บทที่ 293 ไม้แก่ดัดยาก แต่สามารถดัดกระดูกได้
บทที่ 293 ไม้แก่ดัดยาก แต่สามารถดัดกระดูกได้
ไป๋ชิวหรานพาหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยเดินตรงเข้าไปหาชายวัยกลางคน เขานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามชายผู้นั้นพร้อมกล่าวคำ
“พ่อค้า ข้าอยากจะซื้อของสักหน่อย”
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ในมือของเขาถือเศษฟางหย่อมหนึ่งกำลังหยอกล้อกับจิ้งหรีดที่อยู่ในโถตรงหน้า จิ้งหรีดตัวนั้นเต็มไปด้วยจุดหลากสีบนร่างกาย มันดูไม่ธรรมดา
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋ชิวหราน ชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นอย่างเฉยเมยก่อนจะเหลือบมองแล้วกล่าวคำเบา ๆ
“ชุดละห้าเหรียญ แล้วหยิบมันขึ้นมาจากบนชั้นวาง ห้ามหยิบเพิ่มเด็ดขาด”
“พ่อค้า ข้าไม่ได้ต้องการซื้อตำรา”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตรงประเด็น
“ข้าต้องการซื้ออย่างอื่น เช่น… ข่าวสาร”
“เจ้าต้องการซื้อข่าวสารอย่างนั้นหรือ?”
ชายวัยกลางคนเงยหน้ามองไป๋ชิวหราน ก่อนจะวางฟางในมือลง ปิดฝาโถจิ้งหรีด เขาวางมือลงบนโต๊ะก่อนจะเริ่มเคาะเป็นจังหวะ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขณะจ้องมองไป๋ชิวหราน
“คนทั้งสองข้างทางทราบกันดี ข้าไม่ขายข่าวกรองให้กับคนแปลกหน้า”
ไป๋ชิวหรานเข้าใจ ก่อนจะถามต่อ
“แล้ว… ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะได้รู้จักกับท่าน?”
“ง่ายมาก”
ชายวัยกลางคนยิ้มพร้อมกับดึงแผ่นไม้ออกมาจากใต้โต๊ะ เขาวางมันไว้ตรงหน้าไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น และเห็นว่ามีสี่ระดับซึ่งเขียนจากบนลงล่าง มันเขียนไว้ว่า
‘คนรู้จัก หนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญ’
‘สหาย สองร้อยเหรียญ’
‘มิตรภาพ ห้าร้อยเหรียญ’
‘ร่วมเป็นร่วมตาย หนึ่งพันเหรียญ’
“ข้าก็เป็นเพียงพ่อค้าที่ไร้เดียงสา”
ชายวัยกลางคนเผยรอยยิ้มนักล่าบนใบหน้า
“นี่คือการเปิดประตูสู่การค้า เลือกราคา คุณภาพ และข่าวกรองที่จะซื้อให้ชัดเจน”
ระบบบ้าบอ!
ไป๋ชิวหรานลอบสาปแช่งในใจ
“แล้วหากข้าต้องการซื้อข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อยู่ของบุคคลหนึ่ง ข้าต้องเลือกแผ่นไหน”
เขากล่าวถาม
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าต้องการข่าวของผู้ใด”
ชายวัยกลางคนตอบอย่างเกียจคร้าน
“ที่อยู่ของคนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม หรือมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นมีไม่มาก แค่เพียงเป็นคนรู้จัก ข้าก็สามารถบอกได้… แต่หากคนผู้นั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือ และจงใจซ่อนที่อยู่โดยไม่ต้องการให้ผู้ใดทราบ เช่นนั้นข้าจึงต้องอาศัยความสัมพันธ์ความเป็นและความตายเพื่อเปิดเผยข้อมูล”
ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวถาม
“แล้วต้องใช้เงินเท่าไหร่สำหรับที่อยู่ของชิงหมิงจื่อผู้เป็นอันดับหนึ่งของโลก เขาบินขึ้นสู่สวรรค์เมื่อสามพันสามร้อยปีก่อน?”
“หืม? เจ้าคิดถามถึงชิงหมิงจื่องั้นหรือ?”
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นนั่งตัวตรงด้วยความตกใจ
“ความสัมพันธ์ของเจ้ากับเขาคืออะไร?”
“คือ…”
ไป๋ชิวหรานโค้งคำนับพร้อมจะกล่าวต่อ ทว่า
“โปรดอภัยให้ข้าที่ไม่สามารถขายข้อมูลนี้ให้กับเจ้าได้ ข้อมูลเหล่านี้ ข้าสามารถบอกกล่าวกับสหายสนิทเท่านั้น”
“หากไม่ต้องการบอก ก็ไม่เป็นไร”
ชายวัยกลางคนเอนหลังอีกครั้ง เขาโบกมือพร้อมกล่าวว่า
“ชิงหมิงจื่ออายุไม่มาก แต่ชื่อเสียงไม่น้อยเลยทีเดียว โดยปกติแล้วทุกคนจะทราบที่อยู่ของเขา และต่างคิดคาดเดาถึงวันตายของเขาด้วยเช่นกัน ข่าวนี้… ตราบใดที่เป็นสหายกัน ข้าก็สามารถบอกกล่าวได้ในราคาสามร้อยเหรียญ”
โอ้ ต้องซื้อระบบสหาย ทว่านั่นยังไม่เพียงพอ ยังต้องใช้เงินอีกสามร้อยเหรียญ…
นี่มันขูดเลือดขูดเนื้อกันชัด ๆ!
ไป๋ชิวหรานเย้ยหยัน ก่อนจะหันไปถาม
“จิ่นเหยา เรามีเงินมากเพียงใด?”
หลีจิ่นเหยาได้ยินคำพูดนั้น นางจึงรีบเปิดย่ามดู
“เรามีเงินอยู่หกร้อยเหรียญ…”
“ยังเพียงพอ”
ไป๋ชิวหรานยื่นมือไปรับเงินจากหลีจิ่นเหยา เขานับเหรียญของแดนเซียนห้าร้อยเหรียญแล้วถือมันเอาไว้ ก่อนจะวางเหรียญทั้งหมดลงบนโต๊ะของชายวัยกลางคน มันกลายเป็นกองเศษเหรียญพะเนินเล็ก ๆ ตรงหน้าเขา
“ท่านพี่ ข้ารู้สึกประทับใจในตัวท่านยิ่ง มีแต่ความสัตย์ซื่อ และในครั้งแรกที่ได้พบ ท่านเป็นคนซื่อตรงไม่ก้มศีรษะให้กับเงินตรา เช่นนั้นเรามาเป็นสหายกันเถิด”
“กล่าวได้ดี ช่างถูกใจข้านัก”
ชายวัยกลางคนเก็บเหรียญบนโต๊ะพร้อมนับมันอย่างรวดเร็ว เขาหันไปหาไป๋ชิวหรานก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ศิษย์น้อง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่มีความยุติธรรมเช่นกัน ในแดนเซียนมีคนเช่นนี้ไม่มากนัก นับตั้งแต่วันนี้ เราจะเป็นสหายกัน หากต้องการข่าวใด ก็มาพบข้าได้เสมอ”
“อืม ตกลงสหาย”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าหนักแน่น ก่อนจะถามว่า
“ข้าได้ยินว่าชิงหมิงจื่อที่อยู่ในสวรรค์ชั้นเจ็ดมีชื่อเสียงเลื่องลือ จึงสงสัยว่าสหายของข้าผู้นี้เคยได้ยินนามของเขาบ้างหรือไม่?”
“แน่นอนว่าข้ารู้จักเขา”
ชายวัยกลางคนปรับที่นั่งให้เหมาะสม ก่อนจะกล่าวกับไป๋ชิวหรานถึงข้อมูลของคนผู้นั้นที่อยู่ในแดนเซียนทันที
“กล่าวถึงชิงหมิงจื่อผู้ที่เป็นอันดับหนึ่งของโลกหล้า ยังไม่มีผู้ใดแทนที่เขาได้ในหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา หลังจากที่บุคคลนี้ขึ้นสู่แดนเซียนตะวันออก เขาก็เผยพรสวรรค์ยอดเยี่ยมในทันที และได้เข้าร่วมกับกองทัพเซียนภายใต้บังคับบัญชาของเซียนอาวุโสหยาง และเฝ้าฝึกตนอยู่ในมหาสมุทรนานกว่าสามพันปี ต่อมาเขาแย่งสตรีที่จักรพรรดิชิงตะวันออกสนใจ นั่นคือช่วงเวลาที่ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือ ขณะนี้เขาเป็นผู้นำของกองทัพเซียน และอาศัยอยู่กับคนรักนามว่าหลิวซือในคฤหาสน์ทางตอนใต้ของเมืองเจิ้งหยาง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของดวงตะวันสวรรค์”
“โอ้ หลิวซือนั่นคือผู้ใดหรือ?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม
ชายวัยกลางคนไม่พูดอะไร ทว่ากางมือออก เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หลีจิ่นเหยาจึงหยิบเหรียญขึ้นมาห้าสิบเหรียญ ก่อนจะยัดใส่มือของเขาอย่างว่าง่าย
ชายวัยกลางคนนับเหรียญในมือ ก่อนจะกล่าวต่อ
“บุตรสาวของตระกูลหลิวในเมืองเจิ้งหยาง บิดาของนางเป็นรองผู้บัญชาการกองทัพเซียนแห่งเซียนอาวุโสหยาง และตอนนี้เขาไปต่อสู้กับผู้ทรงเกียรติหยางในยมโลกและยังไม่กลับมา นอกจากนี้นางยังมีชื่อเสียงในดวงตะวันสวรรค์มาก ท้ายที่สุดชื่อเสียงก็เลื่องลือไปถึงหูของจักรพรรดิชิงตะวันออก เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิชิงตะวันออกไม่สามารถคว้าหัวใจของนางได้ เขาจึงตั้งตนเป็นศัตรูกับชิงหมิงจื่อ”
“เข้าใจแล้ว”
ไป๋ชิวหรานประสานมือพร้อมกล่าว
“อย่างที่คาด ท่านยอดเยี่ยมจริง ๆ ข่าวสารที่ได้รับทำให้ข้าประหลาดใจนัก เอาล่ะ ข้าจะไปที่เมืองเจิ้งหยางทันทีเพื่อไปรับชมความงามของหลิวซือที่ไร้ผู้ใดเทียบ แล้วเราค่อยพบกันใหม่ในภายภาคหน้า!”
เขาพาสตรีทั้งสองเดินออกมา ทว่าชายวัยกลางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวหยุดเขาเอาไว้
“รอเดี๋ยว สหายข้า”
เขาตะโกนเรียกไป๋ชิวหราน
“ในวันนี้เซียนอาวุโสหยางหายไปแล้ว ไม่มีผู้ใดทราบที่อยู่ของเขา กองทัพเซียนก็ถูกถอดถอนออกไปทีละน้อย หากต้องการไปที่เมืองเจิ้งหยาง เจ้าจะได้พบปัญหามากมาย ข้าเกรงว่าสำหรับสามคน ต้องใช้เงินจำนวนสองถึงสามร้อยเหรียญถึงจะเพียงพอ”
เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ เขาจึงกล่าวเสริมว่า
“ข้ากล่าวหมดสิ้นแล้ว เราเปิดประตูทำการค้าร่วมกัน ราคาชัดเจน และชายชราผู้นี้ไร้เดียงสา ถือว่าทั้งหมดคือของขวัญจากสหายเช่นข้า”
“ขอบคุณมาก”
ไป๋ชิวหรานประสานหมัดให้กับเขาอย่างจริงใจ
ความจริงแล้วไป๋ชิวหรานไม่ทราบว่าควรเลือกอย่างไร การจะเลือกพ่อค้าข่าวกรองที่มีแนวโน้มว่าจะหลอกลวงน้อยที่สุด เขาจึงเลือกคนที่ยืนอยู่คนเดียว เขาต้องการข่าวที่สดใหม่ที่สุด และต้องไม่เผยสีหน้ากังวลถึงบรรพบุรุษของตนเอง
เหตุผลที่เลือกพ่อค้าอัจฉริยะผู้นี้ก็เพราะเขาสำรวจอีกฝ่ายด้วยสัมผัสเทวะแล้ว เขาพบว่าความแข็งแกร่งของพ่อค้าผู้นี้ยอดเยี่ยมที่สุดในพ่อค้าทั้งสองแถวยาวเหยียดนี้
เมื่อมองดูผลลัพธ์ที่ได้ ถือว่าเป็นแมวตาบอดได้พบเจอหนูที่ตายแล้ว ทั้งหมดที่เขากล่าวล้วนถูกต้อง!
ทั้งสามเดินออกจากตรอก และตรงไปตามถนนเมืองเซียนที่พลุกพล่าน ใบหน้าของนางมีความกังวลเกาะกุมเล็กน้อย
“จิ่นเหยา เจ้าเป็นอะไรหรือ?”
เมื่อเห็นว่านางเป็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานเกิดสงสัยขึ้นมา
“คิดอะไรอยู่หรือ?”
“ท่านบรรพชนกระบี่”
หลีจิ่นเหยาลังเลครู่หนึ่ง และถามว่า
“ท่านต้องการพบหลิวซือผู้นั้นจริงหรือ?”
“อืม มีสิ่งใดหรือ?”
ไป๋ชิวหรานถามด้วยความสงสัย
“ไม่ ไม่มีอะไร”
หลีจิ่นเหยาส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า
“ก็แค่ไม่มีความสุข… นิดหน่อย”
ไป๋ชิวหรานกลายเป็นไม่เข้าใจ
“ข้าจะไปพบสตรีซึ่งเป็นว่าที่ภรรยาของข้า เจ้าไม่พอใจอะไรกัน?”
“อาวุโส อย่างไรท่านก็ไม่เข้าใจหรอก”
หลีจิ่นเหยาไม่ได้กล่าว แต่เป็นถังรั่วเวยที่กล่าวแทรกขึ้นมา
“สำหรับท่านแล้ว หากให้เข้าใจความคิดสตรี สมองท่านนั้นแข็งทื่อ เปรียบกับไม้แก่ที่ไม่อาจดัดได้”
“ฮึ่ม!”
ชายหนุ่มเผยสีหน้าเย้ยหยันอย่างภาคภูมิ ก่อนจะไพล่มือไว้ด้านหลัง
“ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นไม้แก่ที่ดัดยากหรือไม่ แต่ทราบดีว่ากระดูกของเจ้าไม่มีทางดัดได้แน่นอน เอาล่ะ มาใกล้ ๆ นี่ ให้ข้าช่วยดัดมันให้เข้าที่เข้าทางเสียหน่อย!”