ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 50 จะไม่มีครั้งต่อไปอีก

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 50 จะไม่มีครั้งต่อไปอีก

กระแสลมพายุพัดผ่านพื้นดิน ลมจากหมัดยักษ์ที่เหวี่ยงเข้ามา แม้แต่ถังรั่วเวยและคนอื่น ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในระยะไกลต่างถูกกระแสลมพัดกระโชกจนลืมตาไม่ขึ้น

ตรงข้ามกับไป๋ชิวหรานที่แม้เผชิญหน้ากับหมัดยักษ์ที่พร้อมจะบดขยี้ภูเขาให้แหลกลาญกลับเพียงแค่นเสียงหัวเราะ

“เจ้านี่… ลีลาเสียจริง”

เขายกแขนขึ้นก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้ามัน ทันใดนั้นแสงสีเขียวมรกตก็ปรากฏขึ้นบนร่างเจ้ายักษ์ผู้ถือกำเนิดขึ้นจากเถาวัลย์ที่เลื้อยถักทอจนหนาทึบ ก่อนจะระเบิดออกด้วยพลังมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด กระทั่งหมัดเถาวัลย์ยักษ์พลันกลายเป็นสีของเถ้าถ่านก่อนจะสลายไป…

ทันทีที่แสงสีเขียวระเบิดออก เถาวัลย์ยักษ์ทั้งต้นพลอยสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปด้วย พื้นดินพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี สตรีผมเขียวในอาภรณ์สีเดียวกันร่วงตกลงมาจากร่างยักษ์จำแลง นางยกมือกุมหน้าอกขณะมองไปยังไป๋ชิวหรานด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ต่อให้เจ้าเป็นอสูรธาตุพืช แต่อย่าลืมเสียว่าข้าเป็นผู้ฝึกตนสภาวะธาตุพืชที่มีรากวิญญาณสวรรค์”

ไป๋ชิวหรานดึงมือกลับพร้อมบีบเบา ๆ ทันใดนั้นพลังชีวิตสีเขียวในมือกลับกลายเป็นจุดแสงเล็กราวหิ่งห้อย ลอยกลับไปยังพื้นดิน

“แม้ตอนนี้เจ้าจะกลายเป็นหญิงชรา ทว่าสำหรับข้าแล้ว… เจ้ายังอ่อนเยาว์เกินไป”

“หึหึ”

หญิงสาวเรือนผมเขียวยิ้มเยาะ

“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง ช่างเป็นคนหน้าซื่อใจคด โกหกปลิ้นปล้อน”

“ประการแรก… ไม่มีข้อผูกมัดใดให้ต้องบอกกล่าวความจริง ประการที่สอง… เจ้าคือศัตรูข้า!”

“คิดว่าตนเองเป็นใครกัน? การที่จะเอาชนะเจ้าได้ จำเป็นต้องอาศัยกลวิธีโกหกหลอกลวงเพียงอย่างเดียวรึ?”

เขาเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย จับจ้องไปยังชุ่ยหลัวด้วยสายตาแฝงเลศนัยคลุมเครือ

“ณ ตอนนี้ข้ามีพลังเพียงหนึ่งในสิบส่วน ทว่าหนึ่งในสิบส่วนนี้นับว่าเพียงพอที่จะกวาดล้างโลกอสูรให้ดับสิ้น นางมารน้อย อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้ราชาแห่งมารมาเล่นงานข้า… ข้าก็ทำให้เขาแตกดับจนต้องส่งศพกลับไปยังโลกอสูรได้เช่นกัน”

ชุ่ยหลัวจ้องเขม็งไปที่เขา คราวนี้นางนิ่งเงียบ

“นอกจากนี้ กล้าประกาศหรือไม่ว่าสามารถเอาชนะผู้ที่มีพลังเพียงหนึ่งในสิบส่วน? และถึงจะต่อกรกับข้าได้… ทว่าข้ายังสามารถใช้พลังสองหรือสามในสิบส่วน หรือแม้แต่พลังทั้งหมดที่มีเพื่อตอบโต้การโจมตีจากเจ้า”

