บทที่ 927 เชื่อใจอย่างไร้เงื่อนไข
จูเสินสือไต้
ทุกคนมีสีหน้าหนักอึ้งอย่างผิดปกติ
“ถานเจิ้นซินในฐานะรุ่นพี่ พฤติกรรมอย่างนี้ขาดคุณธรรมเกินไปจริงๆ” สีหน้าลั่วเฉินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
สวีหลินมีสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “เป็นความผิดของฉันเอง…ทุกคนเลยต้องเดือดร้อนแล้ว…”
เยี่ยมู่ฝานตบบ่าของเขา “พี่สวีอย่าโทษตัวเองเลย ถ้าผิดก็ต้องผิดที่ลูกศิษย์หน้าไม่อายพวกนั้น จะเป็นความผิดของพี่ได้ยังไงกัน! จริงสิ ผมให้พี่แอบบันทึกเสียงไว้ พี่ได้บันทึกไว้หรือเปล่า”
สวีหลินส่ายหน้า “ถานเจิ้นซินระวังตัวมาก เขาเป็นคนกำหนดสถานที่เอง ก่อนฉันเข้าห้องยังถูกผู้ช่วยเขาค้นตัว ไม่มีโอกาสให้ลงมือเลย…”
เยี่ยมู่ฝานถอนหายใจ เดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังกับวิธีนี้เท่าไรนัก จิ้งจอกเฒ่านั่นอยู่ในวงการได้ตั้งนานขนาดนั้น วิธีระดับต่ำอย่างนี้รับรองว่าต้องป้องกันไว้
“งั้นตอนนี้จะทำยังไงดี ไม่มีสักวิธีจัดการเขาแล้วเหรอ” กงซวี่เอ่ยอย่างโมโห
หานเซี่ยนอวี่ที่อยู่ด้านข้างวิเคราะห์ “ตอนนี้พวกเราจำเป็นต้องทำตามแผนที่แย่ที่สุด ผลลัพธ์ที่แย่สุดคือแพ้การฟ้องร้อง ถูกตัดสินว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องหยุดแผนถ่ายทำหนังของพวกเรา เก็บเงินลงทุนช่วงแรกทั้งหมดกลับมาไม่ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ…ทำลายเชื่อเสียงของบริษัท…”
สวีหลินรีบเอ่ย “เรื่องชื่อเสียงบริษัท จุดนี้ฉันช่วยประกาศได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัท พวกเธอก็แค่ซื้อบทของฉันเท่านั้น…”
หานเซี่ยนอวี่มีสีหน้าจนใจ “เรื่องไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก…”
หวงเทียนต้องชักนำความคิดเห็นของสาธารณชน ฉุกบริษัทลงน้ำไปด้วยกันแน่นอน ฝั่งพวกเขาหาหลักฐานใดไม่ได้ อยู่ในตำแหน่งผู้ถูกกระทำโดยสมบูรณ์
“พี่เยี่ยว่ายังไงบ้าง” ลั่วเฉินเอ่ยถาม
เยี่ยมู่ฝานแบมือ “ตอนเช้าโทรหาเขาแล้ว เขาพูดว่ายังไงฉันก็ไม่เข้าใจ รอเขามาแล้วฉันค่อยถามเขาvudmuดีกว่า!”
เวลานี้ที่ทางเข้าพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา เยี่ยหวันหวั่นมาแล้วนั่นเอง
ทุกคนรีบทักทายเธอ
“พี่เยี่ย!”
“ประธานเยี่ยมาแล้ว…”
ชั่ววินาทีที่เห็นเยี่ยหวันหวั่นเข้ามา ไม่รู้เหตุใดบรรยากาศในห้องทำงานก็ผ่อนคลายลงหลายส่วนอย่างน่าประหลาด
เหมือนกับว่าขอแค่มีคนคนนี้อยู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถแก้ไขได้
เห็นเยี่ยหวันหวั่น เยี่ยมู่ฝานก็แบมือ “เรื่องก็ตามที่ฉันบอกนายไป ตกลงนายมีแผนอะไรกันแน่”
เยี่ยหวันหวั่นกวาดมองทุกคนในที่นี้แล้วเอ่ยปาก “ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว เพราะงั้นฉันตัดสินใจว่า จะเลื่อนพิธีเปิดกองของ ‘เป็นหรือตาย’ เป็นพรุ่งนี้”
สวีหลินได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าตกใจ “ว่าไงนะ เลื่อนพิธีเปิดกองมาเป็นวันพรุ่งนี้? ทำไมรีบร้อยขนาดนี้ แต่ที่สำคัญคือ ตามสถานการณ์ตอนนี้ ควรจะรีบถอนทุนให้ขาดทุนน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ถึงจะถูก จะเปิดกองได้ยังไงกันเล่า แบบนี้ไม่ได้นะ ไม่ได้เด็ดขาด แบบนี้ความคิดเห็นของสาธารณชนจะยิ่งทำให้บริษัทตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบนะ…”
ที่ทำให้เขาตกใจคือกลยุทธ์ที่ผิดพลาดเห็นๆ อย่างนี้ คนอื่นๆ กลับไม่ได้แสดงอาการโต้แย้งใดๆ แม้แต่น้อย
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากกล่อมเขา “อาจารย์สวี ตอนนั้นที่เชิญคุณมาฉันก็เคยสัญญาแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทางบริษัทจะแก้ไขเอง สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงเรื่องเดียว คือถ่ายหนังอย่างวางใจ”
สวีหลินมีสีหน้าลังเล เขาหันไปมองคนอื่น “หรือพวกเธอก็เห็นด้วยว่าจะเปิดกองตอนนี้?”
เขาสร้างความเดือดร้อนให้อีกฝ่ายต่อไปไม่ได้จริงๆ…
ทุกคนสบตากัน
จากนั้นลั่วเฉินก็กล่าว “ผมเชื่อพี่เยี่ย”
หานเซี่ยนอวี่วางสายโทรศัพท์ที่เพิ่งโทรไป “ให้พี่หยางไปจัดการแล้ว”
กงซวี่ฉีกยิ้มกว้าง “เรื่องใช้สมองอย่างนี้มีพี่เยี่ยอยู่ก็พอแล้ว ผมรับผิดชอบแค่เรื่องหน้าตาหล่อเหลา~”
—————————————————–
บทที่ 928 เสียสติบ้าไปแล้วเหรอ
หลังเยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจ พวกกงซวี่ ลั่วเฉินก็ไปเตรียมตัวสำหรับงานแถลงข่าวพรุ่งนี้แล้ว
“ฉันต้องทำอะไร” เยี่ยมู่ฝานถาม
“ไปกับฉัน คืนนี้พวกเราจะจัดงานแถลงข่าวกัน” เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็ส่งซองเอกสารให้เขาหนึ่งซอง
“นี่คืออะไร” เยี่ยมู่ฝานรับซองมาอย่างสงสัยแล้วหยิบของข้างในออกมา
หลังจากเห็นชัดว่าของนั้นคืออะไร เยี่ยมู่ฝานก็พลันตาเป็นประกาย “เชี่ย! พวกนี้มัน…แกปเอาหลักฐานพวกนี้มาจากไหน มีของพวกนี้ยังต้องกลัวอะไรอีก พวกเราแจ้งความว่าหวงเทียนกับถานเจิ้นซินละเมิดสิทธิได้เลยด้วยซ้ำ! งั้นฉันจะเตรียมสถานที่ เชิญนักข่าวทั้งหมด แล้วก็เตรียมงานแถลงข่าว!”
“เดี๋ยวก่อน” เยี่ยหวันหวั่นเรียกเขาไว้
“ทำไมเหรอ”
“ตอนนี้พวกเราเพิ่งตั้งบริษัท เงินทุนขาดแคลนขนาดนี้ เตรียมสถานที่ เชิญนักข่าวต้อนรับสื่อ ค่าโฆษณาไม่ต้องใช้เงินหรือไง” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว
“หา งั้นจะทำยังไง เงินส่วนนี้จะลดไม่ได้ด้วยสิ…” เยี่ยมู่ฝานคิดไม่ตก
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มน้อยๆ “รีบไปทำไม หวงเทียนจะใช้เงินช่วยพวกเราเตรียมสถานที่ เชิญสื่อทั้งเมือง จัดงานแถลงข่าวใหญ่โตให้เราเองแหละ”
“แกพูดอะไรน่ะ หวงเทียนจะช่วยเราเตรียมตัว? จะเป็นไปได้ยังไง! พวกเขาเสียสติบ้าไปแล้วเหรอ” เยี่ยมู่ฝานสับสนงุนงง
เยี่ยมู่ฝานกำลังจะเอ่ยปากถามต่อ แต่เวลานี้มือถือก็ดังขึ้นมา เป็นสายจากเยี่ยอีอีอ
เยี่ยมู่ฝานขมวดคิ้วมุ่นทันที “เยี่ยอีอีโทรมาหาฉันเวลานี้ทำไม”
เยี่ยหวันหวั่นยกมุมปากน้อยๆ “รับสิ”
เยี่ยมู่ฝานรับสายหน้าตึง “มีธุระอะไร”
“มู่ฝาน วันนี้หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก่อตั้งครบยี่สิบปี คืนนี้มีงานเลี้ยงฉลองครบรอบยี่สิบปีนายกับหวันหวั่นก็มาด้วยกันสิ!” เสียงสุภาพมีมารยาทของเยี่ยอีอีดังมาจากอีกฝั่งมือถือ
เยี่ยมู่ฝานขมวดคิ้วแน่นทันทีทันใด
เยี่ยอีอีใจดีถึงขนาดเชิญพวกเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงครบรอบของหวงเหียน?
อย่าเป็นงานเลี้ยงเชือดแขกอะไรเชียวนะ…
เหมือนกลัวว่าเยี่ยมู่ฝานจะไม่ไปยังไงยังงั้น เยี่ยอีอีเอ่ยอีกว่า “ฉันบอกคุณปู่กับคุณย่าแล้ว คุณปู่กับคุณย่าก็เห็นด้วยว่าให้พวกนายมา เพราะงั้นไม่ต้องเกรงใจ”
เยี่ยมู่ฝานได้ยิน ก็กำลังคิดจะปฏิเสธ แต่เขาพลันนึกถึงคำพูดที่เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งพูดเมื่อครู่ จึงชะงักทันควัน
หรือว่านี่คือที่เยี่ยหวันหวั่นพูด…มีคนจ่ายเงินช่วยพวกเขาเตรียมงานแถลงข่าวใหญ่โต?
เยี่ยมู่ฝานฉุกคิดบางอย่าง เขาเอ่ยปากทันที “เข้าใจแล้ว ฉันจะไปตรงเวลา!”
ปลายสายมือถือ เยี่ยอีอีปกปิดแววเหยียดหยามในน้ำเสียง แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ตกลง เดี๋ยวฉันจะให้คนไปส่งการ์ดให้พวกนาย มู่ฝานนายอย่าถือสานะ ยามที่มาใหม่ไม่รู้จักนายกับหวันหวั่น มีบัตรเชิญจะสะดวกกว่า…”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจแน่นอน คุณปู่กับคุณย่ายอมให้ฉันไปร่วมงาน ฉันก็ดีใจมากแล้ว”
หลังวางสาย เยี่ยมู่ฝานก็เอ่นถามทันที “เพราะงั้น หวันหวั่น แกคิดจะเปลี่ยนงานเลี้ยงฉลองครบรอบยี่สิบปีของหวงเทียนเป็นงานแถลงข่าวของพวกเราเหรอ”
ความสวมรอยนี้…ยิ่งใหญ่กว่าที่คิดเสียอีก…
งานเลี้ยงฉลองครบรอบยี่สิบปีของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์เริ่มเตรียมพร้อมตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โปรโมตโฆษณากันอย่างคับฟ้า
เพื่อกดกระแสของโกลบอลเอนเตอร์เทนเมนต์ แสดงให้เห็นว่าหวงเทียนเป็นบอสใหญ่ สถานที่จัดงานในครั้งนี้หวงเทียนจึงเช่าศูนย์จัดการแสดงนานาชาติที่แพงที่สุดในเมืองหลวง ถึงตอนนั้น สื่อและนักข่าวชื่อดังต่างๆ ทั้งเมืองก็จะปรากฏตัว ตั้งแต่โฆษณาไปจนถึงเครื่องดื่มสถานที่ งานเลี้ยงฉลองนี้ใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล
……………………