ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 393 สำนักโลหิตแห่งความสุขผู้ไร้เดียงสา

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 393 สำนักโลหิตแห่งความสุขผู้ไร้เดียงสา

บทที่ 393 สำนักโลหิตแห่งความสุขผู้ไร้เดียงสา

ครึ่งชั่วยามต่อมา ไป๋ชิวหราน หลินเซิง และจินเฟิ่งหลายก็พากันเดินออกจากศาลาว่าการเมืองเมืองตู่โจวทีละคน

“ขอบคุณพี่ชายที่ช่วยเหลือพวกข้า”

หลินเซิงและจินเฟิ่งหลายโค้งคำนับต่อไป๋ชิวหรานพร้อมประสานมืออย่างนอบน้อม จากนั้นหลินเซิงก็กล่าวอย่างอับอายว่า

“ข้าเคยกล่าวใส่ร้ายพี่ชายว่าเป็นลัทธิคลั่ง ต้องกล่าวขอโทษจากใจจริงแล้ว”

“เรื่องนั้นไม่สำคัญ เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานสั่งสอนว่ามนุษย์ในโลกนี้ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ไป๋ชิวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าภาคภูมิ

“เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานกล่าวถูกต้องแล้ว”

แม้หลินเซิงและจินเฟิ่งหลายจะไม่เชื่อถือในเทพเจ้า แต่พวกเขาก็ต้องคล้อยตามและพยักหน้ารับ

“นั่นสินะ อ้อ ข้าคงต้องหาผู้อื่นที่จะฟังคำเผยแพร่แล้ว”

ไป๋ชิวหรานเหลือบมองพวกเขาพลางส่ายหัว และแสร้งคิดจะเดินจากไป

“เอ่อ พี่ชาย โปรดอยู่ต่อเถิด”

จินเฟิ่งหลายเอ่ยปากออกมา

ชายผู้นี้ทำมาหาเลี้ยงชีพเอง และดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย เห็นได้ชัดว่าเป็นคนซื่อสัตย์ยิ่ง ย่อมรู้สึกผิดมากหากให้ไป๋ชิวหรานจากไปโดยยังไม่ทันได้ตอบแทนสิ่งใด

อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าก่อนจะกล่าวถาม

“น้องชายมีสิ่งใดจะแนะนำข้าหรือ?”

“ข้าไม่กล้าจะกล่าวแนะนำ แต่พี่ชายช่วยเหลือเราทั้งคู่ไว้ หากไม่ตอบแทนสิ่งใด ข้าคงต้องเสียใจไปชั่วชีวิต” จินเฟิ่งหลายเหลือบมองหลินเซิง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “ได้โปรดให้โอกาสข้าได้ช่วยเหลือ ตราบใดที่พวกเราสามารถทำได้ และไม่ละเมิดกฎหรือศีลธรรมของชาวเจียงหู พวกเรายินดี”

“งั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานเหลือบมองพวกเขาก่อนจะถามย้ำ

“ขอรับ”

ทั้งสองพยักหน้า

“เช่นนั้นเจ้าสองคนมากับข้า”

ไป๋ชิวหรานพาทั้งสองไปทางทิศตะวันออกของเมืองตู่โจว ก่อนมาถึงที่นี่เขาได้ตรวจสอบแล้วว่าทางทิศตะวันออกของเมืองตู่โจวเป็นที่ตั้งของวิหารเทพเจ้าประจำเมือง หลังจากที่จักรพรรดิต้าเซียส่งเสริมความศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็ได้สร้างวิหารแห่งนี้เอาไว้เป็นสถานที่สวดบูชา

เมื่อไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ มาถึง พวกเขาพบว่าเครื่องหอมภายในวัดนี้หนาแน่นยิ่งกว่าเครื่องหอมในวิหารหลักเมืองข้าง ๆ เสียแล้ว ผู้คนเหลือคณานับนั้นสักการะเพราะความยิ่งใหญ่และอานุภาพที่จับต้องได้

“ไม่รู้เลยว่าวิหารหลักเมืองมีจิตวิญญาณสวรรค์หรือไม่ เขาคิดอย่างไรถึงมาสร้างวิหารเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานอยู่ใกล้เคียงเช่นนี้”

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเซิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะเหล่มอง

ในโลกนี้ เทพหลักเมืองเป็นเทพเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศต่อบุคคลที่โด่นเด่นอย่างเช่น วีรบุรุษ หรือบรรพบุรุษ เพื่อทำหน้าที่ปกป้องโลกหลังความตายซึ่งคล้ายกับเมืองผีในยมโลก ความคิดของผู้คนตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับเจ้าเมือง

อิทธิพลของจิตวิญญาณไป๋ลี่ทำให้ปุถุชนในโลกนี้คำนึงถึงโลกหลังความตาย แต่โลกใบนี้ยังไม่ได้เชื่อมต่อกับยมโลก ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเทพหลักเมืองหรือไม่ หากมีแล้ว เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็เป็นเพียงร่างจำแลงของอาจารย์อสูรของจักรพรรดิภูตผี

ดังที่ทราบว่ามีเจ้าเมืองเพียงคนเดียวในยมโลก นั่นก็คือเมืองเฟิงตู่ ซึ่งอยู่ใต้อำนาจของจักรพรรดิไป๋ชิวหราน…

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอย่างภาคภูมิใจ แต่ไม่ได้บอกกับทั้งสอง เพียงพาเดินผ่านประตูวิหารเข้าไปด้านใน

ภายในประตูวิหารเผยถึงความเจริญรุ่งเรือง มีชั้นควันบาง ๆ ลอยล่องในอากาศ และผู้คนเข้ามาสักการะอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เครื่องหอมที่มากมายที่สุดคือเทพธิดาแห่งความมั่งคั่งและราชินีประทานบุตร รองลงมาคือเทพธิดาแห่งความผูกพัน มีชายหนุ่มและหญิงสาวมากมายเข้าไปกราบไหว้

รองลงมาอันดับสามคือพระโพธิสัตว์เสริมอก สตรีทุกคนบูชาเทพเจ้าองค์นี้ และเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเป็นสิ่งที่ชาวบ้านนิยมน้อยที่สุด เขาเป็นราชาผู้น่าสงสาร และหนทางเข้าไปกราบไหว้เทพเจ้าองค์นี้ก็ยากเย็นยิ่งนัก

จักรพรรดิต้าเซียเชื่อว่ามีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่คู่ควรจะบูชาเทพอาวุโสแห่งการก่อสร้างรากฐาน จึงไม่เปิดสำนักเทพองค์นี้ให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะ

เห็นได้ชัดว่ามันคือห้องโถงกว้าง มีหม้อใหญ่ว่างเปล่าตั้งอยู่หน้าของรูปปั้นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ยิ่งไปกว่านั้น คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าการบูชาภริยาและศิษย์ของ ‘ราชา’ ผู้นี้นั้นเหมาะสมยิ่งกว่า ทั้งหมดเพียงแค่นำเครื่องหอมมามอบให้ ทว่าน้อยนักที่จะมาสักการะจริง ๆ

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวว่ามหาราชครูเตี้ยวโส่วเริ่มส่งเสริมความศรัทธาของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานในกองกำลังต้าเซีย นักรบที่ต้องปกป้องครอบครัวและปกป้องประเทศควรจะศรัทธาในเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน แต่ด้วยเป้าหมายใหญ่เช่นนี้ ไป๋ชิวหรานย่อมไม่คิดยอมแพ้โดยง่าย

“เอาเลย” ไป๋ชิวหรานหยิบธูปหกดอกออกมาจากโต๊ะด้านข้าง แบ่งให้กับหลินเซิงกับจินเฟิ่งหลายคนละสามดอก จากนั้นจึงกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้าอยากตอบแทน ข้าเพียงขอให้พวกเจ้าบูชาเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานอย่างตั้งใจ ท้ายที่สุดแล้ว ข้าเป็นเพียงผู้ศรัทธาในตัวเขา เมื่อข้าช่วยเหลือพวกเจ้า เท่ากับเขาช่วยเหลือพวกเจ้าเช่นกัน”

แน่นอนว่าทั้งจินเฟิ่งหลายและหลินเซิงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำของ่าย ๆ เช่นนี้ ทั้งสองรับเครื่องหอมไว้ในมือ ก่อนจะโค้งคำนับและคุกเข่าลงต่อหน้าเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเพื่อมอบเครื่องหอมสักการะ

โดยปกติแล้ว ไป๋ชิวหรานไม่รู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองมีความศรัทธาอย่างแท้จริงต่อเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน แต่อย่างน้อยการแสดงออกของพวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาตั้งใจ

…แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานสามารถเข้าฝันพวกเขาได้

“เอาล่ะ พวกเจ้าตอบแทนน้ำใจข้าเสร็จสิ้นแล้ว” ไป๋ชิวหรานส่งทั้งสองออกไปด้านนอกวิหาร แล้วกล่าวคำลา “อ้อ ข้าได้ยินว่าน้องจินพ่ายแพ้การต่อสู้ทางตอนเหนือของเมือง จำได้ว่า… ตอนที่ข้าพบเจอน้องหลินเมื่อปีที่แล้ว เขาก็พ่ายแพ้ผู้อื่นเช่นกัน”

ก่อนจะจากไป ไป๋ชิวหรานกล่าวคำอย่างลึกลับต่อทั้งสอง

“หลังจากที่กลับไปแล้ว พวกเจ้าทั้งสองอาจจะได้ชำระแค้น… แต่อย่างไรนั้น สุดที่ข้าจะล่วงรู้”

หลังจากแยกย้ายกับหลินเซิงและจินเฟิ่งหลาย ทั้งหมดกลับสู่ที่พักของตนเอง ไป๋ชิวหรานเองก็เช่นกัน

คราวนี้เขาตั้งใจปล่อยให้พลพรรคกระจายตัวออกไปค้นหาผู้ศรัทธาเพิ่มเติม เขาไม่รู้ว่าหลีจิ่นเหยาและถังรั่วเวยทำสำเร็จหรือไม่

สตรีทั้งสองคนนี้ไม่มีประสบการณ์ในการสั่งสอนผู้อื่น และยังไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี้ด้วย

สำหรับคำพูดของไป๋ลี่ ไป๋ชิวหรานไม่คิดกังวล เพราะความสามารถในการสั่งสอนของเด็กคนนี้เปรียบเสมือนพรสวรรค์มากล้นจนไม่ต้องห่วงใย

แต่ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ไม่มีพรสวรรค์เช่นนั้น จึงรู้สึกพอใจยิ่งที่วันนี้เขาได้รับผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้นถึงสองคน

หลังจากข้ามผ่านถนนที่พลุกพล่านและเลี้ยวตรงหัวมุม ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่ามีดวงตาสองคู่กำลังจับจ้องเขาจากด้านหลัง

เขาไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติใด เพียงแค่เลือกเส้นทางไร้ผู้คน และเดินต่อไปยังจุดหมายปลายทาง แต่ไม่ลืมปลดปล่อยจิตตรวจตราออกไปตรวจสอบ

ชายและหญิงทั้งสองกำลังติดตามเขามาจริง ๆ สตรีนั้นดูคล้ายจะเรียบร้อย แต่เสื้อผ้าของนางน้อยชิ้นและเปิดเผย ส่วนผู้ชายดูหาญกล้า มีใบหน้าซุกซ่อนความโหดร้าย

หลังจากใช้จิตสำนึกเทวะตรวจสอบแล้ว ไป๋ชิวหรานมองเห็นจิตสำนึกสีเลือดจาง ๆ บนศีรษะของพวกเขา ซึ่งมันเชื่อมโยงกับมิติอื่น…

ผู้ศรัทธาในสำนักโลหิตแห่งความสุขนั่นเอง ข้ากำลังคิดถึงพอดีว่าจะพบเจอได้จากที่ใด…

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิด และเมื่อเขาเดินมาสู่ลานว่างเปล่าก็หันหลังกลับมา ก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้านใน

คนจากสำนักโลหิตแห่งความสุขมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามไป๋ชิวหรานเข้าไปในลานเล็ก ๆ แห่งนั้น

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท