ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 251 สร้างรากฐานก่อน!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 251 สร้างรากฐานก่อน!

บทที่ 251 สร้างรากฐานก่อน!

ในบรรดาสามผู้ทรงเกียรติแห่งยมโลก การมีผู้ทรงเกียรติเหล่ยจากแดนเซียนนั้นถือว่าสามารถยอมรับได้แล้ว หากจักรพรรดิเซียนทั้งห้ายังคงต้องการใช้ข้ออ้างในการสั่งผู้อาวุโสเซียนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเขา แน่นอนว่าไป๋ชิวหรานจะไม่มีวันยอมรับ

“แต่เดิมนั้นเป็นตำแหน่งของผู้ดูแล แต่การจัดการนั้นไม่ควรสำคัญไปกว่าการฝึกฝนใช่หรือไม่?”

หลังจากประชุมเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานก็ติดตามผู้ทรงเกียรติอิ๋นไปที่หอตำราขนาดใหญ่ของเมืองเฟิงตู ก่อนจะบ่นพึมพำ

“สาเหตุหลักเป็นเพราะธรรมเนียมปฏิบัติของยมโลก เมื่อเทียบกับความสามารถในการจัดการแล้ว การโน้มน้าวจิตใจคนนั้นง่ายดายกว่ามาก”

ผู้ทรงเกียรติอิ๋นส่ายศีรษะและกล่าวตอบ

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตราบใดที่เป็นพลังที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบุคคลนั้น การฝึกฝนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทดสอบความสามารถของผู้นำมิใช่หรือ?”

“ถูกต้อง มันควรเป็นเช่นนั้น”

ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะไปมาก่อนจะกล่าว

“ช่วงเวลาพิเศษควรใช้มาตรการที่พิเศษ หากท่านยืนยันที่จะรักษาระบบซานซุน*[1] แต่มันน่าจะเข้มงวดเกินไป… โดยเฉพาะเมื่อข้ากลับมา”

“ระบบที่สร้างขึ้นมาเป็นเวลาหลายแสนปีนั้นยากที่จะแก้ไข”

ผู้ทรงเกียรติอิ๋นกล่าวอย่างมีอารมณ์

“แต่ข้าเชื่อว่าการกลับมาของท่านจะทำให้เรามีโอกาสแก้ไขเรื่องนี้ได้”

ขณะพูดคุย ทั้งสองก็มาถึงหอตำราใหญ่ในเมืองเฟิงตู

หอตำราขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในทิศเหนือของเมืองเฟิงตู ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ และดูเหมือนไม่มีผู้คุ้มกันดูแลอย่างเข้มงวดนัก ใครก็สามารถมาอ่านตำราที่นี่ได้ แต่ความจริงแล้ว บรรณารักษ์ที่นี่เป็นปรมาจารย์ชั้นหนึ่ง หากผู้ใดฝ่าฝืนกฎ เขาจะเป็นคนบังคับใช้กฎยมโลกลงโทษคนเหล่านั้น

มีพลังเวทมากมายนับไม่ถ้วนที่อุทิศให้กับยมทูตในยมโลก และยังมีแบบฝึกหัดล้ำค่าอีกมากมายที่หลงเหลือจากการทำลายล้างอารยธรรม

ยมโลกไม่ได้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสำนักต่าง ๆ ดังเช่นโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งที่โลกมนุษย์เรียกว่าสำนักไว้เพื่อซ่อนความลับของตนเอง

เหตุผลที่เขามาที่นี่ในคราวแรกนั้นแน่นอนว่าเพื่อการเรียนรู้ แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้ว ระบบฝึกฝนเซียนจะถูกชายหนุ่มสร้างขึ้นมา แต่หลังจากการพัฒนามาหลายพันปี เขาทราบดีว่าตอนนี้ระบบมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

แม้ไป๋ชิวหรานจะมั่นใจในตนเองเสมอ แต่ก็ไม่เย่อหยิ่งพอที่จะใช้พละกำลังของตนเองเพื่อต่อสู้กับปราชญ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด

เพื่อที่จะเดินหน้าต่อ เขาจึงต้องยืนอยู่บนไหล่ยักษ์ให้ได้เสียก่อน

ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการฝึกฝนของกุ้ยเซียนนั้นพิเศษ อาจมีความลับที่สามารถทำให้ความเร็วในพลังรากฐานของเขาเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดก็ได้

ทันทีที่ผู้ทรงเกียรติอิ๋นพาไป๋ชิวหรานเดินเข้ามา บรรณารักษ์ที่เฝ้าประตูและเหล่าผู้คุ้มกันโดยรอบกล่าวทักทายทันที

ผู้ทรงเกียรติอิ๋นสามารถปลอมแปลงใบหน้าของเขาได้ในทุกสถานที่ของยมโลก และการเผชิญหน้าอย่างสุดโต่งก่อนหน้านี้ของจิตสำนึกจากไป๋ชิวหราน จักรพรรดิภูตผีองค์ใหม่นั้นสร้างความประทับใจลึก ๆ ให้กับผู้คนมากมายในยมโลกแห่งนี้

มีหลายฝ่ายในยมโลกที่ลอบส่งข่าวให้แดนเซียน แต่ไม่มีคนไหนโง่พอที่จะกระโดดออกมาในเวลานี้เพื่อกลายเป็นเป้าโจมตี…

หลังจากทักทายผู้คุ้มกันเหล่านี้แล้ว ผู้ทรงเกียรติอิ๋นมองกลับมาที่ไป๋ชิวหรานและกล่าวว่า

“ในโลกอสูร เคล็ดการฝึกฝนเวท พลังเหนือธรรมชาติ เคล็ดการขัดเกลาสิ่งประดิษฐ์ การเคลื่อนไหว และอื่น ๆ โดยพื้นฐานแล้วรวมอยู่ในหอตำราแห่งนี้… ยามนี้ เคล็ดการฝึกฝนใดที่จักรพรรดิภูตผีต้องการรับชมเป็นอย่างแรกหรือ?”

ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

“พาข้าไปดูการสร้างรากฐานก่อน”

“โปรดติดตามข้ามา”

ผู้ทรงเกียรติอิ๋นมึนงงเล็กน้อย แต่เขาก็รับปากไป๋ชิวหรานและถามไถ่ในขณะกำลังก้าวเดิน

“เหตุใดท่านถึงคิดเริ่มที่วิธีการฝึกฝนรากฐาน? ข้าคิดว่าด้วยความสามารถของท่านแล้ว เราสามารถศึกษาพลังเวทระดับสูงสุดได้โดยตรง สิ่งเหล่านี้พวกเราได้รับมาจากความโชคร้ายของเหล่าอสูรนับไม่ถ้วน”

“อาคารสูงหลายพันชั้นยังต้องเริ่มจากพื้นดิน และทุกสิ่งคือรากฐาน นั่นหมายความว่ารากฐานคือสิ่งสำคัญที่สุด”

ไป๋ชิวหรานกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าสามารถเริ่มที่การฝึกฝนรากฐานได้หรือไม่?”

“แน่นอน ท่านสามารถทำได้”

ผู้ทรงเกียรติอิ๋นกล่าวชื่นชม

“ไม่มีพวกเราคนใดที่มีจิตใจอุตสาหะเท่ากับท่าน เป็นสิ่งที่น่าประทับใจนัก แต่แม้ว่าการฝึกฝนรากฐานในยมโลกจะมีไม่มากเฉกเช่นในโลกมนุษย์ แต่มันมีมากมายเต็มหอตำราแห่งนี้ ท่านต้องการให้เราคัดกรองมาให้หรือไม่?”

“ไม่จำเป็น”

ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างแน่วแน่

“เพราะข้าจะดูมันทั้งหมดเอง!”

เมื่อเทียบกับการฝึกฝนแล้ว สิ่งที่ไม่ควรขาดนั่นคือแรงบันดาลใจ และการมีแรงจูงใจนั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับยิ่ง บางทีการฝึกรากฐานนั้นเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมาย ทั้งหมดนี้สามารถกระตุ้นความคิดของเขาให้พุ่งทะยานได้

นอกจากนี้เจียงหลานที่เพิ่งออกจากยมโลกและกลับไปที่วิหารฝูซาง นั่นหมายความว่าไป๋ชิวหรานจะมีเวลามากขึ้นในเวลากลางคืน

อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างราชวังจักรพรรดิภูตผียังไม่แล้วเสร็จ และเขาไม่จำเป็นต้องอยู่กับเจียงหลานในเวลากลางคืน ตอนนี้จึงตัดสินใจว่าจะใช้เวลาอยู่ในหอตำราขนาดใหญ่นี้แทน และต้องการอ่านวิธีการสร้างรากฐานทุกวิธีที่มี

วันต่อมา ไป๋ชิวหรานยังคงอยู่ในยมโลก

ไป๋ชิวหรานยังคงมอบอำนาจให้กับผู้ทรงเกียรติทั้งสาม ในยมโลก ผู้ทรงเกียรติทั้งสามรับผิดชอบในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมไปถึงยังดูแลสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด ระบบผู้ทรงเกียรติทั้งสามดั้งเดิมคือผู้ทรงเกียรติหลี่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผู้ทรงเกียรติเหล่ยทำการพิจารณาคดีความ และผู้ทรงเกียรติหลานจัดการเรื่องสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด แต่ตอนนี้เมื่อผู้ทรงเกียรติหลี่ตายตก ผู้ทรงเกียรติหลานถูกจองจำและทรมานในปรโลก นั่นจึงไม่มีใครดูแลเรื่องผู้ร้ายข้ามแดนของยมโลก และไร้คนดูแลสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดด้วยเช่นกัน

หลังจากประชุมเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานได้เลื่อนตำแหน่งเชวียหลิง และแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในสามผู้ทรงเกียรติ เขาต้องรับผิดชอบเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และจัดการกับความโกลาหลที่เกิดขึ้นในยมโลก สำหรับตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ ไป๋ชิวหรานขอให้ผู้ทรงเกียรติเดิมทั้งสามช่วยดูแลและรับผิดชอบไปก่อนเป็นการชั่วคราว

สำหรับตัวเขาเอง เขาต้องออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในระหว่างวันเพื่อเรียนรู้การจัดการ กฎหมาย และระบบของยมโลก ส่วนในเวลากลางคืน จะไปที่หอตำราใหญ่ของยมโลกเพื่อหมกมุ่นอยู่กับตำรา

อย่างไรก็ตาม ระดับการฝึกฝนของชายหนุ่มนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการหลับนอน และตอนนี้ไม่ต้องทำเรื่องบันเทิงในยามค่ำคืน เช่นนี้จึงสนใจเพียงการเรียนรู้เท่านั้น

เจียงหลานต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนเพื่อกลับไปจัดการเรื่องภายในมหาวิหารฝูซาง ในช่วงเวลายาวนานกว่าหนึ่งเดือน ไป๋ชิวหรานจึงได้ใช้ชีวิตในความวุ่นวายได้อย่างเต็มที่ เขายุ่งมากเสียจนศีรษะแทบจะไม่ได้สัมผัสกับหมอน

หลังจากที่เจียงหลานกลับมายังยมโลก เขาเกือบจะเข้าใจพื้นฐานของยมโลก และวิธีการสร้างรากฐานแล้ว

ขอบเขตของยมโลกนั้นกว้างกว่าที่คิดไว้มาก หลังจากที่จักรพรรดิเซียนองค์แรกอย่างไป๋ลี่สยบโลกนี้ได้ และก้าวออกไป ยมโลกก็เดินตามรอยเท้าของเขา และขยายขอบเขตแผ่ออกไปนอกโลกใบนี้

เหล่าเซียนได้ทำการค้นหาโลกในพื้นที่ว่างเปล่า และสอนวิชาเซียนให้แก่เผ่าพันธุ์อารยะในโลก ขณะเดียวกัน ยมโลกก็สร้างช่องทางในโลกใบนี้ขึ้นมาจากความช่วยเหลือของแดนเซียน สังสารวัฏแห่งชีวิตและความตายในโลกเหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงกลับมาที่ยมโลก สุดท้ายพวกมันจะถูกดูดซับและหลอมรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของยมโลก!

วันนี้ อำนาจของยมโลกแพร่กระจายไปยังโลกมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อเทียบกับตอนที่ไป๋ชิวหรานสร้างมันขึ้นมาแล้วล่ะก็… ยมโลกนั้นเพิ่มพูนอำนาจขึ้นอย่างมหาศาล

ในทางกลับกัน ไป๋ชิวหรานก็ประสบความสำเร็จในเรื่องการฝึกฝนเช่นกัน เขาสามารถตระหนักรู้ได้ถึงสาระสำคัญที่แท้จริงของเคล็ดวิชายมทูตในยมโลกนี้แล้ว

เช่นเดียวกับที่ไป๋ลี่ได้กล่าวไว้ว่าเมื่อเขาเปิดเคล็ดการฝึกฝนของวิญญาณเซียน จุดเริ่มต้นของวิญญาณเซียนคือวิญญาณไร้ลักษณ์ ดังนั้น เพื่อที่จะฝึกฝนมัน คนผู้นั้นจะต้องรวมร่างของพวกเขาก่อนเป็นขั้นแรก

จุดจื่อฝู่อยู่ในขอบเขตการควบแน่นร่างกาย สำหรับยมทูตแล้ว ขอบเขตการควบแน่นร่างกายมีความสำคัญมากกว่าทุกขอบเขต

ยิ่งร่างกายควบแน่นได้มากเท่าไร จุดจื่อฝู่จะยิ่งควบแน่นมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าหากร่างกายสามารถทนทานต่อพลังงานได้มากขึ้น ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพลังการต่อสู้ หรือเพิ่มการฝึกฝนรากฐาน มันจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานได้รับแรงบันดาลใจจากวิธีการควบแน่นที่ค่อนข้างงุ่มง่ามเหล่านี้ แต่เขากระทำตรงกันข้ามกับตำรา โดยใช้วิธีการกลั่นลมปราณเพื่อแปลงกาย เขาพยายามกลั่นมันทีละขั้นตอนด้วยพลังงานความสามารถอันไร้ขอบเขตในจุดจื่อฝู่ คฤหาสน์สีม่วงขนาดเล็กนี้ใช้สำหรับควบแน่นพลังงานโดยเฉพาะ

ความคิดของเขานั้นประสบความสำเร็จ และอย่างน้อยด้วยวิธีนี้จะทำให้สามารถเร่งความเร็วได้ถึงสองในสิบส่วน

ในอดีต จากการประเมินของเขาแล้ว ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงพลังปราณแก่นแท้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่หรือห้าพันปีในการสร้างรากฐานให้สำเร็จ แต่ตอนนี้กลับค้นพบวิธีการแล้ว หากปราศจากความวุ่นวายภายนอก เขาคาดว่าคงจะใช้เวลาประมาณสามพันปีจึงจำสำเร็จได้

ในอีกมุมหนึ่ง เชวียหลิงดูเหมือนจะพร่ำบ่นก่อนที่จะเดินมาหยุดที่หน้าถ้ำเซียน “สิ่งที่ทำไม่สำเร็จ… ก็ไม่อาจสำเร็จจนกว่าจะทำสำเร็จ”

[1] ซานซุน คือ สามผู้ควรเคารพ

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท