ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 363 การกลับชาติมาเกิดของไป๋ลี่

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 363 การกลับชาติมาเกิดของไป๋ลี่

บทที่ 363 การกลับชาติมาเกิดของไป๋ลี่

ไป๋ชิวหรานและพรรคพวกตรงไปที่ร้านขายอาหาร ซึ่งพวกเขาต้องยืนรอกว่าสองถ้วยชา ทั้งหมดเฝ้ามองเถ้าแก่ของร้านใช้ปราณหยางบริสุทธิ์ของตนเองเพื่อย่างไก่จนน้ำมันไหลเยิ้มส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ก่อนจะห่อมันด้วยกระดาษน้ำมันแล้วส่งให้ขอทาน

ริมฝีปากของขอทานผู้นั้นเต็มไปด้วยความมันเยิ้ม แต่เขาไม่ได้ทำผิดสัญญา หลังจากดูดน้ำมันจากนิ้วทั้งสิบแล้ว เขาตัดสินใจบอกกล่าวกับไป๋ชิวหรานทันทีว่าจะบูชาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน!

อย่างไรก็ตาม แม้ขอทานผู้นี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่มีเงิน และย่อมไม่มีทางซื้อเครื่องหอม กระถางธูปได้ ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงหยิบยื่นหม้อใบน้อยให้กับเขา พร้อมด้วยธูปสามดอก

ขอทานรับมันไว้ แม้จะพึมพำอย่างไร้สาระ แต่เขาก็คุกเข่าลงบนพื้น ตรงหน้าวางหม้อเล็กเอาไว้ แล้วปักธูปสามดอกลงไปในหม้อ

“ก็เพียงเท่านี้”

ชายหนุ่มกล่าวกับขอทานด้วยท่าทางมีเลศนัย

“เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานได้ยินคำร้องขอของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้เช้า ขอบเขตความเป็นมนุษย์ของเจ้าจะทะลวงผ่านขั้นที่หกไปสู่ขั้นที่สูงขึ้น”

ประหลาด…

ขอทานลอบพึมพำว่าระดับการฝึกฝนของเขาติดอยู่ในขั้นที่หกของขอบเขตความเป็นมนุษย์มาเนิ่นนาน และสภาวะตีบตันเปรียบกับคูน้ำ เขารู้สึกว่าหากชีวิตนี้ไม่ได้ออกไปผจญโลกกว้างก็คงจะไร้ซึ่งความหวังแล้ว เพียงแค่บูชาสวรรค์จะทำให้เขาทะลวงสู่ขั้นต่อไปได้อย่างไร

แต่การได้รับเนื้อไก่ย่างมานั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เขาจึงควรยอมศิโรราบ ท้ายที่สุดแล้วไป๋ชิวหรานก็ใจดีมอบไก่ย่างแก่เขาหนึ่งตัว ดังนั้นเขาจึงเล่นตามน้ำ…

“ประเสริฐยิ่งนักท่านบรรพชน!”

จากนั้นเขาก็เกาศีรษะสักครู่หนึ่ง

“ว่าแต่ เจ้าทราบได้อย่างไรว่าข้าอยู่ในขอบเขตความความเป็นมนุษย์และเป็นนักสู้ อีกทั้งยังทราบขั้นพลังของข้า…”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ ไป๋ชิวหรานและทั้งสามก็จากไปโดยไม่ทันมองตามทันด้วยซ้ำ…

“แปลกพิลึกนัก”

ขอทานกล่าวพึมพำกับตนเอง

“บางทีพรุ่งนี้ข้าอาจจะทะลวงผ่านไปได้จริง ๆ?”

เขาส่ายศีรษะปัดความคิดไร้สาระ ก่อนจะหยิบชามแตกหักแล้วเคาะมันด้วยกิ่งไม้ ปากอ้ากว้างร้องเพลงขอทาน และเดินไปรอบหมู่บ้านอย่างคุ้นชิน

หลังจากแยกกับขอทานผู้นั้นแล้ว ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ก็เข้าไปในหมู่บ้านเพื่อสำรวจโดยรอบ และสุดท้ายพวกเขาได้พบกับเป้าหมาย!

เด็กกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นหญ้า ด้านหน้าของพวกเขามีเด็กชายใบหน้าหล่อเหลาอายุราวสิบปีต้น ๆ กำลังนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ขณะส่ายศีรษะให้กับเด็กเหล่านั้น อีกทั้งเขายังกล่าววาจาฉะฉานและคล่องแคล่ว

ความเก่งกาจของการสั่งสอนเป็นสิ่งที่ติดตัวเขาตั้งแต่กำเนิด

“สหายเอ๋ย พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องการฝึกตนหรือไม่?”

“การฝึกตนคือสิ่งใด?”

ในบรรดาเด็กเหลือขอที่อยู่ด้านล่าง เด็กอ้วนน้ำมูกเปรอะเปื้อนใบหน้ายกมือขึ้นถาม

“เป็นคำถามที่ดี”

ไป๋ลี่ที่กลับชาติมาเกิดตบหน้าขาดังฉาดก่อนร้องตะโกน

“พวกเจ้าทุกคนล้วนได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ของครอบครัวตั้งแต่ยังเยาว์ และยังทราบดีว่าโลกใบนี้ มนุษย์ถูกแบ่งออกเป็นสามขอบเขต คือ มนุษย์ธรรมดา นักสู้ และผู้ฝึกตน หลังจากเข้าสู่ขอบเขตการฝึกตนแล้ว พวกเจ้าจะสามารถปลดปล่อยพลังปราณที่แท้จริง เพียงแค่ขยับมือก็สามารถสร้างลมฝนหรือสายฟ้าได้ดั่งใจนึก และผู้ฝึกตนนี้ยังถูกแบ่งออกเป็นสิบขั้นด้วย ขั้นสูงสุดถูกเรียกว่าเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน เมื่อไปถึงระดับนั้นได้ ไม่เพียงแต่จะมีอายุขัยกว่าสองถึงสามร้อยปี แต่ผิวหนังบนร่างกายยังก่อตัวเป็นปราณป้องกัน การสังหารให้ตายตกกระทำได้เพียงส่งกองทหารชั้นสูงของดินแดนต้าเซียมาล้อมรอบและปราบปราม หรือจะเป็นการต่อสู้กับเหล่าปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน… เช่นนี้เมื่อเข้าสู่ขอบเขตนั้นแล้ว บุคคลในระดับนั้นถึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่แบบใด”

“เป็นเช่นนั้น”

พ้องเพื่อนของเขาพยักหน้ารับพร้อมร้องตะโกน

“แดนเซียนคือความฝันของพวกเรา พวกเราจะทะลวงสู่ระดับนั้นได้แน่นอนในอนาคต จากนี้จงสร้างความกล้าหาญ และกลายเป็นวีรบุรุษในตำนาน!”

“ข้าต้องเข้าสู่สำนักและเป็นปรมาจารย์ให้ได้!”

“หลังจากกลายเป็นเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน ข้าจะแพร่กระจายไก่ย่างที่อร่อยที่สุดของเราให้มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก!”

กลุ่มเด็กน้อยพูดคุยกัน หัวข้อสนทนาค่อย ๆ ถูกเบี่ยงเบนออกไปจากเดิม ทว่าไป๋ลี่กลับไม่รำคาญ เขายิ้มรับอย่างผ่อนคลาย และเมื่อสหายตัวน้อยเพ้อฝันเสร็จสิ้น เขาจึงปรบมือก่อนกล่าวต่อ

“เงียบก่อน”

เด็กน้อยที่อยู่ด้านล่างหุบปากเงียบสนิท บางคนถึงกับยกมือขึ้นเพื่อปิดปาก ฉากพูดคุยเจื้อยแจ้วก่อนหน้าหายไปหมดสิ้น

“อ่า”

เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“เจ้าหนูนี่ หนังเหนียวจริง ๆ”

อีกด้านหนึ่ง เมื่อไป๋ลี่เห็นว่าสหายตัวน้อยเงียบลงแล้ว เขาจึงกล่าวต่อ

“อย่างไรก็ตาม ต่อให้พวกเขากลายเป็นเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน แต่ในโลกนี้ไม่อาจถูกเรียกได้ว่าเป็นอิสระได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเทพเจ้าแห่งแผ่นดินจะสามารถขึ้นเป็นกษัตริย์ในประเทศเล็ก ๆ ได้ ในฤดูร้อนหน้า ข้าก็สามารถรับตำแหน่งอันสูงส่งได้อย่างง่ายดาย ทว่าในโลกนี้ ที่สุดแล้วจักรพรรดิก็ยังกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่เทพเจ้าแห่งแผ่นดินจะสามารถเดินทอดน่องเพียงอย่างเดียว ท้ายที่สุดมันก็ไม่ถือว่าเป็นความสะดวกสบายอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น…”

เขาชี้ไปที่เด็กอ้วนก่อนหน้านี้

“ต้าจวง! เจ้าบอกว่าความฝันของเจ้าคือการเป็นวีรบุรุษในตำนาน แต่หากมีเจ้าหน้าที่ทุจริตในราชสำนัก แล้วเจ้าทราบเรื่อง เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”

“ข้าย่อมกล่าวแน่นอน!”

เด็กอ้วนกำหมัดแน่น และมีท่าทีขุ่นเคือง

“แน่นอนว่าต้องลงโทษผู้ทรยศและกำจัดความชั่วร้าย และพวกมันทั้งหมดสมควรตาย!”

“แต่! ราชสำนักมีกฎห้ามไม่ให้คนในเจียงหู่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับราชการ รวมถึงผู้ฝึกตนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้สั่งประหารเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก แม้แต่เจ้าหน้าที่ทุจริตและผู้ทรยศ ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคำตัดสินของราชวงศ์”

ไป๋ลี่ระงับความกระตือรือร้นของเด็กอ้วนตรงหน้า

“หลังจากเจ้าสังหารเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแล้ว เจ้าจะกลายเป็นผู้ทำให้องค์จักรพรรดิอับอายขายหน้า ในเวลานั้นเจ้าจะถูกโลกใบนี้ลงทัณฑ์ แม้จะมีศักดิ์เป็นเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน แต่ดินแดนต้าเซียยังมีปรมาจารย์ระดับนี้อีกสามคนที่พร้อมสังหารเจ้า แล้วเช่นนี้จะทำอย่างไร?”

“เรื่องนี้…”

เด็กอ้วนไม่ทราบว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร

“เจ้า… เสี่ยวว่าน”

ไป๋ลี่ชี้ไปที่เด็กหญิงตัวน้อย ใบหน้าของนางเป็นสีชมพูงดงามราวกับหยก

“หากเจ้าต้องการขยายกิจการเนื้อไก่ย่างไปทั่วโลก นั่นคือการแย่งพื้นที่ร้านอาหารทั่วโลก ข้าจดจำได้ว่าในกิจการเหล่านั้นมีผู้ฝึกตนระดับสูงจำนวนมากแทรกซึมอยู่ พวกเขาย่อมร่วมมือกันเพื่อจะจัดการกับเจ้า แม้จะเป็นเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน แต่จะสามารถรับมือกับเหล่านั้นได้หรือ?”

ใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยเหี่ยวย่นด้วยความทุกข์

ไป๋ลี่เริ่มถามเพื่อนตัวน้อยของเขาซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะกล่าวต่อพร้อมเอามือเท้าสะเอวไว้

“และสิ่งที่สำคัญที่สุด สหายของข้า บิดามารดาของเราไม่ใช่ผู้ฝึกตน เมื่อพวกเราทะลวงเข้าสู่ขั้นเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน บุคคลในโลกใบนั้นล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตเทพเจ้าแห่งแผ่นดินด้วยเช่นกัน แล้วสองต่อหนึ่ง อีกฝั่งคือบิดามารดาพวกเจ้า อย่างไรพวกเราก็ไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมของสายเลือดผสม…”

สหายตัวน้อยทั้งหมดถึงกับสับสน และพวกเขาใช้ฝ่ามือปัดก้นของตนเองก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“ดังนั้น จึงมีเพียงการฝึกฝนเท่านั้นที่จะทำให้เราฝ่าฟันพันธนาการแห่งโชคชะตาได้!”

ไป๋ลี่ยกกำปั้นพร้อมกล่าวเสียงดัง

“พื้นฐานของเทพเจ้าแห่งแผ่นดิน หากสามารถฝ่าฟันในขั้นแรกได้ ชะตากรรมของพวกเราล้วนเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ ดังนั้นสหายข้าจะรีรอใด? รีบเข้าร่วมการฝึกฝนกับข้าเสีย แล้วข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าเอง เราจะใช้เวลาสามปีสำหรับการสร้างรากฐาน และการใช้พลังเวทอีกห้าปี…”

“มัวมาทำสิ่งใดอยู่ที่นี่? เจ้าเด็กบ้า”

ไป๋ลี่ที่พูดจาฉะฉานในคราวแรก จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาบิดใบหูของเขาจากด้านหลัง

“อ๊าก!”

เขาหันศีรษะกลับมา และเห็นสตรีวัยสามสิบยืนอยู่ด้านหลังพร้อมมือเท้าสะเอว

แม้สตรีผู้นี้จะไม่ได้เป็นผู้ลากมากดีและสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่าย แต่นางก็ยังดูงดงาม ดวงตาดอกท้อ ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม ทั้งยังมีเสน่ห์ที่แปลกประหลาด มันยิ่งทำให้สตรีผู้นี้ดูน่าสนใจมากขึ้น!

เมื่อเห็นสตรีผู้นี้มาเยือน สหายตัวน้อยทั้งหมดกุลีกุจอแยกย้ายกันในทันที ขณะที่ไป๋ลี่พยายามดิ้นรน

“ท่านแม่ ปล่อยข้า ข้าไม่ได้พูดเรื่องเหลวไหล!”

“หยุดพูดถ้อยคำไร้สาระเดี๋ยวนี้!”

สตรีผู้นั้นดุด่าพร้อมดึงหูของเขาด้วยความโกรธ

“ข้าสั่งให้เจ้าไปซักเสื้อผ้าที่แม่น้ำ แล้วตอนนี้เสื้อผ้าอยู่ไหน?”

“ข้าขอให้เยว่เอ๋อร์ช่วยซัก…”

“เจ้าทราบวิธีกลั่นแกล้งเยว่เอ๋อร์! มานี่ กลับบ้านกับข้า!”

สตรีผู้นั้นคว้าหูของไป๋ลี่ พร้อมกับลากเขาเข้าไปในหมู่บ้าน

“วันนี้ข้าต้องสั่งสอนให้เจ้าหลาบจำ!”

ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ มาหลบอยู่หลังพุ่มไม้ ทั้งหมดใช้เวทพรางตาของหลีจิ่นเหยา ใบหน้าพวกเขาหดหู่และไม่อาจทำสิ่งใดได้เมื่อเห็นไป๋ลี่ถูกมารดาของตนลากออกไป

ความจริงแล้ว ทั้งสามเห็นชัดว่าเส้นลมปราณเชื่อมต่อหมดสิ้น นอกจากนี้ยังมีพลังปราณแก่นแท้ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย หากเขาคิดต่อสู้จริง ๆ ด้วยรากฐานของจักรพรรดิเซียนองค์แรก แม้อีกฝ่ายจะเป็นมารดาก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้!

อย่างไรก็ตาม ไป๋ลี่ซุกซ่อนความแข็งแกร่งของตนเองไว้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด บุคคลระดับสูงเช่นนี้อายุน้อยเพียงสิบหรือสิบเอ็ดปี มันยังเป็นเรื่องที่น่าตื่นตระหนกเกินไป!

ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาจะต้องทำทุกสิ่งให้ถูกต้อง

เมื่อเห็นไป๋ลี่ถูกมารดาลากออกไปตามถนน ไป๋ชิวหรานจึงกล่าวขึ้นพร้อมเดินตรงเข้าหาทันที

“แม่นาง ได้โปรดหยุดก่อน”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท