ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 362 ข้าจะยอมเชื่อในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 362 ข้าจะยอมเชื่อในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน แต่แลกกับเนื้อไก่ย่างได้หรือไม่?

บทที่ 362 ข้าจะยอมเชื่อในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน แต่แลกกับเนื้อไก่ย่างได้หรือไม่?

เริ่มจากเมืองผิงโจว เมื่อเดินออกไปกว่าแปดสิบลี้แล้วปีนขึ้นไปบนหมู่เขา ที่นั่นมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ ณ ใจกลาง

หมู่บ้านเล็ก ๆ นี้ถูกเรียกว่าชิงสุ่ย มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่กี่สิบคน แม้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยจะเล็ก แต่ก็มีทุกสิ่งครบครัน ทั้งฟาร์มสัตว์เลี้ยงที่มีอุปกรณ์ครบครัน สะดวกสบาย และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

บ้านแต่ละหลังภายในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้เป็นดังเช่นในหมู่บ้านอื่น แต่สร้างแบบเรียบง่ายและสวยงาม มันให้ความรู้สึกสบายตา

ไป๋ชิวหรานพร้อมด้วยคนอื่น ๆ ติดตามพ่อค้าเพื่อมายังสถานที่แห่งนี้

ตุบ

ไป๋ชิวหรานกระโดดลงจากเกวียนวัว ก่อนจะจับหลีจิ่นเหยาที่พุ่งตัวใส่เขาเอาไว้ ส่วนถังรั่วเวยลงมาแล้วเดินเคียงข้างขนาบอีกด้าน

จากนั้นเขาวางแม่นางน้อยลงบนพื้น ก่อนจะเดินไปหาคนขับเกวียน เอาเงินก้อนที่หยิบออกจากแขนแล้วยื่นให้

“ขอบคุณแล้วท่านลุง พาพวกเราเยี่ยมชมหน่อยเถิด”

พวกเขาไม่มีสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎของโลกนี้ แต่โลหะกลับกลายเป็นของล้ำค่าของที่นี่!

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย การได้พบบุรุษกล้าหาญที่มีความสามารถและครอบครองหญิงงามถึงสองคน ข้าสามารถนำมันกลับไปโอ้อวดกับภรรยาได้เมื่อกลับถึงบ้าน”

คนขับเกวียนหยิบเงินของไป๋ชิวหรานไป ทว่าไป๋ชิวหรานกลับรั้งเอาไว้

“ไม่เชื่องั้นหรือ?”

เขาหยิบแท่งเงินทั้งแท่งออกมาวางบนฝ่ามือคนขับเกวียนแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ฟังนะ ข้าไม่เพียงแต่จะมอบเงินให้เท่านั้น แต่จะมอบทั้งหมดนี้ให้ ตราบใดที่ท่านกลับไปบอกชื่อเซียนสวรรค์ผู้ประทานทรัพย์ ท่านจะไม่จำเป็นต้องขับเกวียนนี้อีกต่อไป”

“โอ้ ไม่ ไม่ ไม่”

คนขับเกวียนถือเศษเงินไว้แน่นและไม่กล้ารับแท่งเงินทั้งหมด

ของดีเช่นนั้นไม่มีในโลก ทุกสิ่งล้วนน่าหวาดกลัว แม้คนขับเกวียนจะไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่เขาถือว่าเป็นนักเดินทางที่มีความรู้มากมาย บุรุษที่มีความคิดน่าสงสัยเช่นไป๋ชิวหรานคงจะต้องวางแผนการบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้อย่างแน่นอน!

เขาหลุดพ้นจากฝ่ามือของไป๋ชิวหราน ก่อนจะรีบสะบัดแส้ในมือ ขี่เกวียนวัวหนีเขาไปในหมู่บ้านเพื่อออกห่างจากชายหนุ่ม

“ล้มเหลวอีกครั้ง อนิจจา…”

ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะก่อนจะหันมองหญิงสาวทั้งสอง

“ไปกันเถอะ เข้าไปด้านใน เจ้าเด็กไป๋ลี่จุติใหม่ในหมู่บ้านนี้”

ทั้งสามเดินเข้ามาในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ สะพานเล็กทอดผ่าน ลำธารไหลริน และทุกสิ่งภายในหมู่บ้านล้วนงดงาม ทางเข้าหมู่บ้านมีทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์อยู่หลายไร่

ในหมู่บ้านแห่งนี้มีทั้งวัวควาย แต่ชาวนายังคงต้องเหวี่ยงจอบ ไถ และคราดพรวนดิน ความแข็งแกร่งของชาวบ้านดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าควายในวัยเจริญพันธุ์เสียอีก…

ไป๋ชิวหรานยืนอยู่ริมถนน เหลือบมองชาวนาพร้อมกับถอนสายตากลับ จากนั้นจึงเดินเข้าหมู่บ้านต่อไป

หลีจิ่นเหยาเดินตามไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเดินข้ามสะพานหินโค้งเล็ก ๆ เหนือลำธารก่อนจะกล่าวออกมา

“พลังเทียบเท่ากับผู้อยู่ในขั้นกลั่นลมปราณ ร่างกายชาวนาผู้นั้นแข็งแกร่งยิ่ง”

“อืม”

มีพลังปราณที่แท้จริงอยู่ในร่างกาย แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกในเก้าทวีปสิบแผ่นดิน ในสำนักกระบี่ชิงหมิงกับสำนักอสูรสวรรค์ เพียงแค่ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นกลั่นลมปราณ แม้แต่ผู้ฝึกตนจำนวนมากในขั้นสร้างรากฐานยังต้องช่วยเหลือสำนักในการเพาะปลูกพืชผลและสมุนไพรวิญญาณ เพื่อเสริมกำลังด้านจิตวิญญาณของสำนัก

แต่ในโลกใบนี้ไม่มีผู้ฝึกตนหรือนักสู้ในขั้นกลั่นลมปราณที่อยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบนี้ ดังนั้นชาวนาที่กำลังพรวนดินจึงอาจนับได้ว่าเป็นผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ชิงหมิงหรือสำนักอสูรสวรรค์ในโลกมนุษย์ ขณะที่ชายหนุ่มกลายเป็นคนเตรียมพื้นที่เพื่อทำการเพาะปลูก

“หมู่บ้านแห่งนี้ พยัคฆ์หมอบ มังกรซ่อนเร้น…”

ถังรั่วเวยคิดตาม ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว

“ข้าเพิ่งเห็นชายชราถือตะกร้าเดินไปตามถนนเพื่อเก็บมูลวัว… ทักษะการใช้มือของเขาค่อนข้างยอดเยี่ยมในหมู่นักสู้”

“ดูเหมือนว่าโชคของไป๋ลี่จะไม่เลวร้ายนัก”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้ารับ

“เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย”

ทั้งสามตรงเข้าไปในหมู่บ้านก่อนจะออกค้นหาตราประทับระหว่างทาง พวกเขาพบว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ทั้งสิ้น!

นี่คือขุมพลังแห่งโลกความเป็นจริง

เมื่อเดินไปที่เขื่อนบริเวณต้นหมู่บ้าน ตราประทับยิ่งส่งสัญญาณเด่นชัด ขณะนี้ชายที่อยู่ริมถนนถือชามหักไว้ในมือ เขาเงยหน้ากล่าวกับไป๋ชิวหราน

“ชายหนุ่มผมยาวผู้นี้ ข้ารู้สึกประหลาดใจกับโครงสร้างของเจ้ายิ่ง เพียงมองครั้งแรกก็ทราบว่าคืออัจฉริยะแห่งนักสู้ เอาล่ะ ข้ามีตำราศิลปะการต่อสู้ที่ไร้ใครเทียบอยู่สองสามเล่ม ตราบใดที่เจ้าสามารถหาไก่ย่างจากซุยเซียงโหรวมาให้ข้าได้ ข้าจะมอบทั้งหมดนี้แก่เจ้า ว่าอย่างไร?”

ไป๋ชิวหรานตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมองอีกฝ่ายพร้อมถามด้วยความกระตือรือร้น

“พี่ชายผู้นี้ ข้าเห็นใบหน้าของท่านซีดเซียว ทั้งเสื้อผ้ายังขาดวิ่น มองเพียงครั้งแรกจึงทราบว่าอาชีพของท่านไม่ค่อยดีนัก การฝึกฝนก็ยังอ่อนแอ คงจะพบเจอกับเรื่องราวยิ่งใหญ่มาไม่น้อย ข้าสงสัยว่าท่านเคยได้ยินนามของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานหรือไม่?”

“อะไรนะ? เทพอาวุโส?”

ขอทานผู้นั้นตกตะลึง

เหตุใดจึงไม่เล่นตามเรื่องราวที่ก่อเกิด เมื่อตาลุงผู้นี้กล่าวขอร้อง เขากลับดึงอีกฝ่ายเข้าเรื่องโดยง่ายดายงั้นหรือ?

“เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน โอ้ พี่ชายไม่ทราบหรือ เทพเจ้าองค์นี้ดำรงอยู่ตั้งแต่ยุคก่อนเกิดความโกลาหล ว่ากันว่าเขาคือ…”

ไป๋ชิวหรานเล่าเรื่องไร้สาระของเขาให้ขอทานผู้นั้นรับฟัง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ขอทานรู้สึกเวียนหัว

“เป็นอย่างไรบ้างพี่ชาย ข้าเห็นว่าในแววตาท่านมีความมุ่งมั่น ดูเหมือนกับชายผู้เปี่ยมศรัทธา ท่านอยากจะลองบูชาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานผู้ล่วงลับหรือไม่?”

“อย่า อย่า”

แม้ขอทานผู้นั้นจะรู้สึกมึนงงและไม่เข้าใจเพราะคำพูดของไป๋ชิวหราน แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมรับมันและปฏิเสธทันที

“การจะบูชาเทพเจ้าจากสวรรค์มีประโยชน์ใด ข้าไม่สามารถขอทานแล้วได้รับอาหารในทุกวัน แต่ยังต้องแบ่งสัดส่วนอาหารเพื่อบูชาเขาอีกงั้นหรือ? ไม่ได้ ไม่ได้แล้ว”

“ข้าเชื่อว่าเขาสามารถปรับปรุงการฝึกฝนของท่านได้”

“ให้เชื่องั้นหรือ? ไร้สาระหน่า!”

ขอทานผู้นี้ก็เหมือนกับทุกคนก่อนหน้านี้ ทั้งหมดเพิกเฉยต่อสิ่งที่เรียกว่าเทพเจ้า

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“แล้วหากเป็นอย่างนี้ล่ะ ท่านลองศรัทธาในเทพเจ้าดูสักครั้ง แล้วข้าจะไปเอาไก่ย่างที่ซุยเซียงโหรวมาให้ เช่นนี้เป็นอย่างไร?”

“จริงหรือ?”

ขอทานเริ่มมีความหวัง เขาลูบคางเบา ๆ ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“งั้นก็ช่วยเอาไก่ย่างมาให้ข้าก่อน แล้วข้าจะบูชาเทพเจ้าตนนั้นเมื่อได้รับไก่”

“ตกลงตามนี้!”

เมื่อไป๋ชิวหรานกล่าวจบ เขาก็หันศีรษะหนีพร้อมกับเดินกลับไปยังทางที่จากมา

ซุยเซียงโหรวอยู่ใกล้กับทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ เข้ามา พวกเขาเห็นธงโบกสะบัด นี่คือร้านอาหารสามชั้นสุดตระการตาในหมู่บ้านแห่งนี้ มันคือร้านอาหารเพียงหนึ่งเดียว

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยจึงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว แม่นางน้อยพุ่งไปด้านข้างของไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวกระซิบ

“ท่านบรรพชนกระบี่ชิวหราน ท่านจะทำข้อตกลงกับขอทานผู้นั้นจริง ๆ หรือ? เขาดูไม่เหมือนคนที่จะศรัทธาในเทพเจ้าเลย หากเจตจำนงของเขาไม่เพียงพอ การก่อสร้างศรัทธาจะไม่อาจทำได้ และนั่นจะไม่มีประโยชน์อันใด”

“ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่ต้องการเหตุผลเพื่อให้เขาศรัทธาเท่านั้น”

ไป๋ชิวหรานยิ้มและกล่าวต่อ

“ตราบใดที่เขาศรัทธาข้า ‘เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน’ ของข้าก็จะมีโอกาสปรากฏตัว หากได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว มันต้องทำให้เขาศรัทธาอย่างแน่นอน”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท