ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 313 พลิกสถานการณ์

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 313 พลิกสถานการณ์

บทที่ 313 พลิกสถานการณ์

ไป๋ลี่ยกมือขึ้น ส่งให้เสียงในห้องโถงเงียบลง

“เจิ้นเทียน”

เขากล่าวขึ้น

“เซียนตนใดที่ทำหน้าที่กระจายข่าวสารอยู่ในปัจจุบัน?”

“ท่านอาจารย์ เขาคือตัวหลักแห่งบทบรรเลงต้องห้ามเบื้องบนสวรรค์ อี้ไฉอิง”

จักรพรรดิเซียนกลาง เล่อเจิ้นเทียนตอบรับ

อี้ไฉอิง?

สายตาของไป๋ลี่กวาดมองไปที่ผู้นำคนต่อไป ในบรรดาเจ้าหน้าที่เซียน ชายผู้สง่างามมีใบหน้าเหลี่ยมเดินออกมาพร้อมโค้งคำนับต่อไป๋ลี่

“เจ้าหน้าที่ผู้น้อยอี้ไฉอิง ทำความเคารพฝ่าบาท”

“ปัจจุบันรับตำแหน่งนั้น”

ไป๋ลี่มองหน้าเขาก่อนจะกล่าวถาม

“อี้เต๋อชิงเป็นอะไรกับเจ้า?”

“เป็นท่านปู่ทวดของข้า”

“แม้อี้เต๋อชิงจะรับผิดชอบเรื่องการแพร่กระจายข่าวสาร แต่เขายังกล้าหาญเมื่ออยู่ในสนามรบ และตายตกในการต่อสู้กับเผ่ามารอย่างกล้าหาญ ในทางกลับกัน หากเป็นข้าคงไม่กล้าหาญเพียงนั้น ข้ายังประทับใจต่อเหตุการณ์ของเขาไม่ลืมเลือน”

ไป๋ลี่มองเขาอย่างพิจารณาก่อนจะกล่าวชมเชย

“ถูกต้อง แม้เจ้ายังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ยังมีเค้าโครงที่คล้ายคลึงกับเขา”

“ฝ่าบาทกล่าวเกินจริงแล้ว และข้าน้อยผู้นี้ด้อยความสามารถยิ่งกว่าท่านปู่ทวดนัก”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป อี้ไฉอิง ข้าต้องการให้เจ้าเตรียมบทความสำหรับแดนเซียนอู่ฟาง ข้าต้องการให้ทุกคนในแดนเซียนอู่ฟางรับทราบสารนี้ เจ้าสามารถทำได้ใช่หรือไม่?”

“ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน”

“ต้องใช้เวลานานเท่าใด?”

“ทันทีที่ฝ่าบาทต้องการ”

อี้ไฉอิงตอบกลับ

“ฝ่าบาทโปรดรอสักครู่ ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว”

“ตกลง ข้าจะรอ”

ไป๋ลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นแล้วกล่าวต่อ

“นอกจากนี้ช่วยส่งสาส์นไปยังจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ทิศ โดยบอกว่าข้าไม่ได้ออกจากแดนเซียนกลางมานานมาแล้ว วันนี้จึงต้องการพบกับจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ที่ด้านนอกของแดนเซียนกลาง”

“รับทราบแล้ว”

อี้ไฉอิงออกไปจัดการเรื่องของตนเอง ยามนี้ ไป๋ลี่สอบถามสถานะของแดนเซียนกลางทีละคน จากนั้นไม่นานนัก อี้ไฉอิงก็กลับมาที่ห้องโถงไท่เหอเตี้ยน และพาไป๋ลี่ลงมาที่แท่น

เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน และขอให้จักรพรรดิภูตผีและจักรพรรดิเซียนกลางเคลื่อนไหวพร้อมกัน ทั้งยังนำเจ้าหน้าที่เซียนทั้งหมดขึ้นแท่นภายในพระราชวังเซียนกลาง

คำพูดที่อี้ไฉอิงกล่าวขึ้นมานั้นมีประสิทธิภาพมาก ไป๋ลี่ยืนอยู่บนแท่น ขณะที่จักรพรรดิภูตผีและจักรพรรดิเซียนกลางยืนอยู่ด้านข้าง

เหนือน่านฟ้าของแดนเซียนอู่ฟาง ปรากฏภาพฉายชัดในอากาศ ในภาพคือจักรพรรดิเซียนองค์แรก ไป๋ลี่ยืนอยู่บนแท่น ขณะที่จักรพรรดิเซียนกลางและจักรพรรดิภูตผียืนอยู่ด้านหลังแนบข้างซ้ายและขวา

ภาพนี้ส่งผลให้แดนเซียนเกิดความโกลาหล เพราะในอดีตแม้ว่าจะมีการฉายภาพของจักรพรรดิเซียนบ้างเป็นครั้งคราว แต่จักรพรรดิเซียนนั้นนั่งอยู่ในสภาพแวดล้อมส่วนตัว ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะบ่งบอกถึงอนาคตได้

แต่คราวนี้เขาอยู่บนแท่นอย่างเป็นทางการด้วยใบหน้ามีเลือดฝาด เมื่อมองเพียงครั้งแรกก็ทราบได้ว่าสุขภาพของเขาแข็งแรงยิ่ง และยังมีพลังชีวิตสูงส่งอีกด้วย

ภาพเหล่านั้นถูกจดจำอยู่ในใจไว้เนิ่นนาน และภาพทั้งหมดถูกบันทึกไว้โดยเวทคาถาไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นหากจักรพรรดิเซียนองค์แรกยังอยู่ดี จักรพรรดิเซียนทั้งสี่ทิศย่อมไม่กล้าหยิ่งผยอง และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้จักรพรรดิเซียนทั้งสี่ทิศจากตะวันออก ตะวันตก เหนือ และใต้สามารถกระทำเรื่องอวดดีเช่นนี้แน่

พวกเขาคาดเดาว่าคงมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับจักรพรรดิเซียนองค์แรก แต่พวกเขาไม่มีอำนาจที่จะแปรเปลี่ยนสถานการณ์บนแดนเซียนแห่งนี้

แต่คราวนี้ภาพทั้งหมดทำให้การคาดเดาต่าง ๆ นานา พังทลายลง เมื่อทุกคนได้เห็นภาพจักรพรรดิเซียนองค์แรก ในภาพนั้นคือตัวจริงไม่ใช่ของปลอมอย่างเช่นเคย ซึ่งพวกเขารับรู้มันได้อย่างชัดเจน

แดนเซียนกำลังจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง…

“เอ่อ… แค่ก ๆ”

จักรพรรดิเซียนองค์แรก ไป๋ลี่กระแอ่มไอแห้งสองสามครั้งก่อนจะกล่าวขึ้น

“เป็นเวลานานแล้วที่ผู้คนในแดนเซียนและสหายเต๋าทั้งหลายไม่ได้พบเจอข้า และพูดคุยกันเลย… คารวะยามบ่าย วันนี้พวกเราได้พบกันอีกครั้งแล้ว”

เขาเงียบเสียงราวกับรอเสียงปรบมือ หลังจากผ่านไปสักครู่ เขาตระหนักได้ว่านี่คือการถ่ายทอดสด ดังนั้นจึงกล่าวต่อ

“กล่าวตามตรง ก่อนหน้านี้ข้าประสบปัญหาบางอย่างจึงต้องออกจากแดนเซียนไป ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ละเลยการจัดการแดนเซียนอู่ฟางมากว่าเจ็ดหมื่นปี ทั้งหมดคือความผิดข้า”

ทันทีที่กล่าวคำเหล่านี้ออกมา ความโกลาหลก็ปะทุขึ้นภายในแดนเซียนมากมาย และจักรพรรดิเซียนองค์แรกยอมรับข่าวลือที่ทุกคนได้ทราบอย่างตรงไปตรงมา และยังกล่าวขอโทษอย่างไม่เห็นแก่ตัว

“หลังจากที่กลับมาแล้ว ข้า… แค่ก ๆ ข้าทราบสถานการณ์ปัจจุบันของแดนเซียนทันที โดยเฉพาะแดนเซียนทั้งสี่ทิศ ทางตะวันออก ตะวันออก เหนือ และใต้ และสถานการณ์การปกครองของสหายเต๋าทั้งสี่ สำหรับเรื่องนี้ ข้ามีเรื่องพูดคุยกับพวกเขาอีกมาก”

เมื่อเขากลับมา ร่องรอยความรู้สึกผิดก็วูบไหวอยู่ในแววตาของไป๋ลี่ แต่สุดท้ายมันหายไปอย่างรวดเร็ว และเขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“เมื่อเจ็ดหมื่นปีที่แล้ว ข้าไม่ได้พบเจอกับสหายเต๋าทั้งสี่เลย ข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อขอพบพวกท่านทั้งสี่คน ส่วนสถานที่นั้น… คือแดนเซียนตะวันออก หวังว่าพวกท่านจะรับคำเชิญ”

“สำหรับเรื่องอื่น ๆ ข้าขอสัญญาว่าจะรีบจัดการมันไปทีละขั้นตอนโดยเร็วที่สุด”

ไป๋ลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะกล่าวต่อ

“สหายเต๋าทั้งสี่ ข้าจะรอพวกเจ้า พวกเจ้าต้องมา…”

หลังจากฉายภาพเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ลี่กับเล่อเจิ้นเทียนก็กลับไปที่โถงไท่เหอเตี้ยน หลังจากที่กลับมาหลายสิบวัน เขาใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในรังรักของตนเอง และทำการเผาผลาญพลังงานกับเหล่าภรรยาน้อยใหญ่ที่มีทันที เขากำลังชดเชยเวลาที่หายไปกว่าเจ็ดหมื่นปีให้กับพวกนาง

หลังจากที่เขาลงจากแท่นแล้ว ไป๋ชิวหรานก็ออกจากโถงไท่เหอเตี้ยนไปพร้อมกับท่านผู้ทรงเกียรติเหล่ย

จักรพรรดิเซียนไม่สามารถเข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องราวภายในของยมโลกได้ ดังนั้นจักรพรรดิภูตผีจึงไม่สามารถมีส่วนร่วมภายในเรื่องราวของแดนเซียนได้เช่นกัน ซึ่งจนกว่าจะได้รับเชิญจากจักรพรรดิเซียนองค์แรก

เมื่อไป๋ลี่ฟื้นคืนชีพ และกระทำการฉีกใบหน้าของจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ทิศ ไป๋ชิวหรานจึงไม่คิดปกปิดร่างที่แท้จริงอีกต่อไป เขาอยู่ในร่างของจักรพรรดิภูตผี และนำมหาเซียนเลี่ยกลับไปที่โถงมหาสงบโดยตรง

ที่ประตูของโถงมหาสงบ เขาได้พบหลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยทันทีที่กลับมา

“พวกเจ้าสองคนออกมาทำสิ่งใด?”

ไป๋ชิวหรานถาม

“พวกเราไปรับชมการฉายภาพของจักรพรรดิเซียนองค์แรก”

หลีจิ่นเหยาตอบกลับ

“เพื่ออะไร?”

ไป๋ชิวหรานพึมพำ

“ข้าอยากจะไปพบศิษย์น้องของข้า แต่ไม่อาจทำได้”

ถังรั่วเวยกล่าวพร้อมขมวดคิ้วแน่น

“แท่นใหญ่นั้นไม่มีตั๋วเชิญพวกเรา”

“แต่มันเป็นสิ่งที่พวกเราคาดไม่ถึงจริง ๆ”

หลีจิ่นเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างกอดแขนของไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“สินทรัยพ์ในยมโลกมากมายนัก ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านบรรพชนกระบี่จะมีสถานะที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าเหล่ายมทูตในยมโลกจะคิดอย่างไรเมื่อได้ทราบถึงร่างที่แท้จริงของท่าน”

เมื่อเห็นความสนิทสนมของไป๋ชิวหรานกับหลีจิ่นเหยา มหาเซียนเลี่ยก็คิ้วเลิกขึ้นสูง

เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ไป๋ชิวหรานสังเกตเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า

“มหาเซียนเลี่ย เจ้ามีสิ่งใดจะกล่าวหรือไม่?”

“เอ่อ…”

หลังจากที่มหาเซียนเลี่ยลังเลครู่หนึ่ง เขามองหลีจิ่นเหยาพร้อมถามว่า

“ฝ่าบาท ข้าอยากทราบว่าสตรีผู้นี้คือใครหรือ…”

หลีจิ่นเหยากลอกตาพร้อมตอบกลับ

“ข้าเป็นภรรยาสาม ไม่สิ ภรรยาสี่!”

ไป๋ชิวหรานเหยียดมือออกไปจับศีรษะของอีกฝ่าย พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมกับหลีจิ่นเหยา

“อย่าได้ฟังเรื่องไร้สาระของนาง นางเป็นสหายของข้า”

โอ้ ข้าทราบแล้ว สหายที่อยู่ร่วมกันบนเตียง…

มหาเซียนเลี่ยหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา เขารู้สึกว่าได้ทำลายความลับของผู้นำตนอย่างไม่ตั้งใจ

ไม่รู้ว่าจักรพรรดินีทราบเรื่องนี้หรือไม่…

“อย่าคิดไปไกลนัก จิ่นเหยาก็เป็นสหายของหลานเอ๋อเหมือนกัน”

ไป๋ชิวหรานกล่าวเสริมอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เป็นสหายกันจริง ๆ คราวนี้ที่นางติดตามข้าสู่แดนเซียน หลานเอ๋อก็รู้เรื่องนี้ดี”

เอ่อ…

มหาเซียนเลี่ยหรี่ตาลง

ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์นี้จะซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก…

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท