานจึงไม่คิดที่จะพูดถึงมันอีก เขาจึงได้เปลี่ยนเรื่องสนทนาเป็นอย่างอื่น “น้องถัง…แม่นางถังจะกลับเมืองหลวงเลยหรือไม่?”

“ข้าจะกลับไปแจ้งข่าวกับชาวบ้านของเมืองใต้เชิงเขาเหมิงก่อน จากนั้นจึงค่อยกลับเมืองหลวง” ถังรั่วเวยเหลือบมองไป๋ชิวหราน “แล้วท่านล่ะ? หาสมุนไพรครบแล้วจะกลับเลยหรือไม่?”

ไป๋ชิวหรานยิ้มพร้อมส่ายหัว “ไม่ ๆๆ ข้าเพิ่งหาสมุนไพรกลั่นโอสถได้ชนิดเดียว ตอนนี้ข้ายังต้องหาอีกชนิดไว้เอาไปกลั่นเพิ่มเพื่อยืดอายุขัย”

“ข้าว่าจะไปยังเมืองหลวงของรัฐซ่างเสวียน มีส่วนผสมบางอย่างที่ข้าสามารถซื้อจากที่นั่นได้ แล้วก็…ข้ารู้สึกสนใจเกี่ยวกับเรื่องมหาราชครูจากสำนักกระบี่ชิงหมิงที่เจ้ากล่าวถึงอย่างมาก”

ถังรั่วเวยยิ้ม “ตกลง เช่นนั้นครั้งนี้ข้าจะเป็นคนชวนท่านเอง เช่นนั้นระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของซ่างเสวียน ท่านอยากร่วมเดินทางกับข้าหรือไม่?”

“แน่นอน” ไป๋ชิวหรานยิ้มอย่างมีความสุข “หากต้องเดินทางคนเดียวละก็ ข้าคงรู้สึกเบื่อแย่”

หลังจากเก็บสมุนไพรอีกสองสามชนิด เขาก็ออกเดินทางไปกับถังรั่วเวยซึ่งยังคงปลอมตัวเป็นชาย ระหว่างทางนางก็กลับไปแจ้งข่าวให้ชาวบ้านทราบเรื่องการปราบปีศาจสำเร็จ

ไป๋ชิวหรานยังคงติดตามเรื่องนี้ตลอดทาง แน่นอนว่าขณะที่เขาเฝ้าดูปีศาจพวกนั้น มันยังมีคนถูกฆ่าตายใกล้ ๆ ภูเขาเหมิง โดยที่พวกเขาถูกสูบเลือดจนร่างกายแห้งเหี่ยว

แต่หลังจากที่เขาและถังรั่วเวยปราบอสูรซากศพทั้งหมด เรื่องเช่นนี้ก็ไม่เกิดขึ้นอีก

ไป๋ชิวหรานไม่ได้บอกถังรั่วเวยเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ แต่เตรียมที่จะตรวจสอบด้วยตัวเองอย่างช้า ๆ เขามีลางสังหรณ์ว่าเรื่องนี้น่าจะมีบางอย่างที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับรัฐซ่างเสวียน

หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยจึงเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงของรัฐซ่างเสวียน

ไป๋ชิวหรานไม่ได้ให้ความสนใจมากนักกับความจริงที่ถังรั่วเวยเป็นสตรี เพราะเขาไม่เคยมีความคิดแย่ ๆ เกี่ยวกับถังรั่วเวยมาก่อน

แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะพลังมาถึงสามพันปี เขาก็ยังปรารถนาที่จะมีคู่เคียงดังเช่นศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนัก แต่ความชอบส่วนตัวของไป๋ชิวหรานนั้นก็ยังคงมีเหมือนบุรุษทั่วไป

กล่าวตามตรง เขาชอบสตรีที่มีหน้าอกใหญ่และมีสะโพกที่ชัดเจน ไป๋ชิวหรานไม่สนใจสตรีที่มีหน้าอกเป็นกล้ามที่แน่น หรือแบนกว่าเขา

ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยต่าง ๆ เขาจึงระมัดระวังการกระทำและเป็นสุภาพบุรุษตลอดทาง อีกทั้งยังไม่ทำสิ่งที่เกี่ยวกับการหว่านเสน่ห์ให้ถังรั่วเวยเลยแม้แต่น้อย

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทั้งสองก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงของรัฐซ่างเสวียน ซึ่งมันเป็นเมืองที่ใหญ่และประชากรมากที่สุดในรัฐ

ด้านหน้าประตูเมือง ถังรั่วเวยที่ยังคงแต่งเป็นชายกำลังบอกลากับไป๋ชิวหราน

นางยิ้มก่อนจะกล่าวอำลา “ลาก่อน ไป๋ชิวหราน ถึงแม้ข้าจะรู้สึกไม่ชอบตอนที่ท่านชวนข้าดื่ม แต่ท่านก็พูดถูก การมีสหายนับว่าเป็นสิ่งที่ดี ข้ารู้สึกดีอย่างมากที่ได้เดินทางร่วมกับท่านครั้งนี้”

“ลาก่อนแม่นางถัง” ไป๋ชิวหรานกล่าวคำอำลาเช่นกัน “ดูแลตัวให้ดี พวกเราคงมีโอกาสได้พบกันอีก”

“ลาก่อน”

ทั้งสองกล่าวคำอำลาอย่างสุภาพ ไป๋ชิวหรานยืนมองดูถังรั่วเวยเดินไปหาทหารของรัฐซ่างเสวียนพร้อมแสดงตราให้พวกเขาเห็น จากนั้นนางจึงจากไปภายใต้การดูแลขององครักษ์และทหาร

มิตรภาพระหว่างสุภาพบุรุษนั้นเป็นเสมือนสายน้ำ แต่มิตรภาพระหว่างผู้ฝึกตนนั้นลึกล้ำยิ่งกว่า ไม่ว่าจะการบ่มเพาะพลัง อายุขัย ความพ่ายแพ้และภัยพิบัติต่าง ๆ บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังนั้นทำให้ชีวิตของผู้ฝึกตนวุ่นวาย และมักจะเต็มไปด้วยตัวแปรที่ต้องแยกทางกัน

ผู้ฝึกตนนอกจากจะต้องเรียนรู้ที่จะหยิบ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางด้วย

หลังจากผ่านมาสามพันปีและต้องเดินทางหลายครั้ง ไป๋ชิวหรานก็คุ้นเคยกับการจากลาแบบนี้มานานโดยไม่ได้สนใจเรื่องอายุและความสามารถ เขาเป็นสหายกับถังรั่วเวยตามอารมณ์ และโดยปกตินิสัยแล้ว เขายังถือว่าถังรั่วเวยเป็นสหายเช่นเดิม

ในช่วงเวลาที่ถังรั่วเวยมีชีวิตอยู่ ไป๋ชิวหรานจะปฏิบัติกับนางในฐานะมิตรสหาย หากผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี เมื่อถังรั่วเวยจากโลกนี้ไปแล้ว เขาจะนำไหสุราไปยังสุสานของสหายเพื่ออำลา

ความสุข ความกตัญญู และความเกลียดชัง นี่คือวิถีชีวิตของเขา

หลังจากกล่าวอำลากับสตรีน้อยที่น่าสนใจอย่างถังรั่วเวยเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานจึงเดินทางไปทำธุระของเขาต่อ เพราะนอกจากโอสถสร้างรากฐานแล้ว เขายังต้องกลั่นโอสถอายุยืนเพิ่มด้วย

ขณะเดียวกันร้านขายยาในเมืองก็มีเม็ดยาที่เขาต้องการอยู่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงวางแผนที่จะเริ่มหาจากตรงนี้

ในเมืองหลวงนั้น มีตลาดที่จัดตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับผู้ฝึกตน ถึงแม้คนที่มายังตลาดนี้จะไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสูง หรือร้านจะไม่ได้ขายของมีค่ามากมายนัก แต่มันก็ยังมีของที่ไป๋ชิวหรานต้องการ

ยิ่งกว่านั้นในบางโอกาส เหล่าผู้นำของโลกแห่งการบ่มเพาะพลังก็มักจะมายังตลาดแห่งนี้เพื่อซื้อขายของมีค่า ยกตัวอย่างเช่น ไป๋ชิวหรานเคยรู้มาว่าเจวี๋ยอวิ๋นจื่อ และบรรดาผู้อาวุโสมักจะย่องมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนวัตถุดิบ หรือของวิเศษที่พวกเขาหาได้ระหว่างการเดินทาง

บางครั้งไป๋ชิวหรานก็เห็นด้วยกับคำพูดของถังรั่วเวย ในหมู่ของพวกผู้ฝึกตนนั้นมักจะมีคนที่เห็นแก่ตัวโดยเฉพาะผู้ฝึกตนระดับสูง

เมื่อย้อนนึกถึงความทรงจำตอนช่วงร้อยปีก่อน ไป๋ชิวหรานเคยพบทางเข้าตลาดผ่านเขตอาคม ดังนั้นเขาจึงเดินผ่านกำแพงที่เป็นทางตันในเมืองหลวงของรัฐซ่างเสวียน จากนั้นจึงเข้าไปยังอีกมิติได้

หลังจากผ่านมิติที่เต็มไปด้วยเมฆและหมอกหลังประตูกำแพง หนทางกว้างก็ปรากฏตรงขึ้นตรงหน้าไป๋ชิวหราน ทั้งสองข้างทางมีแผงลอยตั้งอยู่โดยเหล่าผู้ฝึกตน พวกเขานำของที่หาได้จากทั่วทุกมุมโลกมาวางขาย หรือแม้แต่อาวุธวิเศษ ในบรรดาอาคารทั้งสองข้างทางยังมีร้านค้าที่เปิดโดยสำนักบ่มเพาะพลังขนาดเล็กและขนาดกลางในสภาพที่เก่าแก่อยู่ ซึ่งมุ่งเป้าหมายไปยังผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานขึ้นไป

ไป๋ชิวหรานเดินเข้าไปโดยไม่สนคำทักทายรอบด้าน เขาเดินผ่านถนนและตรงไปยังร้านค้าขายวัตถุดิบสำหรับหลอมยาที่เปิดโดยสำนักหลอมยาขนาดเล็ก

เขายื่นรายชื่อที่ต้องการให้ผู้ดูแลร้าน หลังจากรับรายชื่อสิ่งของมาอย่างกระตือรือร้น แต่ท้ายที่สุดผู้ดูแลร้านก็ต้องส่ายหัว

“อะไรนะ? ไม่มีอีกแล้วหรือ?” ไป๋ชิวหรานเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็แค่วัตถุดิบธรรมดาและไม่ค่อยมีประโยชน์เท่านั้น”

“ต้องขออภัยนายท่าน เมื่อไม่นานมานี้มีคนมากว้านซื้อของเหล่านี้จำนวนมาก” เถ้าแก่ร้านกล่าวขอโทษจากใจจริง

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเขียนรายชื่อของบางอย่าง และส่งให้เถ้าแก่ร้าน

“เถ้าแก่ลองดูสิ ของพวกนี้ก็หมดคลังด้วยใช่หรือไม่?”

เถ้าแก่ร้านมองดูและพยักหน้า “ถูกต้อง ของชุดนี้ถูกซื้อไปพร้อมกับชุดที่นายท่านขอมา…เหตุใดนายท่านถึงทราบว่าของเหล่านี้หมดคลังแล้ว?”

“อืม ดูเหมือนคนที่ซื้อของพวกนี้จะอยู่ขั้นพลังเดียวกับเราสินะ”

ไป๋ชิวหรานกล่าวกับตัวเอง จากนั้นเขาจึงเก็บรายชื่อวัตถุดิบพร้อมกล่าวขออภัยและเดินออกจากร้านทันที

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท