ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 240 การต่อสู้สำคัญที่สุด

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 240 การต่อสู้สำคัญที่สุด

บทที่ 240 การต่อสู้สำคัญที่สุด

ไป๋ชิวหรานและราชาอสูรหยกวิเศษเดินไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมายภายในวังราชาอสูรหยกวิเศษ ทั้งสองมาถึงโถงที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา ในเวลานี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่ราชาอสูรหยกวิเศษจัดเตรียมเพิ่งเสร็จสิ้น

หลังจากที่ได้ฟังคำกล่าวของราชาอสูรหยกวิเศษแล้ว ไป๋ชิวหรานลอบเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในโลกอสูรแห่งนี้

“นายท่าน”

ในเวลานี้ ราชาอสูรหยกวิเศษกล่าวขึ้น

“พวกเราเข้าไปด้านในกันเถิด”

ชายหนุ่มเงยหน้ามองโถงตรงหน้าพร้อมถามว่า

“ที่นี่คือที่ใด?”

ราชาอสูรหยกวิเศษโบกมือไล่อสูรเฝ้าโถงทั้งหมดออกไป ก่อนจะกล่าวตอบ

“มันคือคลังสมบัติของราชาผู้นี้”

“แล้วท่านพาข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใดเล่า?”

ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ

“นายท่าน ท่านเอาชนะข้าได้ แต่ไม่ต้องการความมั่งคั่งและความสง่างาม อีกทั้งยังไม่อยากตำแหน่งราชาแห่งอาณาจักรอสูรหยกวิเศษ แม้ว่าท่านจะพักอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่กี่เดือน แต่การที่ทำเช่นนี้ มันทำให้ข้าไม่ค่อยสบายใจนัก”

ราชาอสูรหยกวิเศษส่ายศีรษะพร้อมกล่าวต่อ

“ข้าไม่ชอบที่จะต้องอึดอัดเช่นนี้ และพ่ายแพ้ต่อท่าน เช่นนั้นท่านจึงสามารถเข้าไปด้านในและเลือกสมบัติสักสองสามชิ้นเพื่อครอบครอง เพียงเท่านี้ข้าก็สบายใจแล้ว”

ไป๋ชิวหรานมองเขาก่อนจะเอ่ยปาก

“ไม่เป็นไร”

ทว่าราชาอสูรหยกวิเศษยืนกรานที่จะให้เขาเข้าไปด้านใน และตอนนี้จึงไม่อาจปฏิเสธได้อีก เรื่องใหญ่ที่ต้องทำในตอนนี้คือเลือกมันออกมาสักสองสามชิ้น… เพียงแค่เอาออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

ราชาอสูรหยกวิเศษเปิดประตูให้ไป๋ชิวหราน และทั้งสองก็เดินเข้าคลังสมบัติไปพร้อมกัน

ทองคำ เงินตรา ความมั่งคั่ง ผ้าไหม อัญมณี เตียงขนาดใหญ่ที่หรูหราและยังล้ำค่าทำจากหยกทั้งชิ้น ทั้งยังมีปะการังที่แกะสลักจากอัญมณีจำนวนมากถูกกองอยู่บนพื้นของคลังสมบัติ

“นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ดีพอ”

ราชาอสูรหยกวิเศษส่ายศีรษะและกล่าวกับไป๋ชิวหราน

“นายท่าน ตามข้ามาทางนี้”

เขาเปิดประตูลับที่ผนังของคลังสมบัติ และเดินนำไป๋ชิวหรานเข้าไปด้านใน ด้านหลังของประตูลับเป็นห้องโถงใหญ่กว้างขวาง

ที่นี่ สมบัติถูกจัดเรียงเอาไว้เป็นแถว ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาวุธ เกราะต่อสู้ และเป็นสิ่งของคุณภาพสูง แม้ว่าสมบัติเหล่านี้จะไม่หรูหราเทียบเท่ากับภูเขาเงิน หรือภูเขาทองด้านนอก แต่กลับเต็มไปด้วยพลังที่ซุกซ่อนอยู่ หากมองโดยละเอียดแล้วจะทราบว่ามันวิเศษมาก

“นี่คือของสะสมที่แท้จริงของราชาองค์นี้ นายท่าน… ท่านสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการได้”

ราชาอสูรหยกวิเศษรู้สึกยินดีมาก เขาดึงกระบี่สีแดงที่อยู่ด้านข้างออกมาพร้อมกล่าวกับไป๋ชิวหราน

“อย่างเช่นสิ่งนี้ ราชาองค์นี้ขอแนะนำ พลังของมันวิเศษยิ่ง มันคือรางวัลจากการสู้รบที่ราชาองค์นี้ฉกฉวยมาจากราชาอสูรอีกตน”

ไป๋ชิวหรานเหลือบมองมัน และเห็นว่ากระบี่นี้ดูดีอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวจริง ๆ คุณภาพดูดีไม่น้อยและมันคงจะอยู่ในห้าอันดับแรกภายในคลังสมบัติแห่งนี้

เช่นเดียวกับอสูรที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ ราชาอสูรหยกวิเศษยังเป็นอสูรที่บริสุทธิ์และมีจิตใจที่มั่นคง

อย่างไรก็ตาม เขามีกระบี่วารีสารทกระจ่างฟ้าอยู่แล้ว และไม่มีความต้องการที่จะใช้อาวุธอื่น ๆ ในบรรดาคนที่คุ้นเคยกับเขา… หลีจิ่นเหยาเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้วิธีใช้กระบี่ แต่สตรีผู้นั้นมีมีดฟันมังกรคู่ที่เขาขัดเกลาขึ้นให้แล้ว

อาวุธที่ขัดเกลาจากซากศพของจักรพรรดิอสูรองค์แรก แน่นอนว่าคุณภาพของมันย่อมสูงกว่ากระบี่เล่มนี้

“ข้าจะเลือกเอง”

ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะก่อนจะเดินเตร็ดเตร่ไปมาในคลังสมบัตินี้เพียงลำพัง

ราชาอสูรหยกวิเศษเดินตามหลังเขาและถามว่า

“เมื่อกล่าวถึงเรื่องนั้นแล้ว นายท่าน เหตุใดถึงถามถึงราชาอสูรฟ้าทมิฬ? สหายผู้นั้นไม่ใช่อสูรธรรมดา แม้ว่าจะเอาชนะได้ แต่เขาจะไม่ยอมรับท่าน และบางทีอาจจะซุ่มโจมตีและปล่อยให้อสูรพวกพ้องของตนเข้ามารายล้อมท่านเพื่อชำระหนี้แค้น”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ค่อยชอบเขา?”

ชายหนุ่มถามขณะที่สายตายังคงสำรวจสมบัติ

“แน่นอน ข้าไม่ชอบ”

ราชาอสูรหยกวิเศษสูดลมหายใจลึก

“ข้าตามหาเขาเพื่อต่อสู้กันตัวต่อตัวมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่กล้าต่อสู้แม้แต่ครั้งเดียว ไอ้คนขี้ขลาด!”

“เป็นเรื่องที่ดีแล้ว”

ไป๋ชิวหรานหยิบหน้ากากทองสัมฤทธิ์ที่ด้านข้างก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อสูรฟ้าทมิฬกำลังต่อสู้กับยมโลกไม่ใช่หรือ? นี่เป็นโอกาสที่ดี”

“นายท่าน ท่านต้องการโจมตียมโลกร่วมกับอสูรฟ้าทมิฬงั้นหรือ?”

เมื่อราชาอสูรหยกวิเศษได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวถามออกมาอย่างไม่พอใจ

“ผู้ใดบอกว่าข้าจะไปต่อสู้กับยมโลกกับเขา?”

ไป๋ชิวหรานถือหน้ากากไว้ในมือก่อนจะกล่าวต่อ

“มันไม่ใช่เรื่องของเราที่เขากำลังต่อสู้กับยมโลก ให้ข้าถามเจ้าดีกว่า เจ้าต้องการต่อสู้กับยมโลก… หรือว่ากับเขา?”

“หากเทียบกับความชั่วร้ายแห่งหยางและหยินในยมโลกแล้ว แน่นอน ข้าอยากจะประลองกับเขามากกว่า… นายท่าน ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

ราชาอสูรหยกวิเศษเบิกตากว้าง

“ยอดเยี่ยม”

ชายหนุ่มบิดยิ้มมุมปากและพูดว่า

“เจ้าบอกว่าอสูรฟ้าทมิฬกับยมโลกกำลังต่อสู้กัน แล้วหากเราไปดักทางหนีทีไล่เอาไว้ล่ะ… เช่นนั้นเขาจะวิ่งหนีได้อีกหรือไม่?”

“แน่นอนว่าไม่อาจหนีพ้น”

อสูรหยกวิเศษกลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมา

“แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก… มันจะไม่ยิ่งใหญ่เกินไปหรือ? ข้าสาบานว่าจะไม่นำผู้คนเข้าสู่สงครามระหว่างอสูรฟ้าทมิฬกับยมโลกเด็ดขาด”

“ช่างเป็นการผายลมที่ไร้เกียรตินัก ตอนนี้ข้าคือคนออกคำสั่ง หรือว่ายังเป็นเจ้าอยู่? แม้เจ้าจะสาบาน แต่ข้าย่อมไม่ทำตาม”

ไป๋ชิวหรานตำหนิ

“แล้วหากให้ถามเจ้า สำหรับอสูรแล้ว ใบหน้ากับการต่อสู้แล้ว… สิ่งใดสำคัญกว่ากัน?”

“แน่นอนว่าการต่อสู้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด!”

ราชาอสูรหยกวิเศษพยักหน้าโดยไม่ลังเล

“แล้วมัวทำสิ่งใดอยู่?”

ไป๋ชิวหรานหัวเราะออกมาพร้อมกับตำหนิอีกครั้ง

“เจ้าจะไม่ออกคำสั่งและตระเตรียมกองกำลังทหารงั้นหรือ?”

ราชาอสูรหยกวิเศษพยักหน้ารับอย่างเร่งรีบ

“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

ไป๋ชิวหรานหยุดเขาไว้อีกครั้ง ก่อนจะกล่าวว่า

“ข้าต้องการหน้ากากนี้”

“เอ่อ…”

ราชาอสูรหยกวิเศษเหลือบมองหน้ากากในมือของไป๋ชิวหราน แววตาฉายชัดความลังเล

“นายท่าน ท่านต้องการหน้ากากนี้จริงหรือ?”

“แล้วอย่างไร?”

ชายหนุ่มถามต่อ

“มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”

“ไม่ หน้ากากนี้เป็นสมบัติที่แย่ที่สุดในคลังสมบัติของข้า”

ราชาอสูรหยกวิเศษกล่าวต่อ

“เดิมทีหน้ากากนี้ อสูรผู้ใต้บังคับบัญชาของอสูรฟ้าทมิฬเคยใช้ เพื่อปิดซ่อนใบหน้า เขาเป็นคนเดียวที่เป็นมือสังหารของอสูรฟ้าทมิฬ ซึ่งถูกส่งมาเพื่อลอบสังหารข้า แต่ว่าได้ฉีกร่างกายมันออกเป็นชิ้น ๆ และหน้ากากนี้จึงตกอยู่ในมือข้า แต่ไม่มีพลังใด ๆ เสริมความแข็งแกร่งในการต่อสู้ นอกเสียจากว่าจะช่วยต่อลมหายใจให้กับผู้สวมใส่ได้เล็กน้อยเท่านั้น อีกอย่างเกรงว่ามันจะละลายสลายไปในสักวันหนึ่ง”

“ไม่ดีงั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานกล่าว

“อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์หากเจ้าจะเก็บไว้ เช่นนั้นก็มอบมันให้ข้าเสีย”

เขาโบกมือให้กับราชาอสูรหยกวิเศษก่อนจะกล่าว

“เอาล่ะ ไปได้แล้ว ไปเรียกคนของเจ้าที่อยากจะทุบตีราชาอสูร เดี๋ยวข้าจะสอนทักษะบางอย่างให้กับพวกเขาด้วย”

ราชาอสูรหยกวิเศษก้มศีรษะลงและเดินไปที่ประตู ก่อนจะหันกลับมาถามว่า

“นั่นคือสิ่งที่ท่านต้องการจริง ๆ งั้นหรือ? ท่านต้องการอย่างอื่นอีกหรือไม่?”

“เหตุใดราชาอสูรหยกวิเศษถึงเซ้าซี้นัก?”

ไป๋ชิวหรานสวมหน้ากากก่อนจะกล่าวอย่างโกรธเคือง

“ข้าต้องการมัน ออกไปได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้าให้แหลกคามือ!”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท