บทที่ 375 แค่มิชชันนารีที่ชอบสร้างความน่าสนใจ
บทที่ 375 แค่มิชชันนารีที่ชอบสร้างความน่าสนใจ
เมื่อคนขายเนื้อและเถ้าแก่หวังเห็นไป๋ชิวหราน พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรอีก ทั้งสองกลับบ้านด้วยข้อตกลงอันดี แล้วจึงนำอาวุธออกมา มุ่งหน้าสู่ห้องวิชายุทธ์ที่อยู่หลังเขา
ไป๋ชิวหรานเปิดพื้นที่ตรงนั้น พันธนาการถูกติดตั้งเพื่อนักรบเหล่านี้
“ขอบคุณพี่ชายที่ให้การช่วยเหลือ”
นักเล่าเรื่องปาดเหงื่อตรงคิ้ว
หากเดินทางไปเจียงหู ดูชีวประวัติ ย่อมพบว่าเขาคือยอดฝีมือขอบเขตความเป็นมนุษย์เช่นกัน กล่าวได้ว่าเป็นดาวเด่นในเจียงหู แต่ในสถานที่อย่างหมู่บ้านชิงสุ่ย แม้กระทั่งชายชราเก็บมูลวัวหรือขอทานที่ขออาหารตรงทางเข้าหมู่บ้านต่างก็มีวิชายุทธ์เหนือกว่าเขา
ถ้าคนขายเนื้อและเถ้าแก่ร้านขายของชำต่อสู้กันที่นี่เมื่อครู่ ด้วยฝือมือของเขา ย่อมไม่สามารถหยุดได้จริง ๆ
“แต่จะว่าไปแล้ว ข้าไม่ได้มาที่นี่หนึ่งปีเต็ม ทำไมถึงรู้สึกว่าที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กันนะ”
นักเล่าเรื่องพึมพำกับตัวเอง
“ผู้คนในหมู่บ้านคล้ายกับพัฒนาวิชายุทธ์กันไปมาก หมู่บ้านสร้างโถงบรรพบุรุษเพื่อสักการะเทพที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนพี่ชายคนนี้ ข้าเดินไปมาอยู่ในเจียงหู ถามข่าวคราวจนมีข้อมูลพอสมควร แต่ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อของท่านมาก่อน ถึงกับทำให้กระบี่ทะลวงสวรรค์และกระบี่ตัดทะเลตัดสินกันได้อย่างเป็นธรรม พี่ชายย่อมไม่ใช่คนที่ผู้อื่นไม่รู้จักอย่างแน่นอน”
“ข้าก็แค่มิชชันนารีที่ชอบสร้างความน่าสนใจน่ะ”
ไป๋ชิวหรานตอบ
“ข้าแซ่ไป๋ นามชิวหราน อีกอย่าง ข่าวยุคสมัยนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก ข้าซ่อนอยู่ในภูเขาเพื่อฝึกฝนมาหลายสิบปีก่อนจึงออกมา เป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้จักคนอย่างข้าไม่ใช่หรือ?”
“เป็นท่านพี่ไป๋นี่เอง ที่พี่ชายพูดมามีเหตุผล ข้าไม่รู้อะไรเอาเสียเลย”
นักเล่าเรื่องมองไป๋ชิวหราน และมองไป๋ลี่อีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะออกมา
“แล้วก็… ไม่ได้เจอกันนานนะ สหายตัวน้อยหวยลี่”
“ไม่ได้เจอกันนานนะ นักเล่าเรื่อง”
ไป๋ลี่ทักทายนักเล่าเรื่องอย่างคุ้นเคย ก่อนแนะนำไป๋ชิวหรานให้เขารู้จัก
“ขอแนะนำให้รู้จัก ท่านผู้นี้คืออาจารย์ของข้า เป็นคนที่ข้านับถือมากที่สุด”
“เป็นอาจารย์ของสหายตัวน้อยหวยลี่หรือนี่ ไม่สงสัยเลย”
นักเล่าเรื่องพลันเข้าใจแล้วหัวเราะออกมา
“ถึงขั้นสามารถสอนอัจฉริยะอย่างสหายตัวน้อยผู้นี้ได้ แถมทำให้กระบี่ทะลวงสวรรค์และกระบี่ตัดทะเลยอมเชื่อฟังได้อีก ไม่แปลกใจเลย ศาลเจ้านั่น ท่านเป็นคนสร้างมันเอาไว้ในหมู่บ้านเช่นกันหรือ?”
“ไม่ใช่หรอก”
ไป๋ชิวหรานตอบ
“มันถูกสร้างโดยคนในหมู่บ้านเพื่อเขา ข้าเพียงบอกคนในหมู่บ้านให้ทราบถึงตัวตนของเขาเท่านั้น”
“โห?”
ดวงตาของนักเล่าเรื่องทอประกาย
“พูดไปก็น่าอาย ที่จริงข้ากังวลเกี่ยวกับตำนานและเรื่องปรัมปรา แต่ในทางกลับกันข้าก็สนใจ ข้าสามารถขอให้พี่ไป๋บอกเล่าก่อนทำการจดบันทึกได้หรือไม่”
“ได้แน่นอน”
ตอนนี้ไป๋ชิวหรานสามารถบอกตำนานของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานได้ ในขณะเล่า นักเล่าก็เรื่องหยิบกระดาษออกมาจดบันทึก ไม่ช้าตำนานและเรื่องเล่าของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจึงถูกเล่าขานออกไป
“ถึงกับมีเทพเจ้าผู้มอบพรการทะลวงวิชายุทธ์ให้กับผู้คนด้วย”
นักเล่าเรื่องสะบัดกระดาษขณะกล่าวเช่นนั้น
“โลกเราช่างกว้างใหญ่นัก มีเรื่องให้ประหลาดใจอีกแล้ว”
“ที่จริงไม่ได้มีแค่วิชายุทธ์ที่ได้รับการปกป้องจากท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน”
ไป๋ชิวหรานยิ้มให้เขา
“ตราบใดที่เป็นการทะลวงและการวิวัฒนาการ พวกเขาล้วนได้รับพรจากเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน การวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์ ความก้าวหน้าของเครื่องมือเครื่องใช้ แนวคิดเหล่านี้ ท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานคอยให้การดูแลอยู่เสมอ”
“เข้าใจแล้ว”
นักเล่าเรื่องเสริมจุดเหล่านี้ จากนั้นถามว่า
“ที่คนในหมู่บ้านล้วนมีความก้าวหน้าในวิชายุทธ์ เป็นเพราะพี่ไป๋ให้การชี้แนะพวกเขาโดยตรงเช่นกันใช่หรือไม่?”
“เปล่าเลย ข้าไม่ได้ชี้แนะพวกเขา แต่เป็นท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่ชี้แนะพวกเขาต่างหาก”
ไป๋ชิวหรานตอบนักเล่าเรื่อง
“ตราบใดที่เจ้าสักการะท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน อธิษฐานต่อพระองค์ เมื่อราตรีมาเยือน เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะมาเข้าฝัน ช่วยคลายความสงสัย พร้อมให้กำลังใจในการทะลวงของเจ้า”
“อย่างนี้นี่เอง”
นักเล่าเรื่องพยักหน้าด้วยสีหน้าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“คืนนี้กลับไปลองที่โรงเตี๊ยมดีกว่า”
“อะไรนะ?”
จากการแสดงออกของเขา ทำให้ไป๋ชิวหรานประหลาดใจเล็กน้อย
“ทำไมสหายของข้าดูไม่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้เลยล่ะ ตอนข้ามาที่นี่ และเล่าเรื่องเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานให้ชาวบ้านฟังครั้งแรก พวกเขาไม่เชื่อ ข้าต้องไปตบตีกับผู้นำหมู่บ้านก่อน พวกเขาถึงจะเชื่อ”
“อ๋อ นี่น่ะหรือ”
นักเล่าเรื่องหัวเราะ
“ข้าเชื่อว่าสหายตัวน้อยหวยลี่เล่าถึงตัวตนของข้าให้ท่านฟังเช่นกัน แท้จริงแล้วในสายเลือดของพวกเราได้เก็บความลับไว้มากมายซึ่งผู้คนในลานประลองไม่อาจล่วงรู้ ยกตัวอย่างเช่นคดีนองเลือดในพระราชวังเก่า สำนักโลหิตสุขีที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่วุ่นวายก่อนกำจัดจนสิ้นซาก ในบรรดาเอกสารเหล่านั้น ข้าทราบว่าถึงกับมีพลังที่เหนือกว่าพลังมนุษย์อยู่ในโลกใบนี้ ดังนั้นถ้ามีตัวตนอย่างเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ข้าก็ไม่แปลกใจแม้แต่นิดเดียว”
“เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไรกับสองคนนั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานวิ่งไปที่เสาทันที
“นอกจากท่านเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานแล้ว ยังมีเทพธิดาแห่งความผูกพันและเทพธิดาแห่งความมั่งคั่ง ถ้าเจ้าลุ่มหลงในวัตถุ หรือต้องการเงินเยอะ ๆ ก็สามารถเลือกสักการะได้ตามต้องการ”
“ต้องการเงินเยอะ ๆ มันก็ดีอยู่หรอก… แต่ถ้าต้องการเงินจริงข้าจะไม่เลือกวิถีนี้ แต่เอาเป็นคนที่ข้าชอบดีกว่า…”
อย่างไรเสีย นักเล่าเรื่องก็เป็นชาย
“นี่ นักเล่าเรื่อง ผู้หญิงคนไหนที่เจ้าตกหลุมรักหรือ?”
ไป๋ลี่หยอกล้อ
“หรือจะเป็นโออิรันจากผิงโจวที่เจ้าพูดถึงคราวที่แล้ว?”
“นี่ เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว”
นักเล่าเรื่องหน้าแดงขณะกระแทกเสียงอย่างเกรี้ยวกราด
“ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนไร้มลทินอย่างแน่นอน”
“ถึงอย่างไรเจ้าสามารถกลับไปลองในคืนนี้ได้”
ไป๋ชิวหรานกระซิบ
“หลังจากลองแล้ว เจ้าสามารถกลับไปตามตื๊อผู้หญิงคนนั้นได้ ถ้าไม่ได้ผลค่อยกลับมาอีกครั้ง พวกข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยหาหนทางให้”
“คะ… คงต้องเป็นอย่างนั้น”
นักเล่าเรื่องกระตือรือร้นกล่าวขอโทษไป๋ชิวหรานและไป๋ลี่ จากนั้นเก็บสัมภาระเดินกลับไปที่ร้านขายของชำ ซื้อธูปสองสามดอก ก่อนกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยม
ครั้นเห็นเป็นเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานและไป๋ลี่ก็รู้เช่นกันว่าวันนี้คงไม่อาจถามข้อมูลมากกว่านี้ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
ในโลกมนุษย์ ไป๋ชิวหรานเปี่ยมด้วยความมั่นใจในเรื่องอาจารย์อสูร ไม่ต้องพูดถึงจิตสำนึกที่ควบคุมอาจารย์อสูรตนนี้… แต่เป็นแม่นางน้อยหลีจิ่นเหยา
เขาได้ยินนางบอกว่าตั้งแต่ฝันถึงภรรยาและแม่ที่ดี ทำให้คุ้นเคยกับตำรากลยุทธ์รักทั้งหมดในเก้าทวีปสิบแผ่นดิน ในด้านนี้ ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงที่ว่านางเปี่ยมด้วยประสบการณ์ ประกอบกับความสามารถของอาจารย์อสูร การช่วยนักเล่าเรื่องไล่ตามมนุษย์เพศหญิง จึงง่ายดายปานพลิกฝ่ามือ
และหากนักเล่าเรื่องคว้าสาวงามกลับมาได้ด้วยความช่วยเหลือของเทพธิดาได้สำเร็จ ความเชื่อใจของเขาที่มีต่อไป๋ชิวหรานจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ถึงตอนนั้น หากไป๋ชิวหรานกับไป๋ลี่ผู้เป็นอาจารย์และศิษย์ต้องการเชื้อเชิญเขาให้เข้าร่วมหรือช่วยเหลือก็จะยิ่งง่ายดาย
วันนี้ไป๋ชิวหรานกับไป๋ลี่กลับบ้านชั่วคราว วันต่อมา นักเล่าเรื่องก็ดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด เขารีบกระวีกระวาดออกจากหมู่บ้านชิงสุ่ยไป
หนึ่งเดือนผ่านไป นักเล่าเรื่องกลับมาอีกครา แต่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่ทะลวงขอบเขตของพละกำลังได้เท่านั้น แต่ยังมีสาวงามน่ารักโดดเด่นเป็นสง่ามากกว่าใครอยู่ข้างกาย เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ครั้นกลับเข้าหมู่บ้านชิงสุ่ย เขาไปที่โถงบรรพบุรุษของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเพื่อปักธูปสามดอกลงกับพื้นด้วยความเคารพ จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของหญิงสาว แผงขายของจึงถูกตั้งขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้าน รอคอยให้ไป๋ชิวหรานและไป๋ลี่มาเยือน