ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 307 อาจารย์อสูร

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 307 อาจารย์อสูร

บทที่ 307 อาจารย์อสูร

“เหล่าทวยเทพและอสูรเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม

“แน่นอนว่าแข็งแกร่ง แต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเราหมดหวัง มันดูเหมือนแข็งแกร่งกว่า แต่เมื่อต่อสู้กันจริง ๆ แล้วกลับอ่อนแอกว่าเล็กน้อย”

เล่อเฉินเทียนตอบกลับ

“สิ่งที่น่ากลัวคือรูปลักษณ์กับอุปนิสัย และสิ่งที่น่าหนักใจที่สุดคือพวกมันอยู่ในขั้นเซียน หลังจากต่อสู้แล้ว คนของเราตายตกมากมาย แม้ว่าจะกำจัดพวกมันได้ แต่ก็ใช้เวลาอยู่นาน สุดท้ายแล้วมันจะกลับไปเกิดในเขตแดนแห่งจิตสำนึก แล้วกลับมาอีกครั้ง”

“ที่ใดในโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตระดับเซียนอยู่บ้าง”

ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ

“แท้จริงแล้ว หลังจากค้นคว้าบางอย่าง พวกเราจึงได้พบวิธีที่จะสังหารพวกมันให้สิ้นซากแล้ว”

เล่อเฉินเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“นั่นคือการทำลายภพทั้งหมดที่แผ่ขยายโดยกำแพงแห่งความตระหนักรู้ พวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากความตระหนักรู้ของสิ่งมีชีวิต ตราบใดที่สิ่งนั้นยังคงอยู่ พวกมันก็ไม่อาจหมดสิ้น พวกมันคือเซียนและสามารถเกิดใหม่ที่เขตแดนแห่งจิตสำนึกได้เสมอ แต่หากไร้ซึ่งสิ่งหล่อเลี้ยง… ก็ย่อมตายตกไปและไม่อาจหวนคืนได้”

“แล้วพวกเจ้าจะตายตกด้วยหรือไม่?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม

“แต่ในเวลานั้น สัตว์ประหลาดเฉกเช่นพวกมันยังคงปรากฎตัว และยังคงมีอยู่…”

“ถูกต้อง นอกจากชาวพื้นเมืองของโลกเหล่านั้น ยังมีบางคนในทีมสำรวจของพวกเราด้วย ขณะนั้นเซียนทั้งหมดที่สัมผัสกับกำแพงแห่งความตระหนักรู้ได้เข้าสู่โลกเหล่านั้น และถูกกักขังไว้ที่นั่น ซึ่งพวกเขาหยุดยั้งการเกิดใหม่ของอสูร ก่อนหน้านี้รอยแตกถูกปิดกั้นไว้ชั่วคราวด้วยจิตสัมผัสเทวะ เพื่อขัดขวางไม่ให้กำแพงแห่งความตระหนักรู้แผ่กระจายออก”

น้ำเสียงของเล่อเฉินเทียนแผ่วลง

“รวมถึงวาระสุดท้ายของจักรพรรดิชี่ เขารับผิดชอบเรื่องสำรวจแดนเซียน…”

“อย่างนั้นหรือ…”

ไป๋ชิวหรานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวถาม

“แล้ว… มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับรอยแตกนั้น? ข้าได้ยินโม่เฉินกล่าวว่าสงครามเมื่อหลายปีก่อนทำลายผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิเซียนไปเป็นจำนวนมาก”

“ใช่ หายนะคราวนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งแสนสามหมื่นปีก่อน หลังจากรอยร้าวถูกปิดไว้เป็นเวลากว่าห้าหมื่นปี มันก็ถูกเปิดออกด้วยแรงปะทะจากภายใน และตอนนั้นกำแพงแห่งความตระหนักรู้ได้แผ่กระจายออกไปอีกครั้ง โลกใกล้ ๆ หลายร้อยแห่งทั้งเล็กและใหญ่ถูกกวาดล้าง อสูรจำนวนมากถือกำเนิดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ทวยเทพกับเหล่าอสูรอันน่าสะพรึงกลัวที่ทรงพลังยังพุ่งออกจากกำแพงแห่งความตระหนักรู้นั้นด้วย จากนั้นทั้งหมดก็เข้าสู่โลกที่มีประชากร แล้วโจมตี สังหารทุกสิ่งในโลกใบนั้นอย่างครื้นเครง มันกลืนกินจิตวิญญาณทุกชนิดที่พบเจอ ทั้งยังกดขี่ ข่มเหงให้กลายเป็นทาสรับใช้ เทพเจ้าและอสูรเหล่านั้นถูกพวกเราเรียกว่าอาจารย์อสูร”

เล่อเฉินเทียนกล่าวอธิบาย

“เวลานั้นข้ากับโม่เฉินเป็นเพียงเซียนธรรมดา พวกเรามีส่วนร่วมในการต่อสู้อันน่าสลดใจนั้นด้วย มหาอำนาจขั้นจักรพรรดิเซียนในแดนเซียนตายตกจนเกือบหมดสิ้น รวมถึงจักรพรรดิเซียนเหนือ ตะวันตก ตะวันออก และจักรพรรดิชี่ที่เพิ่งดำรงตำแหน่งมาได้เพียงห้าหมื่นปี จักรพรรดิองค์ใหม่ทั้งสี่ดำรงตำแหน่งด้วยการต่อสู้กับพวกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากสูญเสียไปมากมาย สุดท้ายก็พ่ายแพ้ แต่ถึงกระนั้นกลับสามารถกวาดล้างบรรดาอสูรร้าย และปิดรอยแตกของกำแพงตระหนักรู้ได้อีกครั้ง”

“เมื่อสิ้นสุดสงครามในเวลานั้น จักรพรรดิทั้งสี่ได้รับการเลื่อนยศเป็นกบฏสี่คนในวันนี้?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม

“เฉพาะทิศเหนือ ใต้ และตะวันตก”

เล่อเฉินเทียนตอบกลับ

“จักรพรรดิเซียนตะวันออกซึ่งได้รับเลือกในคราวนั้นยังคงเป็นสหายกับมนุษย์ แต่เขาตายตกในการต่อสู้คราวหลังในวิกฤตจิตสำนึกครั้งที่สอง”

“ครั้งที่สอง…”

ชายหนุ่มอุทานด้วยความประหลาดใจ

“มันโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“ถูกต้อง ครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อประมาณเจ็ดหมื่นปีที่แล้ว เมื่อเขตแดนแห่งจิตสำนึกเปิดออกอีกครั้ง ในเวลานั้นศิษย์พี่ของพวกเราคำนวณไว้ว่าภายในกำแพงแห่งความตระหนักรู้ไม่ใช่โลกแห่งสัมผัสเทวะพิสุทธิ์ แต่มันเหมือนกับโลกที่ถูกครอบงำโดยจิตสัมผัสเทวะ และเป็นโลกที่เต็มไปด้วยสสารหลอมรวม เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจถึงความน่าหวาดกลัวของเหล่าอสูรพวกนั้น เราจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดมันให้หมดสิ้นเสีย แล้วเข้าไปสำรวจเขตแดนแห่งจิตสำนึกในภายหลัง”

เล่อเฉินเทียนกล่าวต่อ

“ท่านอาจารย์เห็นด้วยกับเขา และตัดสินใจเข้าร่วมทีมสำรวจเป็นการส่วนตัว ในเวลานั้นมีหกคนในทีมสำรวจ นอกเหนือจากท่านอาจารย์กับศิษย์พี่ อีกสี่คนเป็นจักรพรรดิเซียนสูงสุดในเวลานั้น และยังมีกองทัพขนาดใหญ่คุ้มกัน หากเกิดเรื่องร้ายขึ้น พวกเขาจะทำลายอสูรที่พุ่งออกมาจากด้านใน และปิดรอยร้าวนั้นเสีย”

“แล้วผลลัพธ์ของมันล่ะ?”

ไป๋ชิวหรานถาม

“ยกเว้นท่านอาจารย์ คนอื่น ๆ ไม่เคยกลับมาหลังจากวิ่งเข้าไปในรอยแตกนั้น หลังจากท่านอาจารย์ออกจากรอยร้าวนั้นมาได้ เบื้องหลังของเขาคือทะเลอสูรอันไร้สิ้นสุด”

เล่อเฉินเทียนตอบกลับ

“เป็นเพราะจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ไม่คิดร่วมมือ จักรพรรดิตะวันออกชิงจึงตายตกในการต่อสู้นี้ และท่านอาจารย์… ท่านอาจารย์… ท่านจะทราบเมื่อเข้าไปที่หอคอยจักรพรรดิต้าหลัวเทียน”

เมื่อน้ำเสียงของเขาเริ่มแผ่วลง ไป๋ชิวหรานก็เห็นท้องฟ้าที่มืดมิดเปล่งประกายลำแสงสีทองผ่านความหนาทึบ บนเรือก่อสร้างนี้ มันกำลังพุ่งทะยานเข้าหาสิ่งนั้น!