ไป๋ชิวหรานลูบสันจมูกก่อนกล่าวต่อไป

“เจ้ายังระงับโทสะของตนได้ไม่ดีพอ… ชุ่ยหลัว เรื่องใหญ่สำหรับข้ามีเพียงการฝึกให้บรรลุขั้นกลั่นลมปราณไปอีกระดับหนึ่งได้ ดังนั้นคงน่ายินดีไม่น้อยหากเจ้าอาสาเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์ อีกอย่าง… จำได้ว่าเจ้าเดินทางข้ามผ่านกว่าเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน การมาที่แห่งนี้ในครานี้คงไม่ใช่เพื่อแก้แค้นข้าเพียงอย่างเดียว”

ชุ่ยหลัวกลอกตาพลางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“องค์หญิงไป๋หลิงอยู่ที่ไหน?”

“นางอยู่ในการดูแลของข้า”

ไป๋ชิวหรานเหลือบมองใบหน้าของชุ่ยหลัว

“วางใจเถิด… ข้ายังไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับธิดาแห่งราชาจิ้งจอกขาวในตอนนี้ ทันทีที่ราชาแห่งมารสวรรคต ราชาอสูรจากทั้งสิบทิศในโลกอสูรจะต่างแย่งชิงบัลลังก์กันเอง และยิ่งพวกเจ้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพียงใด เผ่ามนุษย์ก็จะยิ่งสงบสุขมากถึงเพียงนั้น ดังนั้นข้าจึงไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการปกครองภายในดินแดนอสูรของพวกเจ้าเด็ดขาด”

“องค์หญิงบอกเจ้าแล้วงั้นรึ…”

สีหน้าชุ่ยหลัวแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

“หึ แน่นอนว่านางย่อมบอกให้ข้ารู้ทุกสิ่งอย่าง”

ไป๋ชิวหรานกล่าวแล้วจึงเปล่งเสียงหัวเราะเย็นชา เยาะเย้ยอีกฝ่ายที่กำลังโกรธเคือง

“ช่างน่าขันเสียจริง ยังคิดว่านางอยู่เคียงข้างฝั่งอสูรอยู่หรือ? ราชาแห่งมารเดินทางมายังโลกมนุษย์ แต่กลับทอดทิ้งธิดาผู้มีสายเลือดครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ มารดาถูกคนของสำนักเหอฮวนสังหาร ตอนที่ถูกบีบบังคับให้เข้าร่วมกับสำนักเหอฮวน เผ่าอสูรมุดหัวอยู่หนใดกัน? คิดหรือว่านางยินดีรับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง แล้วยินยอมตามพวกเจ้ากลับไปยังโลกอสูร? ทั้งยังต้องทุ่มเทชีวิตเพื่อปกครองเผ่ามาร? ช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันสิ้นดี”

ชุ่ยหลัวกัดริมฝีปากล่าง ยังคงนิ่งเงียบ

“ส่วนข้า ตอนที่นางถูกอาจารย์บังคับให้เป็นเครื่องมือในการสกัดปราณหยาง ก็ช่วยได้เพียงสังหารอาจารย์ผู้นั้นทิ้งเสีย ผลักดันให้นางกลายเป็นเจ้าสำนักเหอฮวน ช่วยปฏิรูปสำนัก ปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรฝ่ายมารและพันธมิตรฝ่ายธรรม ด้วยประการทั้งปวงนี้ แน่นอนว่านางต้องการอยู่ฝ่ายข้ามากกว่า!”

ไป๋ชิวหรานมองชุ่ยหลัวด้วยสายตาเหยียดหยันก่อนจะกล่าวต่อไป

“แน่นอน ข้าย่อมยืนอยู่เคียงข้างนาง และรู้ดีว่าราชาแห่งมารคิดการใดอยู่ ต้องการให้สายเลือดตัวเองกลับไปยังโลกอสูรเพื่อสงบความขัดแย้งภายในดินแดน หรือเพื่อกระตุ้นความขัดแย้งภายในให้สงครามยิ่งปะทุก็ไม่อาจล่วงรู้ ตราบใดที่ซูเซียงเสวี่ยไม่เห็นด้วย… อย่าแม้แต่จะคิดแทน ครั้งนี้เป็นความผิดของเขาทั้งหมด เจ้าลงมือสังหารคนจากสำนักไป่เยว่ไปเกินครึ่ง ข้าอาจฝืนปล่อยตัวเจ้ากลับไปได้แลกกับเงื่อนไขเพียงสามข้อ แต่ครั้งหน้า… ข้าจะบุกไปโลกอสูรด้วยตนเอง ช่วยให้ราชาแห่งมารสวรรคตเร็วขึ้น!”

หากเป็นคนอื่นที่พูดเช่นนี้ ชุ่ยหลัวอาจจะหัวเราะเยาะในความโอหัง ทว่าไป๋ชิวหรานได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วเมื่อสองพันปีก่อนว่าเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด ชุ่ยหลัวจึงค่อยสงบสติอารมณ์ลง ท้ายที่สุดความกลัวก็สามารถเอาชนะความโกรธแค้นภายในใจได้

“ไป๋ชิวหราน เจ้า…”

นางยืดตัวตรง มีบางอย่างจะกล่าว ทว่าระหว่างช่องว่างของป่าทึบพลันมีเสียงพิณแว่วดังขึ้น ขัดจังหวะการเผชิญหน้าของคนทั้งสอง

“ในที่สุดก็ยอมปรากฏตัวเสียที”

เมื่อได้ยินเสียงพิณ ไป๋ชิวหรานเอ่ยพึมพำเสียงแผ่ว ในขณะที่สีหน้าของชุ่ยหลัวแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“องค์หญิง?”

“เอาล่ะ ชุ่ยหลัว รามือเสียแต่เพียงเท่านี้เถิด คุณชายไป๋อย่าได้ยั่วยุโทสะนางอีกเลย”

สุรเสียงราวกับปักษาแห่งขุนเขาที่ดังแว่วมาตามสายลมไพเราะยิ่ง เพียงได้ยินเสียงนี้ พลันให้กระดูกของผู้ที่ได้ยลยินอ่อนยวบ

ถึงกระนั้นถังรั่วเวยกับจั่วเหยียนเฟยต่างเห็นอย่างชัดเจน ว่าตอนที่เผยชานและเผยต้าวได้ยินเสียงนั้น… ทั้งร่างกลับสั่นเทิ้มไม่หยุดหย่อน

สิ้นเสียง เงาร่างสีขาวลอยมาหยุดเบื้องหน้าของทุกคน สตรีนางนั้นใช้ผ้าคลุมหน้าสีขาวปิดบังใบหน้าไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่งามประหนึ่งนางหงส์ ชุดกระโปรงยาวที่สวมใส่นั้นเรียบง่าย ทว่าเมื่ออยู่บนเรืองร่างนี้กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น

หญิงงามถือพิณทรงยาวไว้ในอ้อมแขน เดินมาขวางกั้นไว้ระหว่างไป๋ชิวหรานและชุ่ยหลัว

นางกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ ถังรั่วเวยซึ่งหยุดยืนอยู่ไกล ๆ กำลังสังเกตการณ์ไปทางไป๋ชิวหรานและชุ่ยหลัว ครั้นถูกสายตาคู่นั้นกวาดมอง แม้แต่ตนหรือจั่วเหยียนเฟยยังรู้สึกหน้าแดงลามไปจรดใบหู ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเผยชานและเผยต้าวที่อยู่ด้านข้าง ริมฝีปากแห้งผาก มีเพียงน้ำลายที่ไหลหยดย้อย ไร้ซึ่งภาพลักษณ์ของผู้ฝึกตนอันเคร่งขรึมโดยสิ้นเชิง

“ชุ่ยหลัว”

ซูเซียงเสวี่ยหันไปกระซิบกับชุ่ยหลัว

“ข้าพาตัวองค์หญิงไป๋หลิงและบรรดาสาวใช้มาที่นี่แล้ว เจ้าจงพาพวกนางกลับไป โลกมนุษย์นี้มีอันตรายยิ่ง กลับไปครั้งนี้โปรดกำชับราชาจิ้งจอกขาวให้อบรมสั่งสอนให้ดี ครั้งหน้าหากลอบเที่ยวเตร่ข้ามเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินอีกครั้ง เผ่ามนุษย์อย่างเราคงไม่อาจช่วยตามหาธิดาของเขาได้อีกต่อไป”

“องค์หญิง”

ชุ่ยหลัวเอ่ยถามด้วยความลังเล

“สิ่งที่บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิงกล่าวมาทั้งหมดนั้น เป็นความจริงหรือไม่?”

“จริงอย่างแน่นอน”

ซูเซียงเสวี่ยพยักหน้ารับสมอ้างอย่างไม่ลังเล

“ต่อให้เผ่ามารจะเป็นฝ่ายเริ่มสงคราม ถึงอย่างไรข้าก็อยู่ฝั่งเดียวกันกับคุณชายไป๋ไม่แปรเปลี่ยนแน่ กลับไปเถิด… เจ้าคิดว่าราชาแห่งมารไม่มีสิ่งใดแอบแฝงในเจตนางั้นหรือ?”

นางจับจ้องใบหน้าของชุ่ยหลัว ริมฝีปากงามแดงระเรื่อ

“เจ้าไปได้แล้วชุ่ยหลัว แม้ว่าอาจจะไร้ประโยชน์ แต่ขอเตือน… ลดความเคียดแค้นชิงชังลงเสียบ้าง”

“องค์หญิงจะยอมอภัยให้กับสิ่งที่เขาเคยกระทำต่อข้าอย่างนั้นหรือ?”

ชุ่ยหลัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก

“เปล่า… ข้าเป็นผู้ฝึกตน ย่อมสนับสนุนแนวคิดแค้นต้องชำระ แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะชำระแค้นดังกล่าวได้จนกว่าจะสิ้นอายุขัย”

ซูเซียงเสวี่ยหันกลับไปมองไป๋ชิวหราน

“อีกอย่าง แม้ช่วงที่เผ่ามารและเผ่ามนุษย์ทำสงครามกัน ข้ายังไม่ทันลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ แต่หลังจากได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างแล้ว กลับคิดว่าท่านแม่ของเจ้าคงยอมตายมากกว่ารอดชีวิตอย่างไร้ศักดิ์ศรี จงมีชีวิตอยู่ต่อไป… ชุ่ยหลัว ดำรงชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง… ไม่ใช่เพื่อท่านแม่”

“ชุ่ยหลัวมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้เพื่อแก้แค้นเท่านั้น”

ชุ่ยหลัวกล่าวตอบอย่างดื้อรั้น

“เฮ้อ เช่นนั้นเจ้าจงไปเสียเถอะ”

ซูเซียงเสวี่ยถอนหายใจ

“องค์หญิงไป๋หลิงคงอยู่ระหว่างทางในตอนที่เจ้ามาถึง ลาก่อน”

ชุ่ยหลัวมองซูเซียงเสวี่ยด้วยสายตาซับซ้อนก่อนจะกล่าวอำลา

“ชุ่ยหลัวต้องไปแล้ว องค์หญิงโปรดดูแลตนเองให้ดี”

“ข้าจะจำไว้”

ครั้นเห็นว่านางหันหลังเดินจากไปแต่โดยดี ไป๋ชิวหรานจึงเอ่ยขึ้น

“จะไม่มีครั้งต่อไปอีก”

ชุ่ยหลัวขบกรามแน่นขณะจ้องมองไปที่ไป๋ชิวหราน จากนั้นกลายร่างเป็นเถาวัลย์ ซ่อนเร้นกายอยู่ในผืนดินก่อนจะหายลับไปจากสายตา…

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท