บทที่ 381 ต่อเนื่อง
บทที่ 381 ต่อเนื่อง
ไป๋ชิวหรานฉวยโอกาสจากการฟื้นคืนแขนขวาของชายชรา
ทั้งไป๋ชิวหรานและไป๋ลี่ล่อลวงเทพกระบี่ชางลี่ให้เข้าสู่การศรัทธาต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานได้สำเร็จ
การจะนำพาเทพกระบี่ชางลี่มาเข้าร่วมลัทธิช่างง่ายดายนัก ไป๋ชิวหรานใช้ความสามารถอาจารย์อสูรของตนเข้าสู่ความฝันของชายชรา และเปลี่ยนชุดเทพกระบี่ชางลี่ให้กลายเป็นชุดของสำนักกระบี่ชิงหมิง ควบคู่ไปกับการรักษาแขนขวาที่สง่างาม เทพกระบี่ผู้นี้จึงยอมศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานอย่างด้วยความเต็มใจ
ในเวลาเดียวกัน ไป๋ชิวหรานและไป๋ลี่ทราบข่าวเกี่ยวกับชื่อเสียงการใช้ชีวิตของเทพกระบี่ชางลี่
เขาใช้แซ่หลี่ และนามว่าเสียนจิ้ง เกิดในเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ธรรมดาของอาณาจักรชางลี่ บรรพบุรุษเคยร่ำรวย เพราะตระกูลใช้แซ่เหมือนบรรพบุรุษ คาดการณ์ได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ
ต่างจากที่อาณาจักรต้าเซีย เพราะสามัญชนของอาณาจักรชางลี่และอาณาจักรยามากุจิไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะใช้แซ่นี้
ผู้ตัดเส้นเอ็นของเขาด้วยวิธีไร้ยางอายคือเจ้าชายโหยวแห่งราชวงศ์ชางลี่ ทักษะกระบี่ของเขาก็นับว่ายอดเยี่ยม ทว่ากลับด้อยกว่าเทพกระบี่ชางลี่เสมอมา
หลังจากที่หลี่เสียนจิ้งเข้าร่วมกลุ่มผู้ศรัทธาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ไป๋ชิวหรานก็ยังสอนวิธีการสร้างรากฐานแก่เขาโดยไม่เลือกปฏิบัติ
หลังจากมอบสิ่งเหล่านั้นแล้ว เขามีคำขอเดียวจากหลี่เสียนจิ้งคือ ให้เขาเข้าร่วมการประชุมสมาคมกระบี่ในอีกสิบปีถัดไป ในฐานะนักกระบี่จากหมู่บ้านชิงสุ่ยแห่งอาณาจักรต้าเซีย แล้วตบหน้าเจ้าชายโหยวให้สุดแรง!
หลี่เสียนจิ้งไม่คัดค้าน ไป๋ชิวหรานจึงแนะนำว่าในขั้นต้นนี้เขาควรทำสิ่งใดบ้าง สมาคมกระบี่ไม่เพียงให้โอกาสเขาในการแก้แค้นเท่านั้น แต่ยังให้โอกาสแลกเปลี่ยนวิชากระบี่กับชนชั้นสูงของโลกอีกด้วย
นอกจากนี้ เมื่อไป๋ชิวหรานกับไป๋ลี่พูดคุยกับเขา พวกเขายังใช้น้ำเสียงในการปรึกษาและร้องขอ ทั้งคู่ไม่ได้ออกคำสั่งกับเขาในฐานะผู้ที่อยู่สูงกว่า
ตามคำกล่าวของไป๋ชิวหราน ภายใต้ผู้ที่เลื่อมใสในวิถีสวรรค์ ผู้ศรัทธาทุกคนล้วนเท่าเทียม และเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้ผู้ศรัทธากระทำสิ่งใด ๆ แน่นอนว่าผู้เลื่อมใสทั้งหมดก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน
ตราบใดที่ผู้ศรัทธายังยึดมั่นในหลักคำสอนแห่งเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน และมีความต้องการส่วนตัวเกี่ยวกับการสร้างรากฐาน ผู้ศรัทธาสามารถเลือกที่จะยอมรับหรือไม่ก็ได้ ทั้งหมดนี้ไม่มีการขู่เข็ญหรือบังคับให้สร้างรากฐานแต่อย่างใด
หลี่เสียนจิ้งชื่นชอบบรรยากาศเช่นนี้ เพราะสำหรับเขาแล้ว นี่คือบรรยากาศที่เหมาะสมกับนักกระบี่เช่นเขาผู้ซึ่งหมกมุ่นในเคล็ดวิชากระบี่มาชั่วชีวิต
การประชุมของสมาคมประบี่จะไม่จัดขึ้นจนกว่าจะผ่านพ้นเวลาสิบปี ไป๋ชิวหรานกับไป๋ลี่จึงไม่ได้รีบร้อน หลังจากลิ่วเยวี่ยน และผู้อาวุโสของหมู่บ้านทั้งหมดมารวมตัวกัน พวกเขาก็อนุญาตให้หลี่เสียนจิ้งเป็นนักกระบี่มือหนึ่งในหมู่บ้าน อีกทั้งยังให้เทพกระบี่สร้างที่อยู่อาศัยที่นี่เพื่อการสร้างรากฐานและฝึกฝนกระบี่
“อีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องทำคือ หากต้องการให้เรื่องราวของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานขยายออกไปนอกหมู่บ้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนทั่วโลก เราจะต้องได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากราชวงศ์ต้าเซีย”
ไป๋ชิวหรานนั่งไขว่ห้างบนเสาไม้พร้อมกอดอก ทอดสายตามองชาวบ้านในโรงเรียนฝึกตนทั้งวัยกลางคนและวัยสูงอายุ
“เอาล่ะทุกท่าน หากผู้ใดในหมู่พวกท่านทั้งหมดที่มีความทะเยอทะยาน และยังไม่พอใจกับชีวิตตอนนี้ คราวนี้เป็นโอกาสที่จะเข้าสู่ราชสำนัก หรือเป็นข้าราชบริพารของราชวงศ์”
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งหันมาประสานตาสายตากับเขา แต่ทั้งหมดดูเหมือนจะไม่สนใจ บิดาของไป๋ลี่อย่างลิ่วเยวี่ยนกล่าวกับไป๋ชิวหรานด้วยความสัตย์จริงว่า
“ท่านอาจารย์ไป๋ หากข้าเป็นผู้มีความทะเยอทะยานก็คงดี เช่นนั้นคงไม่ยอมแพ้ต่อราชวงศ์ต้าเซีย หากลงมือจัดการเสีย ข้าอาจมีโอกาสได้เป็นจักรพรรดิแล้ว”
สิ่งที่ลิ่วเยวี่ยนกล่าวนั้นเป็นความจริง เจี่ยเชียนโหรวตั้งท้องไป๋ลี่แล้วในเวลานั้น หากลิ่วเยวี่ยนไม่สนใจภรรยาและบุตร ในเวลานั้นเขาย่อมทะเยอทะยานขึ้นสู่โชคลาภยิ่งใหญ่ เนื่องด้วยฝีมือของเขาในเวลานั้น สามารถขัดขวางการก่อตั้งราชวงศ์ต้าเซียได้อย่างง่ายดาย
“แล้วพวกเจ้าล่ะ ไม่คิดสนใจหรือ?”
ไป๋ชิวหรานกวาดตาหาอาสาสมัครรอบทิศ ชาวบ้านทั้งหมดส่ายหน้า และอยากจะฝึกฝนต่อไป เขาจึงทำได้เพียงกล่าวทิ้งท้ายไว้ดั่งพ่อค้าขี้ตื๊อ
“หากใครสนใจ ให้มาหาข้าที่บ้านในเวลากลางคืนได้ ข้าจะรอหนึ่งเดือน หากไม่มีผู้ใด ข้าจะไปหาคนอื่นที่อยู่นอกหมู่บ้านแทน”
ชาวบ้านยังคงไม่ตอบรับ… ในเวลากลางคืน ไป๋ชิวหราน หลีจิ่นเหยา และถังรั่วเวยนั่งอยู่ในลานบ้าน ทันทีที่มื้อเย็นจบสิ้นลง ก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตูนอกรั้ว
ถังรั่วเวยเดินไปเปิดประตู และพบว่าแขกผู้มาเยือนคือชายชราที่ชอบตกปลาในหมู่บ้าน
“อาวุโส ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ?”
ไป๋ชิวหรานให้ถังรั่วเวยต้อนรับเขา ขณะที่หลีจิ่นเหยากำลังชงชาให้แขก
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า ชายชราแห่งการตกปลาจะมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นอินทรีผู้ยิ่งใหญ่?”
“ข้าอับอายเกินกว่าจะกล่าวเช่นนั้น ท่านอาจารย์ไป๋ ข้าจะบอกท่านอย่างเงียบ ๆ อย่าได้กล่าวออกไปเชียว”
ชายชราขวยเขิน
“ความจริงแล้ว เมื่อครั้งที่ข้าอยู่ในราชวงศ์ที่แล้ว ข้ามีความมุ่งมั่นอยากจะรับใช้ชาติ แต่เมื่อเข้าร่วมการสอบราชสำนัก ข้ากลับสอบตกถึงสองครั้ง… คือครั้งแล้วกับครั้งเล่า ข้าจึงกลายเป็นนักรบโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานทำให้จิตวิญญาณนักสู้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งที่ท่านกล่าวออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้ข้านึกถึงความฝันแรกที่มี”
“การมีความฝันนับว่าควรค่าแก่การเคารพ แสดงว่าคมกระบี่ของท่านยังไม่สึกกร่อน อีกทั้งจิตใจยังคงแน่วแน่”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าก่อนจะเอ่ยต่อ
“กล่าวอีกอย่างก็คือ ข้าคิดว่าความหมายที่ท่านกล่าวออกมาคือตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการดำเนินแผนขั้นต่อไป ใช่หรือไม่?”
“ใช่… ข้ายินดี”
ชายชราตอบกลับ
“น่าปลื้มใจแล้ว”
ไป๋ชิวหรานส่งถังรั่วเวยไปเรียกไป๋ลี่ ก่อนจะหันไปกล่าวกับเตี้ยวโส่ว
“เดือนมีนาคมปีหน้า จักรพรรดิจะเสด็จลงใต้เพื่อเยี่ยมเยือน เวลานั้นท่านควรจัดการให้ดี แล้วจึงจะมีโอกาสขึ้นสู่จุดสูงสุด”
“ยอดเยี่ยม!”
…
หลังจากส่งเตี้ยวโส่วกับไป๋ลี่กลับไปในกลางดึก ไป๋ชิวหรานก็จัดการกับแม่นางตัวน้อยข้างกายก่อนที่นางจะหลับไปอย่างสงบ จากนั้นเขาจึงเอนกายลงนอนเคียงข้าง
ในความเงียบงัน ความคิดของชายหนุ่มเริ่มทำงาน จิตสำนึกเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่เขาสร้างขึ้นเริ่มเคลื่อนไหว
ณ ดินแดนแห่งจิตสำนึกโกลาหล สถานที่ตั้งของอาคารเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก่อตัวเป็นภูเขาแห่งจิตสำนึกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก มีศาลาและห้องโถงถือกำเนิดขึ้นคล้ายกับแดนเซียน ทว่าสถานที่เหล่านี้ไม่ได้สูงชันนัก เพียงคลับคล้ายคลับคลาภูเขาน้อยเท่านั้น
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเดินไปตามถนนบนภูเขาและมาถึงปลายทาง ที่นี่เป็นเขตแดนจิตสำนึกที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งจิตสำนึก
ภูเขาลูกนี้เกิดจากความศรัทธาของชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ย หลังจากได้รับการบูชาจากชาวบ้าน และแรงศรัทธาจากความคิดดังกล่าว อาณาเขตนี้ดูคล้ายคลึงกับ ‘อาณาจักรแห่งทวยเทพ’ มันเริ่มปรากฏรัศมีจาง ๆ ของวิถีสวรรค์
ทุ่งเหล่านี้หลอมรวมเข้าด้วยกัน สถานที่แห่งนี้คือรากฐานที่ชาวบ้านบูชาต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน และหลอมรวมกับพระโพธิสัตว์เสริมอก เทพธิดาแห่งความผูกพัน รวมถึงราชินีประทานบุตรจากเหล่าสตรีในหมู่บ้าน แต่จำนวนชาวบ้านของหมู่บ้านชิงสุ่ยยังน้อยเกินไป พื้นที่จึงก่อเกิดได้เพียงเท่านี้
เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเชื่อว่าในอนาคต หากมีผู้ที่ศรัทธาเขามากขึ้น พื้นที่ของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจะสามารถครอบคลุมเขตแดนจิตสำนึกทั้งหมดได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในด้านของจิตสำนึกนี้ นอกจากจิตสำนึกอสูรของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานและเทพตนอื่น ๆ แล้ว ยังมีเทพโลหิตแห่งความสุขที่สะสมความปรารถนาของมนุษย์มานานหลายปีตั้งแต่ยุคความโกลาหล และแน่นอนว่าขอบเขตของมันยิ่งใหญ่กว่าฐานของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานมาก!
ในอนาคต หากมีผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้น อาณาเขตของพวกเขาต้องปะทะกันอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เมื่อถึงเวลานั้น เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็จะได้เผชิญหน้ากับเทพโลหิตแห่งความสุขเสียที