ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 353 ท่านอาจารย์ ศิษย์จะไปที่โลกนั้นเพื่อเผยแพร่… วิถีเต๋า

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 353 ท่านอาจารย์ ศิษย์จะไปที่โลกนั้นเพื่อเผยแพร่… วิถีเต๋า

บทที่ 353 ท่านอาจารย์ ศิษย์จะไปที่โลกนั้นเพื่อเผยแพร่… วิถีเต๋า

เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและดุเขาไปพร้อมกัน

“หากเหล่าเซียนที่วิงวอนต่อจักรพรรดิให้เจ้าได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาคงคิดหาวิธีสังหารเจ้าแน่”

“ก็ข้าไร้ซึ่งหนทาง ตำแหน่งของจักรพรรดิเซียนองค์แรกนั้นไม่ได้ดีนัก”

ไป๋ลี่ทอดถอนใจ

“ในช่วงห้าร้อยปีผ่าน ข้าทำงานอย่างหนักเพื่อไล่เช็ดก้นของจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ แล้วยังต้องกระทำกิจในเวลากลางคืนเพื่อจัดการกับภรรยาและนางสนมทั้งหมด เรื่องเหล่านี้ทำให้ข้าลำบาก และไม่อาจบอกกล่าวกับผู้อื่นได้ว่ากำลังเหนื่อย”

เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ แม้จะถูกตรวนวิญญาณมัดเอาไว้ แต่สีหน้ากลับผ่อนคลายราวกับว่าเขาคือผู้ที่ได้รับอิสรภาพอย่างไรอย่างนั้น…

“เอาล่ะ คราวนี้ข้าจะเข้าสู่สังสารวัฏหกวิถี และมอบตำแหน่งจักรพรรดิเซียนให้เจิ้นเทียนแล้ว เมื่อข้ากลับมาหลังจากนี้ ก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องราวของแดนเซียนอีกต่อไป”

ไป๋ลี่ส่ายศีรษะขณะบอกเล่าแผนในอนาคตตนเองเสร็จสรรพ

“ไม่ต้องกังวล”

ไป๋ชิวหรานเหลือบมองเขา

“ดูเหมือนตอนนี้เจ้าจะวาดฝันไว้สูงนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้น เจ้าจะไม่สามารถช่วยได้และต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องเหล่านั้นอยู่ดี”

“ถึงเวลาที่ต้องบอกกล่าว”

ไป๋ลี่ต้องการยืดตัวตรง ทว่าร่างกายและข้อมือที่ถูกมัดด้วยตรวนวิญญาณไม่อาจยืดออกได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามเอนกายไปด้านหลังพร้อมถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย

กองเรือปรโลกกลับมาอย่างราบรื่นพร้อมกับจิตวิญญาณของจักรพรรดิเซียนองค์แรก และเชวียหลิงได้ตระเตรียมกองกำลังยมทูตไว้เสร็จสิ้นแล้ว จิตวิญญาณของไป๋ลี่ถูกส่งต่อไปที่วิหารจักรพรรดิภูตผี ซึ่งราชาจักรพรรดิภูตผีก็เข้าตรวจสอบเรื่องนี้พร้อมกับจักรพรรดิภูตผีเป็นการส่วนตัว

ในเมืองเฟิงตู มีผู้คนมากมายจากยมโลกมารับชมสิ่งที่พบได้ยากนี้ ยมทูตมากมายนับไม่ถ้วนล้อมรอบวิหารจักรพรรดิภูตผีไว้แน่นขนัด

อย่างไรก็ตาม ไป๋ชิวหรานไม่ได้เปิดเผยการตัดสินนี้แก่พวกเขา ดังนั้นเหล่าภูตผีและเซียนทั้งหมดจึงมองเห็นเพียงฉากที่จิตวิญญาณสีทองของจักรพรรดิเซียนองค์แรกถูกจักรพรรดิภูตผีและมหาเซียนเลี่ยกักขังไว้ภายในโถงมายา

หลังจากเข้าสู่ภายในวิหาร ผู้ส่งสารทั้งสองฝ่ายปลดตรวนวิญญาณของจักรพรรดิเซียนองค์แรกออก จากนั้นเชิญเขาไปที่ด้านหน้าวิหาร

ยมทูตแห่งราชสำนักทั้งสิบนั่งอยู่สองฝั่งของห้องโถงใหญ่แห่งนี้ซึ่งมีที่นั่งหนึ่งว่างอยู่ และด้านข้างเป็นเจียงหลานในเครื่องแบบจักรพรรดินีกำลังมองดูไป๋ลี่เดินตรงเข้ามา ยมทูตทั้งสิบในห้องโถงพลันประหม่าเล็กน้อย แม้กระทั่งราชายมโลกยังอดไม่ได้ที่จะประหม่าจนบีบพนักเก้าอี้จนแตกร้าว!

ในทางกลับกัน ไป๋ชิวหรานเหลือบมองเจียงหลานด้วยความประหลาดใจ

หลานเอ๋อออกมาจากการฝึกฝนแล้วหรือ?

เขาขยิบตาอย่างมีคำถาม

เจียงหลานส่งยิ้มมาให้พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

ชายหนุ่มถอนสายตากลับมาก่อนจะมองไปที่ราชายมโลก จากนั้นกระแอมไอเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาเหล่านั้น เมื่อเขานั่งลงข้างเจียงหลานแล้วจึงกล่าวออกมา

“เริ่มพิจารณาคดีได้”

ราชายมโลกกับคนอื่น ๆ เริ่มเคลื่อนไหว และทั้งหมดยิ่งประหม่ามากขึ้นเมื่อเริ่มการพิจารณาคดีของจักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่

กระบวนการพิจารณานี้ดำเนินไปอย่างมีระเบียบ ในฐานะจักรพรรดิเซียนองค์แรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไป๋ลี่ผู้นี้ ในชั่วชีวิตของเขา มีบางครั้งที่ละเมิดกฎเหล็กของยมโลก ทว่าความผิดเหล่านี้ด้อยยิ่งกว่าบุญบารมีที่สั่งสม

ในท้ายที่สุด คณะลูกขุนดึงเอาบาปและบุญทั้งหมดที่ไป๋ลี่สะสมไว้ในชั่วชีวิตที่ยาวนานของเขาออกมาเผยแพร่

จักรพรรดิเซียนองค์แรกไป๋ลี่ถูกตัดสินให้เข้าสู่สังสารวัฏหกวิถีในสามอาณาจักรแห่งความดีงาม เขาจะกลายเป็นมนุษยชาติในฐานะของบุตรเศรษฐี

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ราชายมโลกกำลังจะยกค้อนเพื่อประกาศผลการพิจารณาคดี ตอนนั้นเองที่ไป๋ลี่กล่าวขึ้น

“โปรดรอเดี๋ยว!”

มือของราชายมโลกหยุดค้างกลางอากาศ เขาเหลือบมองจักรพรรดิภูตผีพร้อมกล่าวอย่างระมัดระวัง

“องค์เหนือหัวจักรพรรดิเซียนองค์แรกมีความเห็นเกี่ยวกับการพิจารณาคดีงั้นหรือ?”

ไป๋ลี่ส่ายศีรษะแล้วโค้งคำนับไป๋ชิวหราน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“องค์เหนือหัวจักรพรรดิภูตผี ในเมื่อข้ากำลังจะจุติลงที่โลกมนุษย์ เช่นนั้นทรงอนุญาตให้ได้เลือกโลกของตัวข้าเองได้หรือไม่?”

“โอ้?”

ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม

“แล้วเจ้าอยากไปโลกใดล่ะ?”

ไป๋ลี่ยิ้มพร้อมกล่าวตอบ

“ข้าได้ยินว่าจักรพรรดิภูตผีกำลังครองโลกที่ไม่เคยมีเหล่าเซียนคอยสั่งสอน เช่นนั้นข้าจึงอยากไป”

“อยากไปที่นั่น?”

ไป๋ชิวหรานประหลาดใจเล็กน้อย เป็นความจริงที่โลกแห่งนั้นไม่มีการฝึกฝนจากเหล่าเซียน คนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขั้นที่สิบของการกลั่นลมปราณเท่านั้น แต่โลกใบนั้นเป็นห้วงแห่งสติสัมปชัญญะ ด้านในของจิตสำนึกยังมีอสูรโลหิตแห่งความเกลียดชัง และอสูรที่มีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นแยกวิญญาณ

“เจ้าคิดทำสิ่งใดในสถานที่แห่งนั้น?”

ไป๋ลี่ไม่ตอบคำถาม เขามองไปทางซ้ายและขวา ราชายมโลกเข้าใจทันทีก่อนจะโบกมือให้ผู้คุมใกล้เคียงออกไปก่อน จากนั้นปิดกั้นโถงใหญ่นี้ด้วยอาคมคุ้มกันแล้วกล่าวว่า

“เชิญฝ่าบาทกล่าว”

ไป๋ลี่มองไป๋ชิวหราน และชายหนุ่มก็พยักหน้าให้ ดังนั้นไป๋ลี่จึงประสานมือพร้อมกล่าวกับไป๋ชิวหรานว่า

“ท่านอาจารย์ ศิษย์รับทราบถึงแนวคิดของท่านแล้ว และกล้าที่จะคาดเดาเจตนาต่อไปของท่าน อย่างไรก็ตาม หลังจากข้ากลับชาติมาเกิด ข้าก็ยังเป็นคนเดิม เช่นนั้นให้ศิษย์ช่วยจัดการกับอาจารย์อสูรเป็นอย่างไรเล่า?”

“ท่านอาจารย์?”

เมื่อราชายมโลกได้ยินถ้อยคำของไป๋ลี่ที่กล่าวกับไป๋ชิวหราน พายุโหมกระพือก็พลันก่อเกิดขึ้นในใจ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะขัดจังหวะ ทั้งหมดทำได้เพียงรับฟังการสนทนาระหว่างจักรพรรดิเซียนองค์แรกและจักรพรรดิภูตผีท่ามกลางความสงบ…

“น่าสนใจไม่น้อย เจ้าเด็กตัวเหม็น เช่นนั้นบอกกล่าวกับข้าว่าเจ้าจะช่วยจักรพรรดิองค์นี้อย่างไร?”

ชายหนุ่มยกยิ้มให้ไป๋ลี่

“ท่านอาจารย์สร้างทักษะการแยกจิตแล้ว ซึ่งมันควรจะทำให้พวกเราเหล่าเซียนสามารถควบคุมร่างกายตนเองกับอสูรในเวลาเดียวกันได้ และในฐานะผู้เบิกทาง ท่านอาจารย์กับภรรยาทั้งสอง… อ้อ ตอนนี้มีสาม ทั้งหมดย่อมฝึกฝนเคล็ดวิชาแยกจิตนี้ แล้วใช้มันสร้างจิตสำนึกอสูรของตนเองในอนาคตอันใกล้แน่นอน”

ไป๋ลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า

“และจิตสำนึกของท่านอาจารย์แข็งแกร่งเพียงใด ศิษย์ทราบดีว่าเขตแดนจิตสำนึกของโลกใบนั้นไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการกำเนิดของจิตสำนึกอสูรของท่านแน่นอน ในอนาคตอันใกล้นี้ ท่านจะไปที่อีกด้านของกำแพงแห่งความตระหนักรู้เพื่อสร้างจิตสำนึกอสูรของตนเอง แต่ข้าว่าไม่ควรเสี่ยงไปที่ฝั่งตรงข้ามกำแพงนั้น เพราะเรามีเขตแดนจิตสำนึกสำเร็จรูปที่นี่แล้ว ท่านควรจะอยู่ในโลกนี้จึงจะสามารถฝึกฝนอาจารย์อสูรของตนเองได้ถึงระดับหนึ่ง”

หลังจากหยุดชั่วขณะ เขาจึงกล่าวต่อ

“ส่วนความรู้เรื่องอาจารย์อสูร ศิษย์ไม่ต้องคิดถึงสิ่งนั้นเลย และรู้ดีว่ามันคงจะเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนเซียน ในกรณีนี้ศิษย์เต็มใจที่จะไปโลกใบนั้นเพื่อช่วยเหลือท่านอาจารย์ และเพื่อส่งต่อวิถีแห่งเต๋าแก่โลกใบนั้น นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องที่ดีหากเราทราบถึงพื้นฐานการวิวัฒนาการของอาจารย์อสูรได้”

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าสิ่งที่ไป๋ลี่กล่าวออกก็สมเหตุสมผล

สิ่งที่คิดไว้ในคราวแรกคือไปที่อีกด้านของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ แล้วค่อยสร้างจิตสำนึกอสูรของตนเอง จากนั้นก็ฆ่าพวกมันทั้งหมดเพื่อหล่อเลี้ยงอสูรของตน แต่สิ่งที่ไป๋ลี่กล่าวก็มีเหตุผล และหากทำได้ มันจะเป็นการยืนยันว่าความคิดในอนาคตแสนไกลของเขานั้นจะได้ผล

จักรพรรดิภูตผีมองราชายมโลกพร้อมกล่าวถาม

“ชายผู้นี้ต้องการกลับชาติไปเกิดในโลกที่ยมโลกก็ยังไม่เชื่อมโยง และต้องการอยู่ในเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ สิ่งนี้ละเมิดกฎของยมโลกหรือไม่?”

ราชายมโลกสนทนาเรื่องนี้กับคณะลูกขุนเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวรายงาน

“รายงานฝ่าบาท ทางเลือกของจักรพรรดิเซียนองค์แรกนั้น ในทางทฤษฎีไม่ได้ละเมิดกฎของยมโลกตราบใดที่เขากลับชาติไปเกิดเป็นมนุษย์… ทว่า ในโลกแห่งนั้นซึ่งยังไม่ได้เชื่อมต่อกับยมโลก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกเกิดเป็นมนุษย์ได้”

“เจ้าไม่อาจเลือกภูมิหลังของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นขอทานหรือจักรพรรดิ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

ไป๋ชิวหรานมองไป๋ลี่เพื่อถามการตัดสินใจอีกครั้ง

“ไม่เป็นไร”

ไป๋ลี่กล่าวยืนยันด้วยแววตามุ่งมั่น

“ต่อให้ข้าต้องเป็นขอทานในรางน้ำเน่า จักรพรรดิเซียนองค์แรกนี้ก็สามารถฟื้นคืนความสง่างามได้แน่”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท