บทที่ 935 บ้าไปแล้วชัดๆ
ถานเจิ้นซินได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงเหยียดหยาม ครึ่งปีก่อนมีคนเขียนผลงานที่เหมือนกันเป๊ะออกมา?
เรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง!
เจ้าเด็กเยี่ยมู่ฝานนั่นคงเพ้อฝันแล้ว!
พริบตาที่เยี่ยมู่ฝานพูดจบ ภาพบนหน้าจอใหญ่ก็เปลี่ยนไป ปรากฏเป็นภาพสกรีนช็อตหลายภาพ
ไอดีที่ลงทะเบียนใช้ชื่อว่าสวีหลินโพสต์บทละครที่ชื่อเรื่อง ‘เป็นหรือตาย’ ลงบนบล็อกส่วนตัว ทุกคนกวาดตาอ่านคำแนะนำคร่าวๆ เนื้อหาของมันเหมือนกับ ‘ยุคสมัยแห่งรัก’ ของถานเจิ้นซินไม่ผิดเพี้ยน!
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงคือ เวลาที่ ‘เป็นหรือตาย’ ของสวีหลินถูกโพสต์ลงในบล็อกกลับมาก่อนเวลาสร้างผลงานเรื่อง ‘ยุคสมัยแห่งรัก’ ซึ่งแถลงกับสาธารณะของถานเจิ้นซินถึงครึ่งปีกว่า…
ขณะมองเนื้อหาบนจอใหญ่ด้านหลังเยี่ยมู่ฝาน สื่อมวลชนทั้งหมดตรงนั้นตาค้างไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่ว่าสวีหลินแอบอ้างบทหนังของถานเจิ้นซินหรอกนะ ทำไมเวลาโพสต์ ‘เป็นหรือตาย’ ของสวีหลินถึงเร็วกว่าเรื่อง ‘ยุคสมัยแห่งรัก’ ได้?”
“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่ใช่ว่าตรงกันข้ามกันหรอกเหรอ เป็นถานเจิ้นซินที่ลอกเลียนผลงานของสวีหลินถึงจะถูก?”
“นี่…ไม่น่ามั้ง…ถานเจิ้นซินเป็นนักเขียนบทมือทอง…มีอะไรเข้าใจผิดกันหรือเปล่า…”
ถานเจิ้นซินจ้องภาพบนหน้าจอใหญ่ที่ด้านหลังเยี่ยมู่ฝาน คิ้วขมวดน้อยๆ แต่สีหน้ายังนับว่าใจเย็น เขาเอ่ยปากอย่างมั่นใจ “เยี่ยมู่ฝาน! คุณถึงกับทำหลักฐานปลอมขึ้นมาเลยเหรอ!”
เยี่ยมู่ฝานหัวเราะ เอ่ยเสียงเรียบว่า “อาจารย์ถานเจิ้นซิน ผมไม่โง่ถึงขั้นทำหลักฐานปลอมห่วยๆ ต่อหน้าเพื่อนๆ สื่อมวลชนมากมายขนาดนี้หรอก ถ้าทุกคนไม่เชื่อ ตอนนี้ก็ลองเสิร์จที่อยู่บล็อกที่แสดงบนจอใหญ่ด้านหลังผมดู ไปดูด้วยตัวเองก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ”
ก่อนที่เยี่ยมู่ฝานจะเอ่ยปากเรื่องนี้ ในที่นี้ก็มีนักข่าวบางคนหยิบมือถือมาค้นหานานแล้ว
ผลก็คือเมื่อได้ดู ทุกคนพากันเผยสีหน้าตกใจสุดขีด
บนบล็อกนั้นเสิร์จเจอเนื้อหาที่แสดงในสกรีนช็อตจริงๆ ของจริงแท้แน่นอน ไม่ใช่ภาพปลอมที่เยี่ยมู่ฝานตัดต่อขึ้นมาเอง
หลักฐานคาหนังคาเขาพลันปรากฏต่อหน้าทุกคนด้วยวิธีที่เห็นได้ง่ายดายเป็นที่สุด
เดิมทีถานเจิ้นซินยังไม่กลัวเพราะมีคนถือหาง แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนโดยรอบแปลกไป เขาถึงรีบล้วงมือถือออกมาค้นหา เมื่อเห็นผลลัพธ์ก็ตาค้างไปเช่นกัน
“นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ตอนที่สวีหลินเริ่มเขียนบทหนังเรื่องนี้ เขาจับดูตาตั้งแต่ต้นจนจบ จะเขียนบทนี้เสร็จตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนได้อย่างไร?
บ้าไปแล้วชัดๆ!
สายตาของเยี่ยมู่ฝานกวาดมองทุกคนในงาน เอ่ยปากว่า “สำหรับบริษัทหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะทำสัญญาความร่วมมือโปรเจกต์ไหน ก็ไม่อาจเริ่มโดยที่ยังไม่เตรียมการและตรวจสอบดีพอเสียก่อน
พวกผมขอยืนยันว่า บทหนังของคุณสวีหลินไม่มีปัญหาอะไร มีหลักฐานพิสูจน์จุดนี้เพียงพอ และยังเต็มใจรับข้อสงสัยใดๆ ก็ตาม
เพียงแต่ ผมคิดว่าด้วยชื่อเสียงและคุณธรรมของอาจารย์ถานเจิ้นซิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอาจารย์ถานเป็นนักเขียนบทเซ็นสัญญากับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ แต่ไหนแต่ไรชื่อเสียงของหวงเทียนก็รับประกันได้ ผมเลยคิดว่าเรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง เมื่อสักครู่นี้ผมจึงหวังตลอดว่าจะได้ถามอาจารย์ถานเป็นการส่วนตัวก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่น่าพอใจ
แต่ในเมื่ออาจารย์ถานยืนกรานอยากให้ถกกันต่อหน้าทุกคน อย่างนั้น ผมก็มีแต่ต้องเคารพความคิดเห็นของคุณ!”
ถานเจิ้นซินยืนอยู่ด้านล่างเวที เผชิญหน้ากับสายตารอบข้างที่ผิดปกติขึ้นเรื่อยๆ และคำซุบซิบวิจารณ์ เวลานี้เหงื่อเย็นไหลชุ่มโชกแล้ว
เขาคิดแทบสมองแตกก็คิดไม่ออก ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้…
แต่เรื่องที่ประหลาดขนาดนี้ก็ดันเกิดขึ้นแล้ว…
————————————————————————————
ตอนที่ 936 กำจัดไปพร้อมกัน
ต่อให้มีใจตรงกันอีกสักเท่าไร ก็ไม่มีทางเขียนบทภาพยนตร์ที่เหมือนกันทุกอย่างออกมาได้…
แบบนั้นก็เหลือแค่คำอธิบายเดียวแล้ว เจ้าสวีหลินนั่นหลอกลวงเขา ฝ่ายตรงข้ามเขียนบทนี้เสร็จนานแล้ว แถมยังป้องกันเขาด้วยการโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต
เขา…เขาตกลงในกับดักของฝ่ายตรงข้ามโดยสมบูรณ์!
หลังจากพวกสื่ออึ้งงันกันช่วงเวลาสั้นๆ ฉับพลันนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น
ผ่านมาตั้งนาน ที่แท้เข้าใจผิดเองเหรอ
คนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่จูเสินสือไต้ แต่เป็นหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์
ช่วงเวลานั้นสื่อมวลชนทั้งหมดหันไปล้อมถานเจิ้นซิน
นักข่าวถาม “อาจารย์ถานครับ หลักฐานที่คุณเยี่ยเสนอมา คุณคิดว่ายังไงเหรอครับ”
ถานเจิ้นซินตอบ “ผม…ผมคงจำผิด…ความจริงผมเขียนบทเรื่องนี้เสร็จนานแล้ว!”
นักข่าวถาม “แต่เมื่อกี้คุณพูดว่าเขียนเสร็จเมื่อสามเดือนก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วยังบอกว่าคุณหนูอีอีเป็นพยานให้คุณได้นี่ครับ”
นักข่าวจี้ถาม “ความจริงคือคุณขโมยผลงานของสวีหลิน แล้วยังใส่ร้ายป้ายสีสวีหลินเหรอครับ”
ถึงแม้เหล่านักข่าวจะได้ซองแดงของเยี่ยอีอี แต่เรื่องที่ควรทำพวกเขาทำไปแล้ว มีข่าวใหญ่ที่พิเศษอย่างนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางพลาด
เรื่องกลับตาลปัตรเหนือความคาดหมายอย่างนี้ ประเด็นร้อนกว่าข่าวแรกตั้งเยอะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าฝั่งเยี่ยหวันหวั่นก็เตรียมคนของตัวเองมาด้วย
ถานเจิ้นซินคิดจะกลบเกลื่อนอย่างตะกุกตะกัก แต่ก็จนใจเพราะก่อนหน้านี้เยี่ยมู่ฝานกลบหลุมกับดักมิดหัวเขาแล้ว สถานการณ์ตอนนี้มีจุดบกพร่องเต็มไปหมด
กระทั่งว่ามีสื่อบางคนไปล้อมคนระดับสูงอย่างพวกเยี่ยหงเหวย
นักข่าวถาม “ประธานกรรมการเยี่ย เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ของหวงเทียนครั้งนี้ คุณมองว่ายังไงครับ”
นักข่าวถาม “ประธานกรรมการเยี่ย เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความสะเพร่าด้านการจัดการภายในของหวงเทียนหรือเปล่าครับ”
นักข่าวเอ่ย “ประธานกรรมการเยี่ย หลายปีนี้หวงเทียนเกิดปัญหาบ่อย สถานการณ์อย่างนี้เหมือนจะไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก คุณมีอะไรอยากพูดประเด็นนี้ไหมครับ”
เยี่ยหงเหวยมองสื่อที่วุ่นวายกันเป็นแถบ สีหน้าเขาในเวลานี้ย่ำแย่กว่าเมื่อครู่หลายร้อยเท่า
ในวันสำคัญอย่างวันฉลองครบรอบยี่สิบปีของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์น่าอับอายแบบนี้
เยี่ยอีอีรีบให้รปภ.กันสื่อออกไป “ขอโทษนะคะทุกท่าน นี่เป็นเรื่องภายในของบริษัทพวกเรา รบกวนทุกท่านกลับไปก่อน รายละเอียดเป็นยังไง ไว้หลังวันนี้พวกเราจะเชิญสื่อมาและจัดงานแถลงข่าว!”
เยี่ยหงเหวยโกรธจนหน้าดำทะมึนแล้ว “เส่าอัน นี่มันเรื่องอะไร!”
เยี่ยเส่าอันเอาแต่ตั้งตารอดูละครสนุกๆ ของเยี่ยมู่ฝาน ไม่นึกเลยสักนิดว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ จนกระทั่งบิดาตวาดใส่ เขาถึงได้สติกลับมา “นี่…นี่ต้องเข้าใจอะไรผิดกันแน่…”
เยี่ยหงเหวยเอ่ย “เข้าใจผิด ไหนแกลองว่ามาซิ เข้าใจผิดอะไรกันแน่”
เยี่ยเส่าอันไอเบาๆ หนึ่งทีก่อนตอบ “คุณพ่อ คือว่า…สถานที่อย่างในวันนี้ไม่เหมาะจัดการเรื่องราวจริงๆ รีบไล่พวกนักข่าวไปก่อน แล้วควบคุมสถานการณ์ มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยๆ คุยกันส่วนตัวดีกว่าครับ!”
เหลียงเหม่ยเซวียนเอ่ยสมทบ “มู่ฝานในเมื่อมีหลักฐาน แล้วเมื่อกี้ทำไมไม่พูดให้ชัดเจน เขาจงใจชัดๆ! ไม่ดูหน่อยว่าวันนี้เป็นวันอะไร ต้องได้ก่อเรื่องน่าอับอายขนาดนี้เขาถึงจะพอใจใช่ไหม”
เสียงฝีเท้าไม่รีบร้อนพลันดังขึ้นมาจากข้างหลัง ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นเดินมาถึงข้างกายผู้อาวุโสทั้งสองตั้งแต่เมื่อไร เธอเอ่ยอย่างน้อยใจว่า “คุณปู่คุณย่าคะ เมื่อกี้พี่เขาก็พูดเสียงเบาตลอดว่าอยากจัดการเป็นการส่วนตัว แต่อารอง อาสะใภ้รอง แล้วก็พี่อีอียืนกรานไม่เห็นด้วย ตอนนั้นมีนักข่าวตั้งมากมายขนาดนั้น พวกเขาทุกคนบีบให้พี่มู่ฝานอธิบาย อาสะใภ้รองทำไมไม่คิดบ้างล่ะคะว่าวันนี้วันอะไร”
…………………………..