บทที่ 205 พลังแห่งจักรพรรดิตะวันออก
ขณะที่ร่างของจ้งหลีล้มลงกองกับพื้น ทั่วโลกพลันเกิดความวุ่นวายขึ้นในบัดดล เปลวเพลิงมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดลุกโชนขึ้นทั่วบริเวณอย่างควบคุมไม่ได้ แผดเผาท้องฟ้าทางทิศใต้จนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน!
จักรพรรดิตะวันออกที่ประทับอยู่บนรถม้ามังกรยืนขึ้น ด้วยรูปร่างแข็งแรงมั่นคง เขาก้าวลงจากบันไดของรถม้ามังกรเดินตรงมาจนถึงขอบม่าน
“แม่ทัพไป๋ทรงพลังยิ่ง นั่นทำให้ประหลาดใจเสียจริงเชียว แม้ว่าจ้งหลีคิดจะแปรพักตร์ในตอนท้าย ทว่ายังมีสายเลือดของจักรพรรดิเหยียน ในฐานะที่เป็นเทพอัคคี ความแข็งแกร่งของเขาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะสิ้นชีพได้โดยง่ายคามือของแม่ทัพไป๋เช่นนี้”
เขาถอนหายใจ
“ดูเหมือนว่าข้าคงต้องลงมือด้วยตัวเองเสียแล้ว”
“ข้ารอคำนี้อยู่นานทีเดียว”
ไป๋ชิวหรานโค้งคำนับอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวต่อไป
“ฝ่าบาท โปรดชี้แนะด้วย”
“พวกเจ้าจงกลับไปยังปราสาทสวรรค์ก่อน”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีออกคำสั่งไปยังเหล่าทหารเทพที่ประสบความเสียหายอย่างหนักในสงครามครั้งนี้
กองทัพเทพตอบรับและหลบหนีออกไปอย่างเร่งรีบ บางคนหันหลังมองกลับมาที่ไป๋ชิวหรานเป็นระยะ ด้วยเกรงว่าเขาจะไล่ตามตนเองมา
ทันใดนั้นจักรพรรดิตะวันออกไท่อีก็ยื่นฝ่ามือออกไป จากด้านหลังม่านปรากฏฝ่ามือหนาที่ไม่ต่างไปจากฝ่ามือของมนุษย์ชายวัยกลางคนทั่วไป ฝ่ามือนี้ค่อย ๆ ยกม่านแขวนขึ้น ก่อนที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีที่อยู่หลังม่านจะหันหลังกลับ กลายเป็นแสงสีทองพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วหายวับไป
ไป๋ชิวหรานมองตามขึ้นไปบนท้องฟ้า กะพริบตาปริบและเอ่ยด้วยความแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้น เขากลายเป็นแสงสว่างไปแล้วหรือ?”
“เปล่า!”
จื้อเซียนตะโกนลั่น
“ตอนนี้เขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับท้องฟ้าไปแล้ว ระวัง!”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ จู่ ๆ มีฝ่ามือยักษ์ยื่นออกมาจากท้องฟ้า ขยายขนาดขึ้น ก่อนจะออกแรงตบไป๋ชิวหรานที่อยู่กลางอากาศให้ร่วงลงไปยังพื้นดิน
กลุ่มเมฆกระจายตัวออกไป ใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ดวงดาวเลื่อนมารวมตัวกัน ซึ่งเปรียบเสมือนแทนดวงตาทั้งสองข้าง พร้อมกับกระแสน้ำวนอันมืดมิดที่ก่อรวมขึ้นเป็นปากอันใหญ่โต
“เป็นอย่างไร?! นี่คือพลังอำนาจแห่งข้า เมื่อได้ยึดครองพลังแห่งท้องฟ้าและหลอมรวมอำนาจของเทพเจ้าโบราณนับไม่ถ้วน ตอนนี้ข้าสามารถกลายร่างเป็นร่างจุติของท้องฟ้าแล้ว!”
ใบหน้ายักษ์เหนือท้องฟ้าอ้าปากกว้าง เสียงที่เปล่งออกมาดังกึกก้องไปทั่วทั้งจักรวาล ก่อนจะเอื้อนเอ่ยอย่างเนิบช้า
“แม่ทัพไป๋ ข้าคือท้องฟ้า และนี่คือพลังแห่งท้องฟ้า เจ้าประจักษ์ชัดแล้วหรือไม่?”
“จากที่เห็นอยู่ตอนนี้ ข้าพอจะเข้าใจแล้ว”
เสียงของไป๋ชิวหรานค่อย ๆ ดังขึ้นจากสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งใบหน้ายักษ์บนท้องฟ้ายื่นมือออกมา
“ข้าคิดว่าท่านจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด”
พลังอำนาจอันสุดแสนจะทรงพลังและไร้เทียมทาน ปรากฏขึ้นมาจากบนฝ่ามือทั้งสองของเขา พร้อมกับการที่ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความโกลาหล ขณะนี้โลกทั้งใบสั่นสะเทือนเลือนลั่น!
ใบหน้ายักษ์บนท้องฟ้าเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกยิ่ง ด้วยรู้สึกว่าพลังอำนาจจากฝ่ามือของอีกฝ่ายนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เขาจะเทียบเทียมได้
ฝ่ามือของไป๋ชิวหรานค่อย ๆ ถูกดันขึ้นสูงด้วยพละกำลังมหาศาล ภายใต้ฝ่ามือ ร่างกายของชายหนุ่มค่อยสูงซึ่งทวีขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งศีรษะของจรดท้องฟ้า แขนเสริมพิเศษที่ยื่นออกมาจากด้านหลังเอื้อมขึ้นไปบนฟ้าเพื่อไขว่คว้าบางสิ่ง
“จักรพรรดิตะวันออกไท่อี”
ไป๋ชิวหรานยื่นมือออกไป คว้าใบหน้ายักษ์บนท้องฟ้าแล้วจับยึดไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
“เจ้า… ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
ใบหน้าของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีพยายามกระเสือกกระสนถอยกลับด้วยความหวาดกลัว ทว่าถูกจับยึดไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ไป๋ชิวหรานหันมองลงไป ณ ที่แห่งนั้น ไป๋ลี่กำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับภัยพิบัติแห่งทัณฑ์สวรรค์ บางทีช่วงจังหวะนั้นเขาอาจสังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองลงมาของไป๋ชิวหรานได้ ท่ามกลางพายุมรสุมฝนฟ้าคะนองอันรุนแรง ไป๋ลี่ต้านทานแรงกดดันจนแทบหายใจไม่ออกจึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังยืนหยัดอยู่เหนือฟากฟ้า
ครั้นเห็นไป๋ลี่มองตอบกลับมาเช่นกัน ไป๋ชิวหรานจึงกล่าวกับเขาว่า
“ทำได้ดีมาก ลี่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงโลก!”
ท้ายที่สุด เขาเปล่งเสียงคำรามลั่น ก่อนที่แขนที่เพิ่มจากหกเป็นหลายสิบข้างออกแรงฉุดกระชากร่วมกัน คว้าเอาท้องฟ้าก่อนจะดึงลงมาด้วยความแรง
โลกทั้งใบเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับดอกหญ้าที่พลิ้วไหวอยู่กลางสายลม เปราะบางยิ่งทั้งยังเสี่ยงต่อการระเบิดภายในครั้งเดียว ท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่แขวนอยู่สูงปกคลุมเหนือผืนโลกมาเป็นเวลาหลายพันล้านปี บัดนี้กลับถูกไป๋ชิวหรานกระชากดึงลงมาจนเอียงกระเท่เร่ไปทางทิศตะวันออก!
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ไอ้โจรกบฏ!”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีคำรามอย่างโกรธจัด ก่อนที่ดวงดาวนับพันบนท้องฟ้าจะเคลื่อนเข้าหากัน ก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์แล้วตบลงไปยังหน้าผากของไป๋ชิวหรานอีกครั้ง
ทว่าชายหนุ่มยกกระบี่ขึ้นด้วยมือเพียงข้างหนึ่ง ก่อนจะออกแรงฟาดฟันลงไปภายในครั้งเดียวเท่านั้น ฉับพลันแสงกระบี่สีขาวโพลนแผดแสงสว่างจ้ากวาดไปทั่วท้องฟ้า ขณะที่เสียงกรีดร้องโหยหวนของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีดังกัมปนาท ไม่นานท้องฟ้าร่วงตกลงมาจากฟากฟ้า พร้อมกับดวงดาวนับไม่ถ้วนที่ตกลงกระแทกพื้นโลก
“สารเลวเอ๊ย!”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีสบถสาปแช่งด้วยความโกรธแค้นยิ่ง ก่อนจะตะเกียกตะกายออกมาจากท้องฟ้า แสงสีทองอร่ามก่อรวมร่างกลายเป็นบุรุษร่างกำยำในชุดคลุมสีเหลืองบนท้องฟ้า เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะมองย้อนกลับไปที่ไป๋ชิวหราน ซึ่งทำได้แต่วิ่งหลบหนีกลับไปยังปราสาทสวรรค์โดยเร่งด่วน
“จักรพรรดิผู้ปกครองสวรรค์และโลกมีพลังอำนาจน้อยนิดเช่นนี้เองหรือ?”
ไป๋ชิวหรานไล่ติดตามเขาไป ทั้งสองออกมาจากดินแดนตะวันออกสู่บริเวณใจกลางสวรรค์และโลก ยังไม่ทันที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีจะข้ามไปยังทางช้างเผือกได้สำเร็จ ร่างของเขากลับถูกปิดกั้นเล็กน้อย นั่นทำให้ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นทันทีและเอื้อมไปคว้าไว้
ตอนนี้ส่วนหนึ่งของทางช้างเผือกอยู่ในมือของเขาแล้ว ขณะที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีอยู่ตรงใจกลางของทางช้างเผือกพอดิบพอดี ไป๋ชิวหรานพลันออกแรงดึงมัน ทำให้ทางช้างเผือกทั้งหมดสั่นสะเทือน จนจักรพรรดิตะวันออกไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงไปครู่หนึ่ง
“ฝ่าบาท อย่าคิดหลบหนีเลย!”
ภายในทางช้างเผือก เทพแห่งน้ำร่างเล็กจำนวนมากที่เป็นผู้รับผิดชอบทางช้างเผือกนำกองกำลังของตนเองกรูเข้าไปหมายจะสังหารไป๋ชิวหราน และพุ่งเข้ามาป้องกันทางช้างเผือกไว้ด้วยหน้าไม้ที่มีขนาดใหญ่เหมาะสมกับร่างของเหล่าทวยเทพ ขณะเดียวกันนั้น เผ่าพันธุ์อื่นมากมายนับไม่ถ้วน เช่นมังกรและเต่าทมิฬต่างรีบทะยานออกไปจากทางช้างเผือกหมายโจมตีจักรพรรดิตะวันออกไท่อีเช่นกัน
“จอมโจรจักรพรรดิตะวันออกไท่อีหน้าสุนัข เจ้าเข่นฆ่าพี่น้องเผ่าพันธุ์ของข้า!”
“ไอ้พวกกบฏ! กล้าดีอย่างไร?!”
ทั้งสองฝ่ายถาโถมเข้าต่อสู้กันอย่างรวดเร็วบนทางช้างเผือก สถานการณ์พลันสับสนวุ่นวายขึ้นทุกขณะ ไป๋ชิวหรานพยายามออกแรงมากยิ่งขึ้น ก่อนที่ส่วนหนึ่งของทางช้างเผือกจะถูกเขาฉุดกระชากลงมาจากท้องฟ้า สายน้ำสาดกระเซ็นอย่างมหาศาล ก่อนที่ส่วนนี้ของทางช้างเผือกจะร่วงตกลงไปยังแผ่นดินใหญ่เบื้องล่าง กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ธาราสวรรค์ ซึ่งก็คือแม่น้ำสลายวิญญาณในปัจจุบันที่แบ่งแยกทวีปออกเป็นสองฟากฝั่ง
แต่ถึงกระนั้น เผ่าพันธุ์อื่นที่อาศัยอยู่ในทางช้างเผือก เช่นมังกรกับเต่าทมิฬยังคงโรมรันเข้าใส่เหล่าเทพแห่งน้ำ และต่อสู้กันอย่างไม่รู้จบ
ไป๋ชิวหรานเพิกเฉยต่อเหตุการณ์นั้น หลังจากสามารถฉีกแม่น้ำธาราสวรรค์จนตกลงไปยังพื้นโลกได้แล้ว จักรพรรดิตะวันออกไท่อีสามารถหลุดพ้นออกมาได้และกลับคืนสู่ท้องฟ้า
“รวดเร็วเกินไปแล้ว”
การไหลเวียนของขั้นวิญญาณแท้จริงภายในร่างกายเริ่มควบคุมร่างกายของเขาให้ขยายขนาดสูงใหญ่กว่าปกติหลายเท่า ก่อนจะเหาะทะยานตามอีกฝ่ายไปยังปราสาทสวรรค์
ระหว่างทาง ดวงดาวนับไม่ถ้วนพลันกลายร่างเป็นเทพเจ้า ต่างต้องการจะหยุดยั้งเขา ทว่าไป๋ชิวหรานเพียงโบกมือพร้อมออกแรงตบเท่านั้น ทำให้เหล่าเทพดาราบนท้องฟ้าเหนือสวรรค์แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เทพเจ้าที่เหลือจึงกลายร่างกลับเป็นดวงดาวเช่นเดิมทันที จากนั้นซ่อนเร้นกายอยู่ในส่วนลึกของท้องฟ้า… ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาขัดขวางทางอีก
ชายหนุ่มขึ้นมาสู่สรวงสวรรค์แล้ว สายตาของเขากวาดมองผ่านสวรรค์ทั้งหมด สำรวจมองไปทั่วทั้งปราสาทสวรรค์
“แม่ทัพไป๋ เจ้ากำลังตามหาข้าอยู่กระนั้นหรือ?”
เสียงดังขึ้นจากเบื้องบนอันสูงสุดของท้องฟ้า ไป๋ชิวหรานเงยหน้าขึ้นและพบว่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีกำลังยืนอยู่ที่นั่น พร้อมกับระฆังขนาดใหญ่ลักษณะคุ้นตาในมือ
“ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอย่างแท้จริง”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีทอดถอนใจ
“ต่อให้ข้าหยิบยืมพลังแห่งท้องฟ้า เกรงว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเทียบเคียงกับพลังอำนาจของเจ้าได้ เจ้าบังคับให้ข้าต้องงัดเอาไพ่ตายใบสุดท้ายออกมาใช้”
“ระฆังจักรพรรดิตะวันออก?”
ไป๋ชิวหรานกระซิบ
“ถูกต้อง ครั้งล่าสุดที่ข้าพึ่งพามัน คือเพื่อเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งสามารถเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ตี้จวินที่ครองอำนาจสูงสุดในขณะนั้นได้”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีถือระฆังไวในมือขณะกล่าวต่อไป
“มันเป็นเสมือนรากเหง้าทางจิตวิญญาณ เป็นฐานะทางปุโรหิตที่แท้จริงของข้า แม่ทัพไป๋ ตราบใดที่เจ้าเผชิญหน้ากับมัน เจ้าไม่มีโอกาสเอาชนะได้”
“เช่นนั้นข้าต้องการดูให้ชัดเจน… ว่าฝ่าบาทจะทรงทำให้ข้าพ่ายแพ้ด้วยวิธีใด”
ไป๋ชิวหรานเรียกกระบี่วารีสารทกระจ่างฟ้าออกมา ก่อนจะชี้ปลายกระบี่คมกริบไปยังจักรพรรดิตะวันออกไท่อี
ชายหนุ่มจ้วงแทงกระบี่ออกไป แสงเย็นเยียบของกระบี่ส่องทะลุไปทั่วทั้งปราสาทสวรรค์ พุ่งตรงไปยังใบหน้าของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีด้วยความเร็วสูง ทว่าจักรพรรดิตะวันออกกลับไม่แปรเปลี่ยนสีหน้าแต่อย่างใด เขาเพียงยกระฆังขนาดใหญ่ในมือขึ้น แล้วออกแรงสั่นไหวเบา ๆ ครั้งหนึ่งเท่านั้น
เคร้ง…
โลกทั้งใบพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาแพร่กระจายไปทั่ว การเคลื่อนไหวของไป๋ชิวหรานหยุดชะงักลงทันที