บทที่ 875 ให้ฉันสอนไหม
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด เสียง ‘ฉ่า’ ก็ดังขึ้น ในห้องมืดด้านข้าง เหล็กร้อนๆ ถูกนาบลงบนแผงอกของชายคนหนึ่ง เกิดเป็นเสียงชวนให้ขนลุก ชายคนนั้นกรีดร้องและเกลือกกลิ้งบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
เยี่ยหวันหวั่นมองดูภาพนั้น มุมปากกระตุกเล็กน้อย “นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังใช้วิธีสอบปากคำโบราณๆ แบบนี้อยู่อีก?”
คร่ำครึสมกับเป็นสไตล์ของซือหมิงหรงจริงๆ…
ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นตามากมายก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างไม่รู้สาเหตุ…
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองบอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างกาย แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงดูแคลน “ของอย่างนี้ใช้ได้ผลกับแค่พวกกระจอกเท่านั้นแหละ บอดี้การ์ดกับสายลับที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพจริงๆ แค่แผลภายนอกพวกนี้ไม่ระคายพวกเขาหรอกนะ ยังหวังว่าจะงัดปากพวกเขาได้งั้นเหรอ?”
บอดี้การ์ดสองคนนั้นเงียบกริบ
เดิมทีพวกเขาเตรียมจะขู่ขวัญเยี่ยหวันหวั่น กระทั่งจินตนาการถึงภาพที่เธอกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและร้องไห้คร่ำครวญเอาไว้แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลย เยี่ยหวันหวั่นไม่เพียงเดินทอดน่องเหมือนกำลังชมสวนดอกไม้ในบ้าน แต่ยังวิจารณ์วิธีการสอบปากคำของพวกเขาอย่างดูแคลนอีก?
เยี่ยหวันหวั่นพูดว่า “นี่ พวกนายรู้จักเทคนิคจิตวิทยาการสอบปากคำไหม ให้ฉันสอนให้เอาไหม? มันคือการใช้เทคนิคพิเศษทำลายจิตใจแน่วแน่ของอีกฝ่าย อย่างนี้จะได้ผลกว่า…”
ผู้คมสองคนนั้นฟังเยี่ยหวันหวั่นร่ายยาวไปเงียบๆ
สุดท้าย ทั้งสองคนก็พาเยี่ยหวันหวั่นมาส่งถึงที่ จากนั้นรีบจากไปทันที ราวกับมีปีศาจร้ายอะไรกำลังไล่ตามพวกเขา
“อ้าว? ทำไมไปซะแล้ว ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ…”
เยี่ยหวันหวั่นยืนเกาะกรงเหล็ก ทำหน้าเสียดายมาก
เมื่อเงาร่างทั้งสองวิ่งหายจนลับตา เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงนั่งกลับลงไป เอามือเท้าคาง แล้วทำหน้าสงสัย
น่าแปลก เรื่องเมื่อกี้ที่เธอเพิ่งพูดไป เธอรู้ได้อย่างไรกัน
หรือว่าเคยเห็นในหนังสือเล่มไหนมาก่อน? ทำไมถึงจำไม่ได้เลยสักนิด…
แต่ถึงอย่างไรในสมองของเธอก็มีความทรงจำอยู่ถึงสองชาติ หากจะสับสนหรือลืมเรื่องอะไรไปบ้างก็ไม่แปลก…
……
ในห้องประชุมของจูเสินสือไต้ หลายคนกำลังอ่านบทและหารือกัน
“ให้ตายเถอะวะ ข่าว…ข่าวล่ามาแรง!” กงซวี่ราชาแห่งการกอสซิปเพิ่งจะมาถึงบริษัท ก็พุ่งตัวเข้ามาในห้องทำงานทันที
“กงซวี่ นายมาสายอีกแล้ว!” เยี่ยมู่ฝานกลอกตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ข่าวอะไร นายจะเปิดตัวว่าเป็นเกย์เหรอ หรือว่าราชาจอเงินเซี่ยจะประกาศข่าวแต่งงาน?”
“ใครจะเปิดตัวไม่ทราบ! นายน่ะสิเปิดตัว!” กงซวี่ขึงตาใส่เยี่ยมู่ฝาน ถือมือถือพลางพูดอย่างตื่นเต้น “ตระกูลซือ…ตระกูลซือในตำนานนั่นน่ะ…”
“ตระกูลซือทำไมเหรอ” หานเซี่ยนอวี่ถาม
กงซวี่บอกว่า “มีข่าวออกมาว่าหัวหน้าตระกูลซือป่วยตายไปแล้ว! เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อเช้านี้เอง!”
เยี่ยมู่ฝานเผยสีหน้าตกตะลึง “อะไรนะ หัวหน้าตระกูลซือป่วยตาย? จะเป็นไปได้ยังไง!”
ตระกูลซือ…ในความทรงจำของทุกคนเป็นตระกูลชนชั้นสูงในตำนานที่อยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกเขา ก่อตั้งอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศ และซือเยี่ยหานก็คือประมุขของอาณาจักรนั้น ผู้ที่กุมหางเสือของทั้งตระกูลซือไว้ในมือ
หากเขาตาย ตึกสูงชะลูดฟ้าก็จะถล่มลงมา วงการบริษัทเอเย่นต์ทั่วประเทศก็จะต้องสั่นสะเทือน…
หานเซี่ยนอวี่เปิดปาก “ข่าวลือล่ะมั้ง สื่อสำนักไหนจะกล้าเปิดโปงเรื่องของตระกูลซือ”
กงซวี่เสริม “ไม่มีใครกล้าเปิดโปงจริงๆ นั่นแหละ ข่าวนี้ถูกโพสต์ได้ไม่ถึงห้านาทีก็โดนลบไปแล้ว แต่ฉันแคปไว้ทัน!”
เยี่ยมู่ฝานถึงกับอึ้งงัน แค่ห้านาทีเขาก็ยังเห็นซ้ำยังแคปภาพไว้ทันด้วย ต้องชอบเรื่องซุบซิบนินทาถึงขนาดไหน?
ลั่วเฉินที่กำลังตั้งใจอ่านบทหนังเงยหน้าขึ้นถาม “พี่เยี่ยล่ะครับ ทำไมยังไม่มาอีก”
เยี่ยมู่ฝานโบกมือ แล้วบอกว่า “วันนี้ไม่ต้องรอเธอแล้ว เมื่อกี้เพิ่งส่งข้อความมาบอกฉันว่าสองสามวันนี้ติดธุระ!”
………………………………
บทที่ 876 เขาไม่ได้ตาย
ด้านนอกห้องผู้ป่วย
ใบหน้าของสวี่ฉางคุนตึงเครียดกว่าปกติ “ต้องรีบคิดหาวิธีโดยเร็ว คุณหนูหวันหวั่นถูกคนของซือหมิงหลี่พาตัวไปอย่างนี้จะอันตรายเกินไป แต่ว่าตอนนี้คุณนายใหญ่ยังไม่ฟื้น ทั้งตระกูลซือตกอยู่ในมือพวกผู้อาวุโส แถมพวกเรายังถูกจับตามอง…”
สวี่อวี้ได้ยินเช่นนั้น เขามองหน้าผู้เป็นพ่อเหมือนจะพูดแต่ก็หยุดไป
ตั้งแต่หมอเทวดาซุนบอกว่าจะมีอายุอยู่ได้อีกแค่ครึ่งปี คุณชายเก้าก็เตรียมการเรื่อง ‘งานศพ’ ของตนเองมาตลอด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่คาดการณ์สถานการณ์นี้ไว้
เขาคาดเดาว่า ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ…คุณหนูหวันหวั่นไม่ยอมไปเอง…
ให้ตายเถอะ! ทำไมเรื่องกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ร่างกายของคุณชายเก้าดีขึ้นมากแล้วแท้ๆ…
……
ในห้องผู้ป่วย
หมอเทวดาซุนกำลังหลับตาพลางตรวจชีพจรให้ซือเยี่ยหานอย่างจดจ่อ “รออีกหน่อยเถอะ…”
หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญที่สวมชุดกาวน์สีขาวยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าแข็งกร้าว เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ผู้อาวุโสซุน ถึงคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญมือหนึ่งในด้านการแพทย์ แต่อาการของคุณซือไร้ข้อกังขาแล้ว ยังไงรีบแจ้งให้พวกเขารู้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นแม้แต่โอกาสพบหน้ากันครั้งสุดท้ายก็อาจจะพลาดไปได้!”
แม้เผชิญกับความเคลือบแคลงใจของผู้เชี่ยวชาญ หมอเทวดาซุนก็ยังมีสีหน้าเรียบเฉย “พอมีเรื่องกลุ้มใจ ย่อมส่งผลให้ลมปราณติดขัด ลิ่มเลือดติดอยู่ในปอดนานหลายปี หลังจากที่คุณชายเก้าอาเจียนเป็นเลือด ถึงร่างกายจะอ่อนแอลงมาก อาการก็ดูล่อแหลม แต่ความจริงแล้วถ้าเทียบกับแต่ก่อน ชีพจรกลับเดินคล่องไร้สิ่งกีดขวาง ตอนนี้เขาแค่อยู่ในสภาวะหลับลึก ต้องการเวลาพักฟื้นสักหน่อย…”
หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้ยินหมอเทวดาซุนใช้ศัพท์โบราณ ก็ทำหน้าดูแคลน “ผู้อาวุโสซุน ทั้งหมดนี้เป็นแค่การคาดเดาของคุณฝ่ายเดียว แต่ตัวเลขทุกอย่างจากการตรวจร่างกายบ่งบอกว่าเขาอยู่ได้ไม่เกินครึ่งวันแล้ว!”
ตอนแรกเขาพยายามเสนอให้ทำการผ่าตัด แต่สุดท้ายซุนไป๋เฉ่ากลับเลือกให้โอกาสผู้หญิงคนนั้น คำพูดของซุนไป๋เฉ่ามีอำนาจเหนือเขา คุณนายใหญ่กับหัวหน้าตระกูลก็เชื่อใจฝ่ายนั้นมากกว่า ผลสุดท้ายเป็นอย่างไร ทุกอย่างกลับกลายเป็นอย่างนี้ ดังนั้นครั้งนี้เขาจะยึดมั่นในการวินิจฉัยของตัวเองให้ถึงที่สุด
หมอคนอื่นๆ ต่างก็มีความเห็นอย่างนี้ สภาพหายใจรวยรินขนาดนี้แล้ว ยังจะบอกว่ากำลังหลับอยู่อีก?
“แค่ก…”
ตอนที่หมอเทวดาซุนกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกำลังถกกันเรื่องอาการป่วย ทันใดนั้นเสียงไอแผ่วเบาก็ดังขึ้นในห้องผู้ป่วย
ชั่วขณะนั้น ผู้เชี่ยวชาญและหมอทั้งหมดพากันหันไปมองที่เตียงผู้ป่วย
บนเตียงผู้ป่วย ชายหนุ่มที่ถูก ‘ตัดสินให้ตาย’ ไปแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แววตาของเขาไม่ได้มืดมนไร้ชีวิตชีวาเหมือนคนใกล้ตาย แต่กลับกระจ่างชัดและสดใส
“คุณ…คุณซือ…”
ขณะเดียวกันนั้น กลุ่มผู้เชี่ยวชาญต่างค้นพบด้วยความตกตะลึง บนเครื่องมือทางการแพทย์ที่แม่นยำ สัญญาณทางกายภาพทั้งหมดของซือเยี่ยหานฟื้นกลับมาอีกครั้งแล้ว…
บนเตียงผู้ป่วย ซือเยี่ยหานรู้สึกเหมือนตนเองเดินผ่านถนนอันแสนยาวไกล พอฟื้นขึ้นมา ก็รู้สึกสบายตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขากวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบตัวช้าๆ สุดท้ายก็หยุดจ้องแสงแดดที่ส่องลอดกิ่งต้นไม้นอกหน้าต่างเข้ามาในห้อง…
เขานึกว่าสุดทางเดินคือจุดสิ้นสุดของเขา กลับนึกไม่ถึง…
เขายังไม่ตาย…
หวันหวั่น…เขาเตรียมการทุกอย่างไว้แต่แรกแล้ว…
ตอนนี้…เธอคงจากไปแล้วสินะ…
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญแตกตื่น “เร็วเข้า…รีบไปแจ้งให้ผู้อาวุโสทั้งหลายเร็ว…”
……
นอกห้องผู้ป่วย ซือหมิงหลี่ที่ปลีกตัวไปจัดการเรื่องงานศพและโถงจัดพิธีย้อนกลับมาในเวลาไม่นาน เขาบอกซือหมิงหรงว่า “พี่รอง ทุกอย่างเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วครับ!”
ซือหมิงหรงพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า “ดี…”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ก็คล้ายจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากในห้องผู้ป่วย จากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเดินออกมาจากข้างใน
หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญที่แจ้งให้พวกเขาเตรียมจัดงานศพเมื่อครู่ก้มหน้าก้มตา เหงื่อเย็นอาบท่วมใบหน้า
พอเห็นสีหน้าของผู้เชี่ยวชาญ หัวใจของทุกคนก็ราวจมดิ่งสู่ก้นเหว หรือว่าหัวหน้าตระกูลจะ…จากไปแล้ว…
……………………..