ในท้องฟ้าที่มืดมิดและว่างเปล่า ปราสาทลอยน้ำเปล่งประกายสีทองอ่อน มีอักขระลึกลับจารึกไว้นับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นการป้องกันซากปรักหักปังที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ไป๋ชิวหรานเคยพบเจอมา

เมื่อได้ยินชื่อสถานที่ที่ไป๋ลี่พักอยู่ถูกเรียกว่าหอคอยจักรพรรดิ เขาคิดว่ามันคงจะเป็นพระราชวังที่งดงาม แต่ตอนนี้กลับถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง มันคือเมืองขนาดใหญ่ลอยน้ำคล้ายกับเมืองในสวรรค์กระจ่างเขตอวี่ชิง ในความมืดมิดมีประกายสีทองอ่อน ๆ เปล่งออก มันดูคล้ายกับหอคอยในทะเลลึกเสียมากกว่า

เรือเทียบท่ากับท่าเรือที่พังทลายของปราสาท กองกำลังบนเรือรีบลดขั้นบันไดเพื่อให้ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ สามารถเข้าสู่สะพานหินนอกกำแพงของปราสาทได้

เมื่อมองไปที่สะพานหิน มันเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ช่องโหว่ สภาพช่างบิดเบี้ยวไม่น่ารับชม ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างมีอารมณ์

“ข้าคิดว่าหอคอยจักรพรรดิจะงดงามยิ่งกว่านี้”

“เดิมทีสถานที่แห่งนี้คือเมืองสงครามขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากกำแพงแห่งความตระหนักรู้ เพราะเราเกรงว่ามันจะรบกวนร่างของท่านอาจารย์ เช่นนั้นจึงไม่กล้าที่จะซ่อมแซมมัน”

เล่อเฉินเทียนได้ยินจึงรีบกล่าวอธิบาย

“หอจักรพรรดิไม่ได้ถูกตั้งชื่อจากความหรูหราและความแข็งแกร่ง แต่เนื่องจากจักรพรรดิเซียนองค์แรกอาศัยอยู่ที่นี่ มันจึงถูกเรียกขานว่าหอคอยจักรพรรดิ”

เขาเดินนำไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ไปที่ด้านหน้าของค่ายอาคมป้องกัน จากนั้นจึงทำการเปิดผนึกซับซ้อนมากมายตรงหน้าเพื่อเปิดเส้นทางออก

ทุกคนตรงเข้าไปด้านในจนถึงใจกลางเมืองสงครามนี้ มีแท่นสูงแตกระแหงตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง

“ท่านอาจารย์อยู่ที่นั่น”

จักรพรรดิเซียนกลางพาชายหนุ่มขึ้นบันไดสู่แท่นสูงใหญ่ตรงหน้า

ใจกลางของแท่นสูงบนบัลลังก์หินมีชายผู้หนึ่งนั่งหลับตาอย่างเงียบงัน มีลำแสงสีทองเปล่งประกายเชื่อมต่อร่างของเขากับเก้าอี้บัลลังก์ไว้อย่างแนบแน่น ซึ่งลำแสงสีทองคือพลังเหนือเซียนที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในกายของเขา

พลังเซียนเหล่านี้แผ่ขยายไปทุกพื้นที่ภายในเมืองสงคราม มนต์เสน่ห์สีทองทำให้ทิวทัศน์ชวนหลงใหลไม่น้อย

สำหรับบุรุษที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ใบหน้าของเขาดูไม่คุ้นเคยเล็กน้อย เขาเปลี่ยนจากเด็กชายขนดกกลายเป็นชายวัยกลางคนที่สง่างาม ทั้งยังมีหนวดเคราที่ดูดีมากด้วย

“หลังจากสิ้นสุดสงคราม ท่านอาจารย์ก็ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง เขาใช้สัมผัสเทวะทั้งหมดเพื่อปิดกั้นช่องว่างของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ ปิดกั้นอสูรทั้งหมดที่อยู่อีกด้านหนึ่งของเขตแดนแห่งจิตสำนึก”

หลังได้มองชายวัยกลางคนผู้นี้ เล่อเฉินเทียนก็กล่าวคำอย่างใจเย็น

“แต่ราคาที่ท่านอาจารย์ต้องจ่ายคือจะต้องนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งนี้ เปลี่ยนจิตวิญญาณตนเองให้กลายเป็นตราประทับเพื่อปิดกั้นรอยแตกไม่ให้อสูรรุกรานได้ เช่นนี้ร่างกายของเขาจึงไร้ซึ่งวิญญาณ และกลายเป็นศพจักรพรรดิเซียนที่น่าสงสารยิ่ง พวกเราใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อดึงเขากลับมา นี่ก็เป็นเวลากว่าเจ็ดหมื่นปีแล้วตั้งแต่วันนั้น…”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท