ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 258 ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 258 ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บทที่ 258 ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บรรยากาศที่เคร่งเครียดก็พังทลายลงทันใด และในเรือนจำของยมโลกได้ส่งเสียงเตือนที่ดังที่สุดเท่าที่เคยมีมา!

เหล่าผู้คุมในเรือนจำวิ่งโล่กันออกไปอย่างโกลาหล เสียงโซ่ตรวนของห้องขังถูกทุบตีอย่างรุนแรง จิตใจของเหล่านักโทษทั้งหมดกำลังว้าวุ่น

ข่าวนี้ไปถึงหูของราชายมโลกอย่างรวดเร็ว ชายวัยกลางคนเผยสีหน้ามืดครึ้มก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง

“ทำไมมันถึงหนีไปได้? การฝึกฝนของมันไม่ได้ถูกปิดกั้นไว้โดยพลังวิญญาณของจักรพรรดิภูตผีผ่านโซ่เหล็กนั้นหรือ?”

“รายงานองค์ราชา พวกเราไม่ทราบเช่นกันขอรับ”

ใบหน้าของยมทูตเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“หลังจากที่เหล่าผู้คุมเดินตรวจตราในยามค่ำคืน ก็เหลือเพียงโซ่ตรวนเพียงคู่เดียวในห้องขัง พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจากไปเมื่อใด”

“ไร้ประโยชน์!”

ราชายมโลกกระทืบเท้า เขาไม่รู้ว่าตนกำลังดุด่ายมทูตตรงหน้า หรือดุด่าตนเองกันแน่

“ฝ่าบาท”

มีเสียงหนึ่งกล่าวออกมาอย่างกล้าหาญในเวลานี้

“ข้าควรทำอย่างไรดี? ดูเหมือนชายผู้นั้นจะได้รับการปลดปล่อยจากเซียนของแดนเซียน…”

“เหล่าเซียนทำได้เพียงผายลม! ยามนี้ยมโลกนี้อยู่ในอำนาจของจักรพรรดิภูตผีแล้ว ตราบใดที่จักรพรรดิภูตผีไม่กล่าวว่าจะไว้ชีวิตมัน! มันก็เป็นเพียงอาชญากรที่พวกเราต้องการตัวมากที่สุด!”

ราชายมโลกหันศีรษะกลับมา

“เอาล่ะ ไป…”

“ช้าก่อน”

จู่ ๆ ก็มีเสียงขัดจังหวะราชายมโลกดังขึ้น มีเงาวิ่งผ่านเข้ามาในวิหารเทียนหลัว เป็นเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง

สาวน้อยผู้นี้มีเรือนผมสีเงินและใบหน้างดงาม ร่างกายสูงเพียงสี่สิบชุ่น สวมใส่ชุดคลุมสีขาวตัวโคร่ง แขนเสื้อเกือบจะลากพื้นดิน ในขณะที่กำลังวิ่งนั้น ฝีเท้าก็ส่งเสียงแปลกประหลาด

“เป็นผู้ทรงเกียรติกุย”

เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ที่นี่ ราชายมโลกก็เผยแววตาอ่อนโยนก่อนจะถามว่า

“เหตุใดผู้ทรงเกียรติกุยถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

“ข้าได้รับสารว่าคนบาปจะถูกโยนเข้าไปในสังสารวัฏหกวิถี เช่นนั้นจึงหลบหนีไปได้”

ผู้ทรงเกียรติกุยเอียงคอก่อนจะเผยเสียงบาดแหลมหู

“สิ่งที่ข้าต้องการจะกล่าวคือ เราไม่จำเป็นต้องจับกุมเขา”

“ผู้ทรงเกียรติกุยหมายความว่าอย่างไร?”

ราชายมโลกรู้สึกขุ่นเคือง

“ไม่ต้องการให้คนบาปผู้นั้นรับโทษหรือไร?”

“โปรดใจเย็นลงก่อน ราชายมโลก ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการให้คนบาปผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ต้องปล่อยให้คนบาปไม่ได้รับโทษ”

ผู้ทรงเกียรติกุยมองราชายมโลกก่อนจะกล่าวว่า

“ทุกวันนี้ ยมโลกนั้นไร้ประโยชน์ และกำลังขาดแคลนจำนวนคน ราชายมโลกต้องการไล่ตามเขา แล้วท่านคิดส่งผู้ใดไปไล่ตามเขา? อย่างไรก็ตาม แม้แต่ข้าก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้ ผู้ทรงเกียรติหลิง ผู้ทรงเกียรติเหล่ย หรือแม้แต่ผู้ทรงเกียรติอาวุโสทั้งสามก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนบาปผู้นั้น หรือว่าท่านต้องการให้องค์จักรพรรดิเสด็จไปจับกุมนักโทษด้วยตนเอง?”

“เรื่องนั้น…”

ราชายมโลกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาว

“เรียกเหล่าอารักขากลับมาเสีย คนผู้นั้นคงจะออกจากยมโลกนี้ไปแล้ว”

เขาออกคำสั่งกับเหล่ายมทูต

“กลับไปที่ของตนเอง และทำงานตามปกติ”

“แล้ววันนี้มันเกิดเรื่องใดขึ้น…”

“วันนี้…”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราชายมโลกจึงตอบกลับว่า

“เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด”

ผู้ทรงเกียรติกุยพยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้น ราชายมโลก ข้าขอตัวก่อน ยังมีเรื่องในสังสารวัฏให้ต้องไปสะสาง”

หลังจากที่นางกล่าวจบ นางก็เดินออกไปจากวิหารเทียนหลัวด้วยเสียงที่ก้องกังวาน

ราชายมโลกจับจ้องร่างของผู้ทรงเกียรติกุยด้วยใบหน้านิ่งสงบ

เขารู้สึกเสมอว่าผู้ทรงเกียรติกุยผู้นี้ได้ทราบเรื่องที่เขาไม่ทราบ และดูคล้ายนางจะมีความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนกับคนบาปผู้นั้น

ผู้ทรงเกียรติกุยนี้ถึงแม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งถึงขั้นเซียน แต่ไม่ได้แย่ไปกว่าพวกเขาเลย ทว่าในเรื่องของความลึกลับแล้ว นางเป็นเลิศที่สุด

นับตั้งแต่เริ่มต้นจวบจนปัจจุบัน ร่างกายของนางเป็นหุ่นเชิดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเคล็ดวิชาหุ่นเชิด และพลังการต่อสู้ของหุ่นเชิดยังเชื่อมโยงกับคุณภาพของอวัยวะทั้งหมดของหุ่นเชิดนี้ด้วย

นับตั้งแต่ที่นางเข้ารับตำแหน่ง เหล่ายมทูตจะเห็นว่าผู้ทรงเกียรติกุยมักจะปรากฏตัวในสถานที่ต่าง ๆ พร้อมกัน จนถึงยามนี้ยังไม่มีใครทราบได้ว่าร่างที่แท้จริงของนางอยู่หนใด

เขาเกรงว่าจะเป็นจักรพรรดิภูตผีที่เลื่อนตำแหน่งให้นางเท่านั้นที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของนาง

ริมแม่น้ำแห่งความตายในสถานที่ไกลออกไป มีสองร่างยืนอยู่ด้วยกัน

“ข้าโน้มน้าวให้ราชายมโลกถอนกำลังแล้ว”

เด็กหญิงตัวน้อยในร่างหุ่นเชิดเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวกับคนข้าง ๆ

“ยอดเยี่ยม ทำได้ดีมาก”

ไป๋ชิวหรานลูบศีรษะของหุ่นข้าง ๆ พร้อมกล่าวชมเชย

“ท่าทีของราชายมโลกไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง แต่ดูเหมือนสมองของเขาจะตายไปเสียแล้ว”

หุ่นกระบอกสาวที่อยู่ข้าง ๆ นางคือหนึ่งในสามผู้ทรงเกียรติที่ได้รับไป๋ชิวหรานแต่งตั้ง… ซึ่งเป็นอาจารย์ของผู้ทรงเกียรติกุย

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นางไร้ชื่อและเพียงใช้พลังเวทของตนสำหรับงานบรรณารักษ์ที่ไม่มีตัวตนอยู่ภายในหอตำราขนาดใหญ่ และไป๋ชิวหรานใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนที่นั่นก่อนจะพบเจอความพิเศษของนางผู้นี้

ความจริงแล้ว สิ่งที่ราชายมโลกคาดเดาล้วนผิดทั้งหมด ผู้ทรงเกียรติกุยนั้นไม่มีร่างจริง นางไม่มีร่างจริงใด ๆ ทั้งสิ้น

หลังจากที่นางเข้าสู่ยมโลก นางไม่เคยมีร่างเป็นของตนเอง แต่เป็นเพราะศึกษาเคล็ดวิชาหุ่นเชิดมาโดยตลอด จากนั้นจึงใช้ตุ๊กตาเป็นร่างของตนเอง

นอกจากนี้ยังฝึกฝนการแยกจิตวิญญาณและก่อร่างวิญญาณใหม่อีกด้วย นางฝึกฝนมันจนสมบูรณ์เพื่อให้ผู้ทรงเกียรติกุยสามารถปรากฏตัวได้หลายที่พร้อม ๆ กัน ควบคู่ไปกับทักษะการจัดการที่ยอดเยี่ยมของนาง ไป๋ชิวหรานจึงเลื่อนตำแหน่งให้นางเป็นหนึ่งในผู้ทรงเกียรติแห่งยมโลก

ความสามารถนี้ทำให้พละกำลังของผู้ทรงเกียรติกุยแข็งแกร่ง นางอาจจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้ทรงเกียรติทั้งสาม แต่คือผู้เดียวที่มีทักษะการหลบหนี พรางตัว และซุ่มโจมตีที่ยอดเยี่ยม นั่นคืออัตราการรอดชีวิตของนางอยู่ในอันดับสูงสุด

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้ผู้ทรงเกียรติกุยฝึกฝนได้ยากยิ่ง ร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นทำให้ไม่สามารถฝึกฝนได้ หากต้องการจะก้าวผ่าน นางทำได้เพียงอาศัยเคล็ดวิชาหุ่นเชิดเพื่อเลื่อนขั้นเท่านั้น

หากสามารถสร้างหุ่นเชิดระดับเซียนได้ พลังการต่อสู้ของนางจะทะยานขึ้นอยู่ในขั้นเหนือเซียน!

“ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะทราบว่าเจ้าเป็นใคร”

เมื่อได้ยินไป๋ชิวหรานกล่าวเช่นนี้ ผู้ทรงเกียรติกุยมองไป๋ชิวหรานด้วยความสบายใจ ไป๋ชิวหรานไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์พิเศษใดอยู่ในศีรษะของผู้ทรงเกียรติกุยหรือไม่ เวลาที่เขาหรือเจียงหลานสัมผัสที่ศีรษะของนาง เด็กน้อยผู้นี้ดูจะผ่อนคลายยิ่ง

“ไม่เป็นไรหากพวกเขาจะทราบในภายหลัง”

ไป๋ชิวหรานตอบกลับ

“หากเป็นหลังจากที่ข้าพบวิธีจัดการกับแดนเซียน มันก็ไม่เป็นไร”

“ท่านจะไปแล้วหรือ?”

เมื่อรู้สึกว่าฝ่ามือของไป๋ชิวหรานถูกชักกลับ ผู้ทรงเกียรติกุยจึงรีบถาม

“อืม ข้าต้องไปดูเรื่องราวในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินเสียหน่อย”

ไป๋ชิวหรานเหลือบมองนาง

“ไม่ต้องกังวล หลังจากที่ข้าไปแล้ว หลานเอ๋อร์จะกลับมาดูแลยมโลกแห่งนี้ ไม่ต้องกลัว”

เมื่อได้ยินว่าเจียงหลานจะมาที่นี่ ผู้ทรงเกียรติกุยก็เผยสีหน้ายินดีออก

เมื่อเห็นว่านางเป็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานจึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มจางออกมาพร้อมกับลูบศีรษะของผู้ทรงเกียรติกุยและกล่าวว่า

“หลังจากที่ข้าจากไป สังสารวัฏหกวิถีแห่งการเกิดและความตายจะถูกส่งต่อให้ผู้ทรงเกียรติกุยดูแล… เช่นนั้นจงดูแลมันให้ดี”

“ตกลง”

ผู้ทรงเกียรติกุยประสานมือให้กับไป๋ชิวหราน เสื้อคลุมของนางเปิดออกเผยให้เห็นข้อต่อทรงกลมตรงข้อศอกชัดเจน

“รับประกันว่าข้าจะดูแลมันอย่างดี องค์เหนือหัวจักรพรรดิภูตผี”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท