ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 26 นี่มัน… สิ่งที่สวรรค์สรรค์สร้างหรืออย่างไร

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 26 นี่มัน… สิ่งที่สวรรค์สรรค์สร้างหรืออย่างไร?

หลังจากถังรั่วเวยได้วิชาหลอมสร้างกาย ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจอธิบายได้ นางจึงฝึกฝนมันจนถึงเที่ยงคืน

เมื่อเหงื่อไคลเริ่มไหลซึมออกมา นางก็ตระหนักได้ว่าเข้าสู่การฝึกระดับที่หนึ่งแล้ว

กลับมายังห้องของนาง ถังรั่วเวยเห็นว่าโต๊ะจัดเรียงกันอยู่ไม่ไกลนัก หญิงสาวสังเกตว่ามีพลังบางอย่างปรากฏอยู่รอบ ๆ นั้น อีกทั้งเนื้อและหมั่นโถวยังคงอุ่นอยู่

ดูเหมือนไป๋ชิวหรานจะเป็นคนรักษาอุณภูมิของอาหารเอาไว้โดยใช้วิชาบางอย่างที่ทำให้อุ่นตลอดเวลา

ความรอบคอบนี้ทำให้หัวใจของถังรั่วเวยรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย นางกัดหมั่นโถวเข้าไปหนึ่งคำก่อนจะเห็นว่ามีกระดาษอยู่ภายในหมั่นโถวอีกที ภายในนั้นเขียนไว้ว่า ‘ข้าจะออกไปหาสถานที่ฝึกให้เจ้าข้างนอก เจ้าควรเข้านอนแต่หัวค่ำ อย่าฝึกฝนหนัก หรือฝืนจนเกินไป มิเช่นนั้นสิ่งที่เจ้ามีอยู่อาจจะระเบิดได้’

แคว่ก!

ถังรั่วเวยฉีกกระดาษออกอย่างเย็นชา ความรู้สึกอบอุ่นก่อนหน้าที่ปรากฏขึ้นในใจนางได้หายไปทันที มันถูกแทนที่ด้วยอารมณ์มืดมนและโทสะนิด ๆ นางจับหมั่นโถวและกินอย่างรุนแรงราวกับคิดว่ามันเป็น ‘ใครบางคน’ แม้แต่น้ำซุปยังกระเซ็นด้วยอารมณ์ของนาง

แต่ท้ายที่สุดมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะไป๋ชิวหรานไม่ได้อยู่ที่นี่ เมื่อจัดการอาหารบนโต๊ะจนหมด ถังรั่วเวยก็รู้สึกประหลาดใจว่านางบริโภคอย่างหนักหลังจากฝึกฝนเพียงไม่นาน

ถังรั่วเวยวางม้วนคัมภีร์ลงด้วยความบรรจง ขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าติดกับผิวหนังด้วยเหงื่อไคล ดังนั้นนางจึงตัดสินใจไปอาบน้ำ

บนภูเขาชีซิงนั้นไม่มีโรงอาบน้ำ แม้ว่าร่างกายของไป๋ชิวหรานจะเปื้อน เขาก็ใช้เพียงอาคมเล็กน้อยเพื่อแก้ปัญหา แต่มันก็ยังคงมีสถานที่สำหรับอาบน้ำบนยอดเขาชีซิง นั่นคือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ตั้งอยู่ด้านข้างเชิงเขา ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยไป๋ชิวหรานเพื่อใช้สำหรับแช่ผ่อนคลาย

หลังจากคิดได้ชั่วครู่ ถังรั่วเวยจึงนำเสื้อผ้าและกล่อง ๆ หนึ่งใต้เตียงออกมา หลังจากนั้นนางก็ค่อย ๆ เปิดกล่องราวกับระมัดระวังบางสิ่ง นางนำหน้าอกปลอมสองชิ้นจากด้านในกล่องออกมา และซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุม ก่อนจะเดินลงภูเขาไปยังบ่อน้ำพุร้อน

ภายในบ่อน้ำพุร้อนมีฝูงลิงป่าแช่ตัวอยู่ ลิงเหล่านี้เป็นสัตว์เจ้าถิ่นที่อยู่ในยอดเขาชีซิง เมื่อเห็นถังรั่วเวยมา พวกมันไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีลิงสองตัวหันมาเกาบั้นท้ายสีแดงให้ดู จากนั้นจึงทำการทักทายถังรั่วเวยและแสดงท่าทีเป็นมิตร

ถังรั่วเวยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถอดเสื้อผ้าออก

หลังจากวางเสื้อผ้าลงบนพื้น ร่างกายอันเปลือยเปล่าของถังรั่วเวยก็ถูกเผย นางมีผิวสีขาวนวล บั้นท้ายที่กลมสวย สะโพกและขาที่เรียวยาว กล่าวได้ว่ามันคือความงามในแบบสตรี แน่นอนว่ามีเพียงส่วนเดียวที่ยังเหมือนของผู้ชาย นั่นคือส่วนหน้าอกของนาง

“เจี๊ยก! เจี๊ยก!”

หลังจากที่นางเผยส่วนหน้าอก ลิงตัวเมียที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ได้ร้องออกมาอย่างแปลกประหลาด มันแตะหน้าท้องและยกแขนขึ้นเพื่อแสดงหน้าอกของมันให้ถังรั่วเวยดู

นางมองด้วยใบหน้าที่มืดดำ

บัดซบ แม้แต่ลิงตัวเมียยังมีหน้าอกที่ใหญ่กว่าเรา!

นางนั่งอยู่คนเดียวตรงมุมของบ่อน้ำพุร้อน เมื่อเห็นว่านางอารมณ์ไม่ดี พวกลิงที่อยู่ใกล้ ๆ จึงรีบออกจากบ่อน้ำพุร้อนทันที

พวกมันไม่ได้กลัวนาง แต่กลัวอสุรกายแก่ที่อาศัยอยู่บนยอดเขาชีซิงมาหลายศตวรรษ

“ฮึ่ม ในอนาคตข้าก็จะมีเหมือนกัน…” ในขณะที่ผิวของนางค่อย ๆ จมลงไปยังบ่อน้ำพุร้อน ถังรั่วเวยได้ใช้มือลูบไปยังหน้าอก

บางทีอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกนึกคิดไปเอง แต่นางสามารถรู้สึกได้ว่าหลังจากฝึกฝนวิชาหลอมสร้างกายแล้ว หน้าอกของนางดูเหมือนจะนุ่มและขยายออกมาเล็กน้อย

“มีแล้ว มันกำลังจะขึ้นแล้ว” ขณะอาบน้ำอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ถังรั่วเวยได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างไร้เดียงสา

แต่ทันใดนั้นแผ่นดินก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ระลอกคลื่นได้ปรากฏขึ้นที่ผิวน้ำของบ่อน้ำพุร้อน ดูราวกับน้ำที่อยู่ในชามถูกสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นระลอกคลื่นและสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือน พวกลิงที่ยังเหลืออยู่ในบ่อน้ำพุร้อนจึงส่งเสียงร้องเล็กแหลมกันอย่างต่อเนื่อง และไม่นานก็เกิดความตื่นตระหนกในฝูง

การสั่นสะเทือนยังคงชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้น้ำที่อยู่ภายในบ่อน้ำพุร้อนกระเพื่อมจนทะลักออกไปด้านนอก การสั่นสะเทือนดังกล่าวราวกับการเดินของยักษ์ตัวมหึมา

“เกิดอะไรขึ้น?” ถังรั่วเวยใช้ผ้าเช็ดตัวปิดหน้าอกพร้อมยืนขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อนและมองไปยังทิศของภูเขาชิงหมิง เพราะมีประกายแสงบางอย่างส่องมาจากภูเขาทางนั้น มันคือแสงจากการเดินทางด้วยกระบี่ นอกจากนั้นยังมีเสียงระฆังดังถึงสามครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานซึ่งไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอันใด ระฆังได้เงียบลง และแสงที่เกิดจากกระบี่เหล่านั้นก็หายไปราวกับว่ามีใครเข้ามาหยุดความโกลาหลในบรรดาศิษย์ของสำนักกระบี่ชิงหมิง

ครู่ต่อมาถังรั่วเวยก็เห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนนี้

มันเป็นภูเขาสูงใหญ่ที่มีความสูงกว่าหนึ่งพันจั้ง บนภูเขานั้นไม่มีต้นไม้ใบหญ้า ส่วนบนของมันทำมาจากศิลาสีดำชนิดหนึ่ง ส่วนบนสุดเป็นแท่นแบนราบราวกับใบมีดที่คมกริบ

ขณะเดียวกัน ยอดเขาสูงนั้นกำลังเคลื่อนที่เข้ามาราวกับว่ามันมีขาที่ใช้เดินอยู่ด้านล่าง และมันกำลังเคลื่อนตัวมายังยอดเขาชีซิงทีละน้อย

มันข้ามบรรดายอดเขาหลักของภูเขาชิงหมิงเพื่อมาอยู่ด้านข้างยอดเขาชีซิงอย่างช้า ๆ เมื่อมาถึง ภูเขาประหลาดจึงหยุดเคลื่อนที่ จากนั้นมันก็ลอยขึ้นฟ้าราวกับมีคนโยนขึ้นไป มันลอยขึ้นไปหลายลี้ก่อนจะตกลงมาอยู่ด้านข้างยอดเขาชีซิง เวลานั้นบนท้องฟ้าราวกับมีบางสิ่งที่มีขนาดมหึมาปกคลุมอยู่จนน่าตกตะลึง

ด้วยเหตุนี้จึงมียอดเขาใหม่เพิ่มเข้ามาในภูเขาชิงหมิงถัดจากยอดเขาชีซิง

ถังรั่วเวยอ้าปากค้างและมองยอดเขาตรงหน้าด้วยใบหน้าแข็งค้าง ผ้าเช็ดตัวในมือนางถึงกับหลุดมือตกลงไปยังบ่อน้ำพุร้อน

“นี่มัน… สิ่งที่สวรรค์สรรสร้างหรืออย่างไร?” เมื่อเดินกลับมายังลานบ้าน ถังรั่วเวยก็บังเอิญพบเข้ากับไป๋ชิวหรานที่เพิ่งกลับมาเช่นกัน

อดีตสหายและอาจารย์คนปัจจุบันของนาง เวลานี้สภาพของดูเหมือนเพิ่งกลิ้งลงมาจากภูเขา เส้นผมและชุดคลุมสีขาวของเขาถูกคลุมไปด้วยฝุ่นดิน มันทำให้สภาพของฝ่ายนั้นดูสกปรกอย่างมาก

หลังจากพบนาง ไป๋ชิวหรานจึงเอ่ยทักทายอย่างกระตือรือร้นและถามด้วยความประหลาดใจ “หืม รั่วเวย เจ้าฝึกฝนระดับที่หนึ่งสำเร็จแล้วงั้นหรือ?”

“เอ่อ อ๊ะ…” เมื่อเห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยฝุ่นดินและเหมือนเขาเพิ่งกลับมาจากด้านนอก ถังรั่วเวยจึงพอจะกระจ่างแจ้งบางอย่างได้และเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์ ภูเขาด้านข้าง…”

“อ๊ะ นั่น… ข้าเป็นคนเอามันกลับมาจากทิศตะวันตก” ไป๋ชิวหรานชี้ตัวเองขณะตอบ “ข้าคิดว่าทรัพยากรโครงสร้างบนภูเขาลูกนี้เหมาะอย่างมากสำหรับทำเป็นสถานที่บ่มเพาะพลังธาตุดิน แต่ข้าไม่สามารถใช้วิชากระบี่ล่องนภาได้ มิเช่นนั้นคงจะสามารถแบกมันมาทางอากาศ และไม่สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนแบบนี้”

“…” ถังรั่วเวยอ้าปากอีกครั้ง นางรู้สึกสับสนว่าควรจะตอบอย่างไร “เช่นนั้นมันดึกแล้ว ท่านควรจะเข้านอน…”

ไป๋ชิวหรานประกบมือพร้อมกล่าว “ข้าคิดบทเรียนให้เจ้าได้แล้ว หลังจากวิชาหลอมสร้างกายของเจ้าไปถึงระดับที่สิบ ข้าจะพาเจ้าไปยังภูเขานั้นเพื่อสอนบทเรียนให้”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท