ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 46 เจ้าจะมากความสามารถถึงขั้นนั้นได้อย่างไร

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 46 เจ้าจะมากความสามารถถึงขั้นนั้นได้อย่างไร?

ปลายหอกคมกริบของจั่วเหยียนเฟยปะทะเข้ากับชั้นอักขระเลือนรางของอีกฝ่ายจนกระทั่งเกิดเสียงดังกังวาน

หอกยาวที่มีลักษณะคล้ายมังกรเงินพ่นพลังปราณแก่นแท้ออกมาอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าศิษย์ผู้เงียบขรึมจะเตรียมตั้งรับไว้แต่แรกแล้ว ทว่าก็ยังส่งเสียงฮึดฮัดออกมาเมื่อถูกจั่วเหยียนเฟยผลักให้ถอยร่นไปหนึ่งก้าว

เมื่อเผยต้าวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งเห็นดังนั้นจึงคำรามออกมา ฝ่ามือทั้งสองเปล่งแสงสีแดงจาง ๆ ขณะพุ่งตัวเข้าหาจั่วเหยียนเฟย

ฝ่ามือทั้งสองกวัดแกว่งไปมาพร้อมระเบิดพลังปราณส่งออกจากฝ่ามือไปอย่างต่อเนื่อง แต่จั่วเหยียนเฟยก็ยังกวัดแกว่งหอกยาวป้องกันเอาไว้ได้ทั้งหมด

ระดับการฝึกตนของเผยต้าวสูงกว่าจั่วเหยียนเฟยถึงสองระดับ นางจึงอาศัยประโยชน์จากช่วงจังหวะดังกล่าวถอยกลับไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะทุ่มแรงกายทั้งหมดลงน้ำหนักไปที่ขาอีกข้าง แล้วทะยานพุ่งหลบหลีกเข้าไปในเขตป่าทึบบนภูเขาติ่งเจียง

“เผยชาน ไล่ตามไป!”

เมื่อเห็นจั่วเหยียนเฟยหายตัวไป เผยต้าวก็กระทืบเท้าไล่ตามไปทันที ศิษย์อีกคนที่เงียบขรึมขยับเคลื่อนร่างก่อนฝังตนลงสู่พื้นดิน แล้วใช้ทักษะพิเศษของสภาวะธาตุดินเพื่อไล่ตามจั่วเหยียนเฟยไป

เผยหยวนและเผยชิงที่ยังอยู่ขวางหน้าถังรั่วเวยไว้ เผยรอยยิ้มเยาะพลางจับจ้องไปยังถังรั่วเวยตาไม่กะพริบ

“แม่นาง วางใจเถิด พวกเราไม่ทำอะไรเจ้าอย่างแน่นอน”

เผยชิงหัวเราะ

“ถึงอย่างไร พวกเราย่อมไม่อาจหาญล่วงเกินสำนักกระบี่ชิงหมิง ดังนั้นโปรดมอบยุทธภัณฑ์เวทที่มีมาให้ข้าแล้วยอมจำนนเสียเถิด ถึงเวลานั้นทางเราจะแจ้งผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ชิงหมิงมารับตัวเจ้ากลับสำนักไป”

“ฮ่าฮ่า ข้าเชื่อเจ้า…”

ถังรั่วเวยเผยรอยยิ้มกว้าง แต่แล้วกลับแปรเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน

“เชื่อก็โง่เต็มทนแล้ว!”

นางเปิดริมฝีปากอ้าออกเล็กน้อย แสงสว่างวาบของกระบี่สีดำสนิทพุ่งออกมา ลำแสงนั้นพุ่งตรงดิ่งเข้าหาร่างเผยหยวน ทว่าม่านพลังปราณสีเขียวจางกลับปรากฏขึ้นตรงหน้าเผยหยวน หยุดการโจมตีจากกระบี่บินเล่มนั้นไว้ได้ทันการณ์

ถึงกระนั้นเผยหยวนก็ยังถูกแรงกระแทกของกระบี่นี้โจมตีจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว ภายในใจนึกตระหนกไม่น้อย ทว่าริมฝีปากกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มพลางกล่าวออก

“หึ! คิดว่าข้าเสียเปรียบอีกครั้งงั้นหรือ? แม่นาง… ข้าไม่อาจหยุดยั้งกระบี่บินได้ ทว่ายันต์ผนึกวิญญาณที่ปล่อยออกจากฝ่ามือที่ได้รับมาจากอาจารย์ผู้บรรลุขั้นขอบเขตแกนทองคำในระดับปลาย การที่มันหยุดยั้งการโจมตีของเจ้าได้นับว่ายอดเยี่ยมนัก จงยอมแพ้เสียเถอะ เจ้า…”

ยังกล่าวไม่ทันจบประโยค จู่ ๆ ถังรั่วเวยอันตรธานแวบมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นตบเข้าไปที่หน้าอกอย่างแรง!

ฝ่ามือซึ่งมีพลังแม่เหล็กสีดำเลือนรางทะลวงผ่านม่านพลังปราณสีเขียวสำเร็จ ทันทีที่ประทับลงบนหน้าอกของเผยหยวน พลังอันแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ พลันพุ่งเข้าทำลายเส้นเอ็นและกระดูกของผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐาน ทำให้พลังปราณแก่นแท้ภายในร่างถูกทำลายจนแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!

ทวารทั้งเจ็ดของเผยหยวนกระอักจนเลือดไหลทะลักออกมาพร้อมกันก่อนจะล้มลงกับพื้น ถังรั่วเวยฉวยโอกาสนี้กระทืบเท้าก่อนบังคับร่างให้จมหายลงสู่พื้นดินเพื่อหลบหนีไปไกล

“เผยหยวน!?”

ขณะนั้นเอง เผยชิงที่ตกตะลึงนิ่งไปครู่ใหญ่พลันได้สติตอบสนอง รีบร้องเรียกศิษย์น้องทันที

“บัดซบ! อย่าหนีนะ!”

จิตสังหารถูกกระตุ้นโดยสมบูรณ์… เขาหยิบยันต์ออกมาแผ่นหนึ่งก่อนจะฉีกออก หลังจากแจ้งเรื่องราวไปยังสหายร่วมสำนักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยกมือขึ้นเรียกกระบี่ทองออกมาเล่มหนึ่ง ก่อนพาตัวเองเหาะเหินไปยังทางถังรั่วเวยใช้หลบหนี

เวลานี้ ศิษย์หลายคนของสำนักไป่เยว่ถูกจั่วเหยียนเฟยและถังรั่วเวยหลอกล่อติดตามลึกเข้าไปในป่าทึบบนภูเขาติ่งเจียง คงเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณของเผยหยวนที่ถังรั่วเวยตบจนนอนตายอย่างเดียวดาย ไม่นานโพรงใต้พื้นดินเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางแสงแห่งพลังวิญญาณ ไป๋ชิวหรานมุดออกมาจากใต้แท่นรูปปั้นหินด้วยท่าทีผ่อนคลาย ยืนนิ่งอยู่ข้างรูปปั้นหิน

“เฮ้อ เหตุใดเจ้าถึงดื้อรั้นไม่ฟังคำเตือนเสียบ้าง? คนเราจะโลภมากไปด้วยเหตุใดกัน?”

เขาจับจ้องไปยังศพของเผยหยวนที่นอนอยู่ด้านข้าง สายตาอันมีพรสวรรค์พิเศษซึ่งเกิดขึ้นหลังจากข้ามความเป็น ความตายมาหลายต่อหลายหน มองเห็นวิญญาณเผยหยวนที่โดนมัดด้วยโซ่เหล็กจากยมทูตหลายตน เห็นเช่นนั้นแล้วทำได้เพียงโคลงศีรษะ…

“ข้าควรสอนรั่วเวยให้จัดการกับผู้อื่นโดยใช้วิธีที่ไม่ถึงแก่ชีวิตดีหรือไม่…”

เมื่อเขามองไปทางนั้นอีกครั้งหนึ่ง วิญญาณของอีกฝ่ายก็จ้องมองมาทางเช่นกัน หนึ่งวิญญาณกับยมทูตอีกสองสามตน หันมาสบตาเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แต่แล้วยมทูตเหล่านั้นถึงกลับหวาดกลัวประหนึ่งเห็นภูตผีที่น่ากลัวกว่า รีบลากวิญญาณของเผยหยวนหนีหายไปในอากาศทันที

ไป๋ชิวหรานเห็นเช่นนั้นแล้วไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด ปล่อยให้วิญญาณของเผยหยวนถูกยมทูตพาจากไปตามครรลองที่ควรจะเป็น คราวนี้ศิษย์ของสำนักไป่เยว่ผู้นี้นับว่าสิ้นชีพในสภาพที่น่าสยดสยอง

แม้ว่าไป๋ชิวหรานจะไม่สนับสนุนการทำร้ายฆ่าฟันกันเองในมวลเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทว่าในโลกแห่งการฝึกตนแล้ว เรื่องน่าอนาถนี้ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้… ถังรั่วเวยเคยสังหารศิษย์สำนักไป่เยว่ไปหนึ่งคนตอนที่ถูกลอบโจมตีบนเรือครั้งก่อน กล่าวตามหลักแล้วอีกฝ่ายควรตระหนักได้ว่านางมากความสามารถเพียงใด

อีกทั้งก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น ถังรั่วเวยและจั่วเหยียนเฟยก็เอ่ยถึงชื่อสำนักของตน พร้อมกล่าวเตือนจนจบความไว้แล้ว ถังรั่วเวยยังเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าหากยังดึงดันต่อสู้กันโดยใช้กระบวนท่านี้ต่อไป ตนอาจตายด้วยน้ำมือนางได้ ทว่าศิษย์ของสำนักไป่เยว่กลับเลือกลงมือ เช่นนั้น จะกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของนางก็ไม่ได้เสียทีเดียว

เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากการที่คนคนหนึ่งกระโดดโลดเต้นไปมาต่อหน้าผู้อื่น ซ้ำยังตะโกนท้าทายว่า ‘มาสังหารข้าเร็วเข้า’ ซึ่งเมื่อคนผู้นี้ถูกสังหารเข้าจริง ก็คงไม่มีผู้ใดนึกเห็นอกเห็นใจ

ไป๋ชิวหรานไม่ลืมสังเกตศิษย์ที่เหลือซึ่งไล่ติดตามพวกนางไป คนที่ไล่ตามจั่วเหยียนเฟยอยู่เป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานระดับกลางกับผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานระดับปลาย ส่วนคนที่ไล่ตามถังรั่วเวยอีกคนหนึ่งคือผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานระดับสูงสุด อีกเพียงระดับเดียวเท่านั้นจะบรรลุเข้าสู่ ‘ขั้นแก่นเสมือน’ ห่างจากขั้นขอบเขตแกนทองคำเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!

เมื่อบรรลุเข้าสู่ขั้นการฝึกตน พลังปราณแก่นแท้ของผู้ฝึกตนจะหลอมรวมเข้ากับกระแสลมปราณที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย ทั้งยังมีแนวโน้มจะแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยตนเอง ซึ่งผู้ฝึกตนเหล่านี้จะได้รับทักษะเฉพาะบางอย่างที่มีในตัวของผู้ฝึกตนที่บรรลุขั้นขอบเขตแกนทองคำคอยเสริมด้วย

ถึงอย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับศิษย์สายตรงของตน ตราบใดที่นางยังอยู่ในขั้นสร้างรากฐาน ไม่ได้บรรลุเข้าสู่ระดับขั้นการฝึกตนอันยิ่งใหญ่ไปกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยกระบวนท่าต่าง ๆ ที่เคยฝึกสอนแล้ว หากใช้ไหวพริบเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อย… ย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้แน่!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ไป๋ชิวหรานก็กวาดสายตามองสำรวจรูปปั้นหินรูปฮ่องเต้องค์ก่อนแห่งรัฐติ่งกั๋วเพียงผ่าน ๆ อย่างไม่ใส่ใจมากนัก จากนั้นจึงทรุดกายนั่งลงบนเชิงแท่นหินซึ่งอยู่ด้านใต้ของรูปปั้น

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เสียงลมหวีดหวิวพลันดังขึ้นจากบนฟากฟ้า หลายคนที่แต่งกายด้วยอาภรณ์คล้ายกันกับศิษย์สำนักไป่เยว่ก่อนหน้านี้ ต่างห้อมล้อมผู้ฝึกตนที่บรรลุขั้นขอบเขตแกนทองคำไว้ พวกเขาเหยียบอยู่บนกระบี่บินหลากสี ขณะค่อย ๆ ร่อนลงมาจากเบื้องบน

“ท่านอาจารย์ นี่คือสถานที่ซึ่งศิษย์พี่เผยชิงฉีกยันต์แจ้งข้อความส่งมาให้กับพวกเราขอรับ”

ศิษย์คนหนึ่งหันมองทั้งทางซ้าย ขวา จากนั้นจึงพบเข้ากับร่างไร้วิญญาณของเผยหยวนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน ข้างกันนั้นคือไป๋ชิวหรานที่นั่งอยู่บนแท่นหินใต้รูปปั้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“นั่นคือ… เผยหยวน? ท่านอาจารย์ เขาตายแล้ว!”

“ระงับจิตใจลงก่อนเถิด พวกเจ้าจัดการย้ายศพเผยหยวนออกไปเสีย”

ผู้ฝึกตนขั้นขอบเขตแกนทองคำที่เดินนำหน้าออกคำสั่ง จากนั้นจึงหันมองไปที่ไป๋ชิวหรานพร้อมเอ่ยถามเขาว่า

“สหายน้อย… บอกข้าได้หรือไม่ว่าชายผู้นี้ถูกใครสังหารกัน?”

หึ ถึงขั้นนี้ยังแสร้งทำทีสุภาพ

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดในใจ ยังคงเงยหน้าทอดสายตามองไกลไปยังท้องฟ้า ทำท่าทางหยิ่งยโสสองแสนแปดพันเหรียญ*[1]

“สวรรค์เท่านั้นที่ล่วงรู้ บางที่ผู้ที่สังหารเขาอาจเป็นข้าก็ได้”

“สหายน้อยล้อเล่นกันเสียแล้ว”

ผู้ฝึกตนชรายกมือข้างหนึ่งลูบเครา ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นไพล่หลังขณะกล่าวต่อไป

“ให้ตาแก่เช่นข้าลองเดาดู ก่อนหน้านี้เผยชิงรายงานว่าเผยชานตายด้วยน้ำมือของผู้ฝึกตนหญิงขั้นสร้างรากฐาน จากข้อมูลที่ทราบมา ครั้งนี้คดีของรัชทายาทแห่งติ่งกั๋ว ในบรรดาผู้ที่อาสาตามล่าฆาตกรเพื่อรับรางวัล มีกลุ่มหนึ่งเป็นหญิงสองหนึ่งชาย สองคนบรรลุขั้นสร้างรากฐาน ส่วนอีกคนหนึ่งบรรลุเพียงขั้นกลั่นลมปราณเท่านั้น ผู้ที่ฆ่าเผยหยวนคือศิษย์พี่หญิงของเจ้า ส่วนเผยชิงและคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่ เป็นเพราะไล่ติดตามพวกนางไป สหายน้อย… หากพวกเราจับตัวเจ้าไว้ ศิษย์พี่หญิงเจ้าเดือดร้อนเพียงใดกัน?”

“กล่าวได้ยากยิ่ง”

ไป๋ชิวหรานยักไหล่

“หากข้อเท็จจริงของคดียังไม่ปรากฏ ศิษย์พี่หญิงข้าไม่มีวันยอมรามือจากการตามสืบเป็นแน่แท้”

“เฮ้อ… กล่าวกันตามตรง ตามที่คาดการณ์ไว้ องค์ชายรัชทายาทแห่งรัฐติ่งกั๋วถูกศิษย์พี่ข้าร่ายคาถาทำลายหัวใจเข้าอย่างจัง ก่อนจะใส่ร้ายป้ายสีความผิดให้กับเจ้าอสูรจิ้งจอก… ด้วยวิธีนี้ สำนักไป่เยว่ไม่เพียงสนับสนุนให้องค์ชายอื่นมีโอกาสขึ้นครองราชย์ได้เท่านั้น แต่ยังควบคุมรัฐติ่งกั๋วจากเบื้องหลังได้ อีกทั้งยังเสาะหาข้ออ้างในการแก้แค้น จับอสูรเหล่านั้นมากลั่นเอาแกนผลึกไปการปรุงยาอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว”

ผู้ฝึกตนชราถอนหายใจ

“แต่พวกเจ้ารู้แล้วอย่างไร? ต่อให้โน้มน้าวฮ่องเต้ชวีเผิงเปิดทรวงอกขององค์รัชทายาท จนกระทั่งหาสาเหตุการตายที่แท้จริงได้ ทว่าผู้ที่ตายด้วยคาถานี้ไม่มีทางพิสูจน์ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดจากฝีมือของผู้ใด… พวกเจ้าต่างมาจากสำนักที่มีชื่อเสียง ทว่าสำนักไม่ได้อยู่ที่นี่เสียหน่อย เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่บรรลุขั้นขอบเขตแกนทองคำ คงไม่อาจต่อกรใด ๆ ได้ทั้งสิ้น… แม้จะไม่อาจกำจัดพวกเจ้าได้โดยตรง หลังเหตุการณ์ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เมื่อเรื่องคลี่คลายลงแล้ว… ค่อยให้ผู้อาวุโสจากสำนักเจ้ามารับตัวกลับไปยังไม่สาย ความแข็งแกร่งระหว่างเจ้ากับข้ายังห่างชั้นกันมากโข… สหายน้อย หากไม่ยอมดื่มจิ้งจิ่ว คงต้องให้ดื่มฝาจิ่วแทนแล้วกระมัง*[2]”

กล่าวจบแล้ว เขาจึงส่งสัญญาณให้ศิษย์ที่บรรลุขั้นสร้างรากฐานอีกกลุ่มหนึ่งตีวงล้อมรอบเข้ามา

“เฮ้อ ช้าก่อน”

ไป๋ชิวหรานยื่นมือออกไปเพื่อห้ามปราม

“เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ผู้ไม่เห็นเหตุการณ์ให้ล่วงรู้ชัด ข้าขออธิบายให้ชัดเจน ก่อนอื่น… ศิษย์พี่หญิงข้ามาจากสำนักกระบี่ชิงหมิง ส่วนพี่สาวอีกนางหนึ่งมาจากกองทัพเทพยุทธ์ พวกท่านควรคิดใคร่ครวญให้รอบคอบก่อนลงมือ อีกอย่างตัวข้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นกลั่นลมปราณธรรมดาสามัญ ไม่แน่ว่าศพที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นเป็นข้าเองที่สังหาร”

“เอาล่ะ สหายน้อย…หยุดพูดพล่ามเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้เสียที”

ผู้ฝึกตนชรามองไปยังร่างไร้วิญญาณของเผยหยวนก่อนกล่าวต่อไป

“คิดหรือว่าพวกเราจะเชื่อถือคำพูดของเจ้า? ดูจากศพเผยหยวนแล้ว ทวารทั้งเจ็ดแตกออกเป็นเสี่ยง จุดโจมตีเกิดขึ้นตรงบริเวณหน้าอก เห็นได้ชัดว่าถูกสังหารด้วยเคล็ดวิชาฝ่ามือที่โหดเหี้ยมรุนแรงยิ่ง นอกจากนี้ภายในร่างยังมีร่องรอยพลังปราณแก่นแท้ที่หนาแน่นหลงเหลืออยู่ ส่วนเจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนตัวน้อยเท่านั้น จะมากความสามารถถึงขั้นนั้นได้อย่างไร?”

[1] สองแสนแปดพันเหรียญ เป็นสุภาษิตเปรียบเทียบโดยอ้างอิงมาจากการเล่นไพ่นกกระจอก

[2] ความหมายโดยนัยคือ ในเมื่อเจรจาโดยดีแล้วไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ จิ้งจิ่ว คือ เหล้าที่ใช้ดื่มอวยพร ส่วนฝาจิ่ว คือ เหล้าที่บังคับให้ดื่มเมื่อถูกปรับแพ้หรือทำโทษ

** มาแล้วผู้อ่านจ๋าาา เปิดนิยายให้อ่านฟรี กว่า 700 ตอน **

คัดสรรนิยาย 4 เรื่อง 4 แนว สุดฮิตมาให้อ่านกันตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องรีบไปอ่านแล้ววว

⏰ ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย – 18 เม.ย. นี้

ติดตามผลงานและข่าวสารจากเราได้ที่ เพจ EnjoyBook

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท