พิธีแต่งงานระหว่างไป๋ชิวหรานกับเจียงหลานถูกจัดขึ้นแทบจะในทันทีหลังจากจักรพรรดิสวรรค์ประทานพระราชโองการ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีต้องการกำจัดเสี้ยนหนามเช่นเจียงหลานไปให้พ้นตัวโดยเร็วที่สุด พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นที่วิหารของไป๋ชิวหราน เนื่องจากเจียงหลานไม่เป็นที่ชื่นชอบมากนัก ทำให้ภายในงานมีเพียงสาวรับใช้ไม่กี่นางเท่านั้นที่มาช่วยจัดการแต่งตัวให้ ทว่าทางฝั่งของชายหนุ่มนั้น เนื่องจากเขาได้รับรางวัลจากจักรพรรดิสวรรค์เป็นจำนวนมากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้เงินทองกับผ้าไหมเนื้อดีทั้งหมดถูกแจกจ่ายออกไปและใช้มันเพื่อเป็นเครื่องสานสายสัมพันธ์ระหว่างสวรรค์กับโลก ดังนั้นในพิธีแต่งงานครั้งนี้จึงมีความยิ่งใหญ่พอสมควร บรรยากาศภายในงานสมรสจึงเต็มไปด้วยเหล่าเทพเจ้ามากมายที่เคยคุ้นหน้าตาค่าตากันดี แม้แต่เทพเจ้าบนสวรรค์บางองค์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนยังแห่กันมาร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม
ทั้งสองเดินไปมา ดำเนินตามกระบวนพิธีแต่งงานของเผ่าเทพในยุคสมัยนี้ เป็นครั้งแรกที่เจียงหลานยอมถอดเสื้อคลุมหนังสัตว์ที่ตัดเย็บขึ้นอย่างเรียบง่ายและสวมมงกุฎหงส์ไฟ ทำให้ไป๋ชิวหรานประหลาดใจยิ่งนัก
หลังจากพิธีแต่งงานสิ้นสุดลง ไป๋ชิวหรานที่ส่งแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองกลับไปจนหมดแล้ว… ก็ได้รับคำเชิญจากจักรพรรดิสวรรค์อย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีจัดงานเลี้ยงฉลองเป็นการพิเศษ เชื้อเชิญให้เขาและเจียงหลานขึ้นไปยังสวรรค์เพื่อเป็นเกียรติเฉลิมฉลองการแต่งงาน
ด้วยความช่วยเหลือจากเจียงหลาน ไป๋ชิวหรานผู้ที่ไม่สามารถเหาะข้ามผ่านไปยังทางช้างเผือกได้ จึงถูกนำทางไปยังอุทยานสวรรค์อันงดงามวิจิตรโดยเทพเจ้าอีกองค์หนึ่ง
“รอประเดี๋ยวก่อน”
ขณะยืนอยู่ตรงทางเข้าอุทยาน เจียงหลานร้องเรียกไป๋ชิวหราน จากนั้นจึงเอื้อมไปจับมือเขาไว้
ชายหนุ่มหันมองนางด้วยความสงสัย เจียงหลานหยุดชะงักเท้าชั่วครู่และตอบข้อสงสัย
“อย่างน้อยต่อหน้าพระพักตร์ของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี เราต้องแสร้งทำเป็นใกล้ชิดกันเสียหน่อย”
ว่าแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในอุทยานทั้งที่กระชับจับมือกันไว้แน่น จักรพรรดิแห่งสวรรค์ได้สั่งจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองไว้ ณ ที่แห่งนี้พร้อมแล้ว ขณะที่จักรพรรดิสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังก์โดยซ่อนตัวอยู่หลังม่าน เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานเดินเคียงเจียงหลานเข้ามา จึงแย้มยิ้มพร้อมกล่าวชื่นชม
“ประเสริฐยิ่ง ดูเหมือนว่าคู่บ่าวสาวที่เพิ่งผ่านพิธีแต่งงานได้ไม่นานจะรักใคร่กลมเกลียวกันดี”
“ไป๋ชิวหรานถวายบังคมฝ่าบาท”
ชายหนุ่มหยุดชะงัก ก่อนจะโค้งคำนับจักรพรรดิตะวันออกที่อยู่หลังม่าน
“เจียงหลานถวายบังคมฝ่าบาท”
เจียงหลานเรียนรู้ท่าทางของไป๋ชิวหรานอย่างรวดเร็ว และคำนับทักทายจักรพรรดิตะวันออกด้วยท่าทางคล้ายคลึงกัน
“คู่บ่าวสาวทั้งสองไม่ต้องมากพิธี”
จักรพรรดิตะวันออกเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวออก
“นั่งลงเถิด”
ไป๋ชิวหรานยังคงจับมือเจียงหลานไว้ ขณะเดินไปทางด้านซ้ายมือของจักรพรรดิสวรรค์ ซึ่งจักรพรรดิสวรรค์ได้จัดเตรียมโต๊ะทรงเตี้ยทั้งสองไว้แล้วอย่างจงใจ
ภายในงานเลี้ยง ยังมีเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ที่ได้รับเชื้อเชิญให้มาที่นี่ด้วย เทพเจ้าเหล่านี้ทุกองค์ล้วนมีรูปลักษณ์ภายนอกแปลกตา เพราะพวกเขาทั้งหมดช่างคล้ายคลึงกับมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง นอกเหนือจากเทพลู่อู๋แล้ว ไป๋ชิวหรานก็ไม่รู้จักเทพเจ้าองค์อื่นอีก
“บรรดาคนทางฝั่งนั้นคือจักรพรรดิสวรรค์อีกสี่พระองค์”
เจียงหลานกล่าวแนะนำไป๋ชิวหรานด้วยเสียงแผ่วต่ำ
“ส่วนเทพเจ้าองค์อื่น มีหน้าที่ดูแลจักรวรรดิสวรรค์ทั้งเก้า”
หลังจากเห็นว่าชายหนุ่มนั่งลงแล้ว เทพเจ้าเหล่านี้ต่างคำนับทักทายไป๋ชิวหรานกับเจียงหลานเรียงเป็นรายคน ซึ่งเขาก็คำนับตอบทีละคนเช่นกัน ครั้นทำการทักทายกันอย่างพอเป็นพิธีแล้ว จักรพรรดิสวรรค์ก็ตรัสต่อไป
“นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง แม่ทัพไป๋ระสบความสำเร็จในการปราบปรามกลุ่มกบฏที่ก่อตัวขึ้นหลายครั้ง เสริมสร้างชื่อเสียงจักรวรรดิสวรรค์ให้เกรียงไกร เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้กำจัดสิงเทียนให้กับข้า ซึ่งนับว่าเป็นคุณงามความดีอันใหญ่หลวงยิ่ง วันนี้ทั้งแม่ทัพไป๋และเจียงหลานได้เข้าสู่พิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์ จักรพรรดิตะวันตกจึงได้ตระเตรียมของกำนัลไว้สำหรับเฉลิมฉลองการแต่งงานของทั้งสอง”
ทันทีที่จักรพรรดิตะวันออกที่นั่งอยู่หลังม่านกล่าวจบ เขาก็ปรบมือ ไม่นานนักเทพอีกองค์หนึ่งก็ผลักกรงขนาดใหญ่จากด้านนอกอุทยานเข้ามาด้านใน ภายในกรงมีมังกรและหงส์ไฟท่าทางกระสับกระส่ายอยู่รวมกันสองสามตัว
เทพเจ้าผลักกรงมังกรและหงส์ไฟเข้าไปกลางอุทยาน จากนั้นก็เริ่มลับปลายมีดให้แหลมคมพร้อมต่อการเข่นฆ่า!
สีหน้าของไป๋ชิวหรานยังคงสงบราบเรียบเช่นปกติ เขาคาดเดาว่าตนอาจจะได้พบเจอกับสถานการณ์ลองใจเช่นนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ทว่าเจียงหลานกลับเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่สบายใจ
เมื่อเห็นเทพเจ้าเปิดกรงแล้วจับมังกรทองออกมาจากกรงนั้น มังกรกับหงส์ไฟที่เหลืออยู่ภายในกรงก็เริ่มต่อสู้ดิ้นรน ราวกับจะขอความเมตตา ส่งเสียงโหยหวน และขู่กรรโชก
แม้เผชิญหน้ากับสถานการณ์น่าเวทนาเช่นนั้น ทว่าจักรพรรดิตะวันออกรวมถึงเทพเจ้าองค์อื่นที่อยู่รายล้อมกลับแสดงสีหน้าท่าทางราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ก่อนที่จักรพรรดิสวรรค์จะแนะนำให้ไป๋ชิวหรานและเจียงหลานได้รู้จักมันด้วยรอยยิ้ม
“คู่บ่าวสาวทั้งสอง ตับมังกรทองสด รวมถึงถุงน้ำดีของหงส์ไฟล้วนแล้วแต่เป็นอาหารอันโอชะที่เสาะหาได้ยากยิ่งนักในโลกใบนี้ ถึงแม้ตัวข้าเองจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ลิ้มรส ทว่าคู่บ่าวสาวทั้งสองกลับโชคดียิ่งกว่าเสียอีก ซึ่งแน่นอนว่าข้าต้องขอแสดงความซาบซึ้งต่อน้ำใจของจักรพรรดิตะวันตกที่ได้มอบมังกรและหงส์ไฟเหล่านี้เป็นของกำนัลให้แก่คู่แต่งงานใหม่ทั้งสอง”
หลังจักรพรรดิสวรรค์ผงกศีรษะ เทพเจ้าผู้มีส่วนหัวเป็นพยัคฆ์ขาวเหยียดยิ้ม ก่อนยืนขึ้นโค้งคำนับเทพเจ้าที่อยู่รายรอบ
สิ้นเสียงกรีดร้องโหยหวนเพราะความเจ็บปวด เทพเจ้าก็ผ่าท้องของมังกรกับหงส์ไฟในกรงอย่างชำนาญเพื่อควักเอาเครื่องใน ตับและถุงน้ำดีออกมาจากซากของพวกมัน หลังผ่านการตระเตรียมโดยบ่าวรับใช้ด้านข้างเล็กน้อย จึงนำพวกมันมาวางลงในถาด ก่อนจะยกขึ้นเสนอต่อหน้าเหล่าทวยเทพ
ดวงตาเทพองค์อื่นเริ่มเป็นประกายเพราะความหิวโหย ทว่าไป๋ชิวหรานที่กำลังมองไปยังตับสีแดงก่ำที่ยังเต้นตุบ ๆ ตรงหน้า กลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว
ใช่ว่าเขารับไม่ได้ที่ต้องกัดกินชิ้นส่วนของมังกรกับหงส์ไฟ แต่เป็นเพราะตนไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันกับเทพเจ้าเหล่านี้ อีกทั้งการที่จักรพรรดิสวรรค์จับเอามังกรกับหงส์ไฟเหล่านี้มาเชือดและกินเนื้อบางส่วนของพวกมันในลักษณะที่ยังดิบเช่นนี้ ช่างเป็นความป่าเถื่อนจนเกินรับได้ พลอยให้ความอยากอาหารลดลงทันใด
ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเจียงหลานเล็กน้อย เห็นเพียงว่าเจียงหลานจับจ้องไปยังถาดเงินที่อยู่ตรงหน้า แต่มองได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็รีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองอย่างฉับพลัน ริเริ่มกระเถิบถอยหนี
“ฮ่า ๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ทว่าอุปนิสัยไม่งามของเจียงหลานจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
เมื่อมองทะลุผ่านม่านเข้าไป และเห็นว่าเงาของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีทำท่าทางคล้ายวางตะเกียบลง ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม
“ช่างน่าเสียดาย ในโลกนี้ยังมีอาหารเลิศรสอีกหลากหลาย เกรงว่าเจียงหลานคงไร้ซึ่งวาสนาที่จะได้ลิ้มรสเสียแล้ว”
เทพเจ้าองค์อื่นเริ่มหัวเราะเยาะหลังสิ้นคำกล่าวของอีกฝ่าย ไป๋ชิวหรานเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองไปโดยรอบ เห็นคราบเลือดเป็นวงกลมเปื้อนเปรอะอยู่รอบริมฝีปากของพวกเขาเหล่านั้น ราวกับว่าทุกคนไม่ได้ร่วมงานเลี้ยงอยู่ในสถานอันเป็นที่พำนักของเหล่าทวยเทพ
“ขอกราบทูลอภัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ชายหนุ่มจับไหล่ของเจียงหลานไว้ ก่อนหันไปกล่าวกับจักรพรรดิตะวันออกไท่อี
“ดูเหมือนว่าร่างกายภรรยาของกระหม่อมดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก…”
“แม่ทัพไป๋ยังคงเห็นอกเห็นใจและหวงแหนหยกล้ำค่าดังเช่นที่ข้าคาดเดา”
น้ำเสียงของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี ฟังดูแฝงไปด้วยความเวทนาสงสาร
“ลืมไปเสียเถอะ เจียงหลานและเจ้าเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปได้ไม่นานนัก ตามหลักโดยทั่วไปของคู่บ่าวสาวใหม่ แม่ทัพไป๋ เจ้าควรพาเจียงหลานกลับไปดูแลให้ดี”
ไป๋ชิวหรานจึงใช้โอกาสนี้หยัดกายลุกขึ้นและคำนับลา ก่อนจะเดินออกไปจากงานเลี้ยงฉลองกลางคัน เบื้องหลังยังคงได้ยินเสียงหัวเราะอันมีนัยบางอย่างแอบแฝงของบรรดาเทพเจ้า เขาไม่สนใจ… พลางประคองเจียงหลานเดินออกมาจากอุทยาน โดยอาศัยพลังของนางเหาะลงมาจากสรวงสวรรค์
หลังหลุดพ้นจากทางช้างเผือกเหนือสวรรค์มาแล้ว สีหน้าท่าทางของเจียงหลานพลันมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง นางรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาจากไป๋ชิวหรานเพื่อซับริมฝีปากตนเอง ก่อนจะเอ่ยถาม
“เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง? พวกเขาเหล่านั้นคือเทพเจ้าแห่งยุคสมัยนี้”
“ไร้จิตสำนึก ดื่มเลือดไม่กลัวป่วยไข้”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางกล่าวด้วยความรังเกียจ
“ไม่ต่างอะไรจากคนป่าเถื่อนกลุ่มหนึ่ง”
เขาหันมองไปที่เจียงหลานอีกครั้งและเอ่ยถาม
“เจ้าเห็นแล้วไม่นึกรังเกียจเลยหรือ?”
“ข้าเคยเห็นเมื่อนานมาแล้วล่ะ ข้ารังเกียจเพียงเพราะมันน่าขยะแขยงเท่านั้น ทว่าไม่ได้ถึงขั้นอาการไม่สู้ดี”
เจียงหลานเช็ดมุมปากอย่างใจเย็น จากนั้นจึงใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำความสะอาดผ้าเช็ดหน้า
“หากข้าไม่แสร้งทำเป็นออกตัวว่าอาการของเจ้าไม่สู้ดี เจ้าคงจำเป็นต้องกินตับดิบเสียก่อน เช่นนั้นพวกเขาถึงจะยอมปล่อยให้จากไป เจ้าเองก็ขยะแขยงมันไม่ใช่หรือ?”
ไป๋ชิวหรานหวนนึกถึงตับมังกรดิบที่มีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงที่เคยอยู่ตรงหน้า… พลันให้รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก”
เจียงหลานเหม่อมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เปล่งประกายแสงท่ามกลางความมืดมิดรอบกาย ก่อนจะกล่าวว่า
“ตอนนี้เจ้าและข้าเปรียบเสมือนตั๊กแตนที่เกาะเกี่ยวอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน มีสุขร่วมแบ่งปัน มีทุกข์ร่วมบรรเทา ช่วยเหลือเจ้าก็เปรียบดังช่วยเหลือตนเอง”