ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 371 ท่านป้า… มาเล่นที่นี่อีกแล้ว

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 371 ท่านป้า… มาเล่นที่นี่อีกแล้ว

บทที่ 371 ท่านป้า… มาเล่นที่นี่อีกแล้ว

เมื่อไป๋ชิวหรานมาถึง เขาก็พบว่าถังรั่วเวยกำลังจัดการฝึกสำหรับกลุ่มสหายตัวน้อยของหมู่บ้านชิงสุ่ย

การสร้างรากฐานเป็นงานที่ยากและลำบากยิ่ง โดยเฉพาะหากต้องการสร้างรากฐานให้ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแต่จะต้องฝึกฝนจนเข้าสู่ขอบเขตระดับสูงสุดของขั้นกลั่นลมปราณเท่านั้น แต่ยังต้องมีสมรรถภาพทางกายแข็งแกร่งในระดับหนึ่งด้วย

และการออกกำลังกายตั้งแต่อายุยังน้อย จึงเป็นการวางรากฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างรากฐาน

เหล่าเด็กน้อยในหมู่บ้านชิงสุ่ยเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ในครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นพวกเขาจึงมีพื้นฐานที่ดีกว่าเด็กที่อื่น

อย่างไรก็ตาม ถังรั่วเวยคิดว่าทักษะศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นก็ยังไม่เพียงพอ

ไม่ต้องกล่าวถึงความซับซ้อนของศิลปะการต่อสู้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าสหายตัวน้อยจะสร้างรากฐานได้อย่างราบรื่น ด้วยความคิดของเด็ก ๆ ทั้งหมด มันเปรียบเสมือนการจับปูใส่กระด้งก็ว่าได้!

ประการแรก การสร้างรากฐานเป็นธรณีประตูสำหรับการคัดกรองผู้ฝึกตน และมันไม่ง่ายที่มนุษย์จะก้าวผ่าน

ประการที่สอง หลีจิ่นเหยากับถังรั่วเวยยังคงกังวลว่าความคิดที่ไร้ระเบียบของสหายตัวน้อยเหล่านี้จะสามารถสร้างรากฐานได้หรือไม่ เพราะไป๋ชิวหรานเองก็ยังทำไม่สำเร็จเช่นกัน…

เขาหมั่นฝึกฝนอย่างหมกมุ่นมานานกว่าสามพันสามร้อยปี แต่ก็ยังไม่อาจสร้างรากฐานสำเร็จ แล้วเจ้าเด็กดื้อเหล่านี้จะสร้างรากฐานให้สำเร็จได้อย่างไร?

สิ่งต้องห้ามสำหรับคนทั่วไปคือการเปรียบเทียบ และไป๋ชิวหรานก็เช่นกัน หากเปรียบเทียบรากฐานกับผู้อื่น เขาจะทำสิ่งที่ไร้เหตุผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ยังไม่ทราบว่าจะหยุดพฤติกรรมนั้นอย่างไร

ดังนั้น แผนของถังรั่วเวยสำหรับสหายตัวน้อยในหมู่บ้านชิงสุ่ย นั่นก็คือพวกเขาจะต้องฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทุกครึ่งวัน

ส่วนเวลาที่เหลือ นางจะปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อช่วยเหลือไป๋ชิวหรานที่เพิ่งย้ายเข้าสู่หมู่บ้านชิงสุ่ยด้วยการทำงานบ้านบางอย่าง…

…เช่น ตักน้ำ สับฟืน ให้อาหารสัตว์ และอื่น ๆ

แน่นอนว่างานด้านเกษตรกรรมหรืองานบ้านเหล่านี้ถูกหลีจิ่นเหยาวางแผนตั้งขึ้นมา และมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด!

ในคราวแรก หลังจากฟังคำพูดของถังรั่วเวยแล้ว เด็ก ๆ เหล่านี้คิดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา และมักช่วยเหลือครอบครัวสำหรับเรื่องต่าง ๆ ในบ้านอยู่เสมอ

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้มีเวลาฝึกศิลปะการต่อสู้มากกว่าครึ่งวัน แม้ว่าจะยากขึ้นเล็กน้อย แต่หากพยายามอย่างหนักก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้

หลังจากฝึกฝนประจำวันและทำงานเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขายังสามารถวิ่งเล่นในหมู่บ้านได้อีกนิดหน่อย

แต่หลังจากหลีจิ่นเหยาจัดการเสร็จสิ้น ถังรั่วเวยก็ขอให้เด็กเหล่านี้ทดลองทำดู ในเวลานี้พวกเขาจึงเข้าใจความลำบากของโลกธรรมชาติของผู้ใหญ่ทันที

เมื่อเด็ก ๆ เหล่านี้ออกไปตักน้ำ จู่ ๆ ก็มีปลาดุร้ายปรากฏขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ปลาเหล่านั้นจะกระโดดขึ้นมากัดมือและเท้าของพวกเขาอย่างเดือดพล่าน

นอกจากนี้ ณ ที่แห่งหนึ่งในป่าผลไม้ใกล้เคียง ก็มีฝูงลิงย้ายเข้ามาอาศัย เมื่อไปเก็บผลไม้ ลิงเหล่านั้นจะเข้ามารุมใช้ไม้และก้อนหินเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป

วัตถุดิบสำหรับทำอาหารดูเหมือนจะเป็นเพียงไก่ธรรมดา แต่เมื่อเด็ก ๆ เข้าใกล้เจ้าพวกไก่ พวกมันจะก้าวร้าวและดุร้ายขึ้นมาทันที บางตัวถึงกับพ่นไฟ บางตัวพ่นผลึกน้ำแข็ง หรือบางตัวตีปีกจนขนหลุดกระจายเป็นประกายไฟออกมา

สำหรับการตัดไม้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ต้นไม้ที่ต้องตัดกลับแข็งขึ้นมาหลายเท่าโดยไม่ทราบสาเหตุ

เด็กที่แข็งแรงที่สุดในหมู่บ้านหลายคนใช้ขวานตัดไม้ของครอบครัวลงมือ แต่หลังจากสับฟันเข้าไปจนใบมีดบิ่น ก็ทำได้เพียงเปิดช่องว่างเล็ก ๆ บนพื้นผิวของต้นไม้เท่านั้น…

พวกเขามองผ่านช่องนี้แล้วพบว่า ต้นไม้ที่เกิดรอยแยกออกมีแสงเปล่งประกายออกมาราวกับเหล็กกล้า

ในหมู่บ้านชิงสุ่ยทั้งหมด มีเพียงเด็กสองคนที่ไม่ต้องทำงาน คนหนึ่งคือไป๋ลี่ อีกคนหนึ่งคือเจ้าสาวของเขา ‘ลิ่วเยว่เอ๋อร์’ ซึ่งบิดามารดาหามาให้เป็นภรรยาในชีวิตนี้

ถังรั่วเวยและหลีจิ่นเหยาขอให้เขารับผิดชอบการสั่งสอนภรรยา เพราะทั้งสองไม่อาจสั่งสอนได้และไม่ต้องการทำ!

แน่นอนว่าเงื่อนไขนี้ทำให้เด็กคนอื่นในหมู่บ้านไม่พอใจ ถังรั่วเวยจึงกล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่า

“ข้าไม่อยากจะพูดให้พวกเจ้าขุ่นเคือง”

นางวางมือบนสะโพก ท่าทีราวกับอาจารย์ที่ดุร้าย ก่อนจะกล่าวกับเหล่าสหายตัวน้อยตรงหน้า

“หากพวกเจ้าเอาชนะเขาได้ ต่อไปข้าจะไม่มาเจ้ากี้เจ้าการอีก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กที่เย่อหยิ่งทั้งหมดก็สงบลงในทันที เดิมทีไป๋ลี่เปรียบเสมือนกับผู้นำของพวกเขา แน่นอนว่าต่อให้จะเย่อหยิ่งเพียงใด หากต้องเผชิญหน้ากับไป๋ลี่ ทั้งหมดก็ยังคงหวาดกลัว

เมื่อเห็นว่าถังรั่วเวยกับหลีจิ่นเหยาจัดการเด็กเย่อหยิ่งเหล่านั้นอย่างเรียบร้อย ไป๋ชิวหรานจึงออกจากพื้นที่แห่งนี้ไปอย่างสบายใจ

แบบฝึกหัดที่พวกเขาจัดการให้กับเด็ก ๆ ล้วนเป็นพื้นฐานของเหล่าเซียน สิบปีต่อมา ไม่ต้องกล่าวถึงการสร้างรากฐานที่ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยในช่วงระยะการกลั่นลมปราณ เด็กเหล่านี้ก็ยังพบเจอคู่ต่อสู้ได้ยาก

เห็นได้ว่าถังรั่วเวยใส่ใจ ‘การศึกษา’ ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ด้วย เพราะนางคือคนที่ต้องฝึกฝนตลอดมา ตอนนี้นางกระตือรือร้นที่จะลองสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิด

ไป๋ชิวหรานใช้ประโยชน์จากเวลาว่างในช่วงนี้ออกเดินไปรอบ ๆ หมู่บ้านเพื่อรวบรวมวัสดุสำหรับก่อสร้าง แล้วเลือกสถานที่ที่ถูกใจเพื่อสร้างบ้าน

ชื่อของพวกเขาได้รับอนุมัติจากผู้นำหมู่บ้านและผู้อาวุโสหลายคนสำหรับการสร้างรกรากอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ย หลีจิ่นเหยาสร้างโรงเพาะเห็ดหลินจื่อและเล้าไก่ขึ้นก่อน แต่จนถึงตอนนี้ทั้งหมดก็ยังไม่มีที่อยู่อาศัย…

หลังจากสร้างบ้านในลานอันเงียบสงบได้แล้ว ไป๋ชิวหรานจึงกลับไปที่โรงเตี๊ยมของหมู่บ้าน สั่งชาหนึ่งหม้อ และรอให้ถังรั่วเวยกับหลีจิ่นเหยากลับมา

มีสิ่งของบางอย่างของหญิงสาวทั้งสองอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ และเมื่อทั้งสองกลับมา เขาจะบอกกล่าวให้พวกนางย้ายข้าวของไปอยู่ที่พักใหม่ด้วยกัน

ตกเย็น ถังรั่วเวยและคนอื่น ๆ ยังไม่มา ขณะที่ไป๋ชิวหรานกำลังดื่มชาอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นนอกประตูโรงเตี๊ยม

กลิ่นหอมจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้องรับรองของโรงเตี๊ยม ไป๋ชิวหรานมองไปที่ประตู และได้พบสตรีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดรูปร่างสง่างามเดินเข้ามา มีระฆังสองอันผูกไว้กับร่างกาย และได้ส่งเสียงกังวานออกมา

“เถ้าแก่ ข้าต้องการห้องพัก”

น้ำเสียงของหญิงสาวผู้นั้นรื่นหูชวนฟัง รูปลักษณ์นับว่ายอดเยี่ยมในหมู่มนุษย์ธรรมดา แต่เมื่อนางเดินเข้ามา เถ้าแก่ของที่นี่ถึงกับเผยสีหน้าหวาดหวั่น และลอบก้าวถอยหลัง…

หญิงสาวจ่ายเงินแล้วรับกุญแจห้องจากเถ้าแก่ แต่นางไม่ได้ขึ้นห้องเพื่อพักผ่อนในทันที

ดูเหมือนสตรีผู้นี้จะคุ้นเคยกับโรงเตี๊ยมแห่งนี้มาก หลังจากมองไปรอบ ๆ ห้องรับรอง นางก็เดินตรงเข้ามาหาไป๋ชิวหรานพร้อมกับกล่าวทักทาย

“พ่อหนุ่ม ข้าไม่เคยเห็นเจ้าในหมู่บ้านนี้มาก่อน เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่งั้นหรือ?”

สตรีผู้นั้นกล่าวถามชายหนุ่มราวกับว่านางเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง

ไป๋ชิวหรานยื่นมือออกไปสัมผัสมือนางก่อนจะตอบกลับ

“แม่นางผู้นี้ก็อยู่ในหมู่บ้านด้วยหรือ?”

ไป๋ชิวหรานแปลกใจเล็กน้อย ในสมัยนี้ ผู้คนเปิดห้องในโรงเตี๊ยมเพื่ออยู่อาศัยและพักผ่อน การเปิดห้องย่อมมีจุดประสงค์ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมันแตกต่างจากบางโลกที่อยู่ภายใต้อำนาจของแดนเซียน หากสตรีผู้นี้เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ย นางย่อมไม่เปิดห้องนอนในโรงเตี๊ยมแน่นอน

หลังจากที่ได้ยินคำถามของไป๋ชิวหราน สตรีผู้นั้นจึงกล่าวตอบ

“ข้าไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้ ข้าเพียงมาที่นี่ปีละครั้งเท่านั้น…”

“ไม่แปลกใจเลย เพราะข้าไม่เคยพบแม่นางสักครั้ง”

ไป๋ชิวหรานยิ้มให้กับนางพร้อมกล่าวตอบ

“ข้าเพิ่งย้ายมาอยู่เมื่อไม่นานนี้”

“โอ้ เป็นเช่นนั้น”

สตรีผู้นั้นพยักหน้ารับ

“หมู่บ้านนี้น่าอยู่มาก และข้าก็ชอบบรรยากาศของที่นี่ด้วย”

หลังกล่าวจบ สตรีผู้นั้นก็สั่งชาหนึ่งหม้อแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามไป๋ชิวหราน

หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ลี่ก็พาลิ่วเยว่เอ๋อร์มาที่โรงเตี๊ยม

“ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่หญิงกับอาจารย์ที่สามบอกว่านางขอเวลาอีกสักพักหนึ่ง…”

ไป๋ลี่ดึงเด็กสาวตัวน้อยที่ขี้อายเข้ามา จากนั้นเดินตรงไปหาไป๋ชิวหราน เขาเผลอเหลือบมองสตรีที่นั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มอย่างไม่ตั้งใจ

“หืม? ท่านป้า มาเล่นที่นี่อีกแล้ว”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท