บทที่ 405 จับตัวคนทรยศ
บทที่ 405 จับตัวคนทรยศ
ณ แม่น้ำนอกเมืองตู่โจว
เหล่าศิษย์ของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขสวมหน้ากากสีขาวนั่งกันแน่นขนัดอยู่ในห้องโดยสารของเรือ… แต่ที่แตกต่างจากคราวที่แล้วคือ พื้นที่ในห้องโดยสารเรือมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีสิ่งของเพิ่มเติม ทั้งโต๊ะยาวและเก้าอี้ เหล่าศิษย์ทั้งหมดไม่ต้องมีผู้ใดหายใจรดต้นคอใครอีกต่อไป
“หืม? เหตุใดคราวนี้จึงเปลี่ยนเรือ?”
เมื่อมาถึงเรือ ไป๋ลี่ก็กล่าวกระซิบกับ ‘สหาย’ ที่อยู่ด้านข้าง
“ข้าได้ยินมาว่าผู้นำของเราทำกำไรได้เล็กน้อยจากการสมาพันธ์กระบี่ในช่วงนี้ เช่นนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรือลำใหม่”
‘สหาย’ ที่อยู่ด้านข้างกล่าวตอบแผ่วเบา
ไป๋ลี่ถึงกับพูดไม่ออกเล็กน้อย เขารู้สึกได้ว่าพลังของสำนักแห่งนี้ดูท่าทางจะลดลงไปมาก
อย่างไรก็ตาม การลอบแฝงตัวยังดำเนินต่อไป ไป๋ลี่เดินตามเหล่าลูกศิษย์เข้าไปในห้องโดยสารและได้รับการต้อนรับจากผู้นำสำนักทันที เขานั่งลงบนโต๊ะยาวเช่นเดียวกับสหายคนอื่น ๆ ดูเหมือนผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าจะได้นั่งบนโต๊ะยาว
ทั้งสิบสามคนนั่งบนโต๊ะยาวล้อมรอบผู้นำสำนักเอาไว้ โดยมีศิษย์ระดับล่างยืนอยู่รอบ ๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนมาถึงแล้ว ผู้นำสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขก็กล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“สหายเอ๋ย! ข้าสงสัยว่ามีผู้ทรยศอยู่ในสำนักของพวกเรา”
“อะไร… มีคนทรยศในหมู่พวกเรางั้นหรือ!?”
บรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดต่างตื่นตระหนกและเริ่มพูดคุยกับคนรอบตัวทันที ต่างฝ่ายต่างกล่าวถึงบุคคลที่พวกเขามองว่าเป็นคนทรยศ จนห้องโดยสารแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงสนทนา
“เงียบ!”
ผู้นำตบโต๊ะ ก่อนจะมองเหล่าลูกศิษย์ตรงหน้า
“ทราบหรือไม่ว่า… วันนี้ข้าไปที่สมาพันธ์กระบี่มา โอสถของพวกเราเข้าสู่เป้าหมายแล้ว แต่… มันไร้ประโยชน์! ปรมาจารย์ดาบยักษ์ผู้นั้นมีอาการ แต่ท้ายที่สุดมหาราชครูแห่งอาณาจักรสามารถอัญเชิญเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานให้เคลื่อนไหวหยุดยั้ง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับหลี่เสียนจิ้งผู้นั้น? เห็นได้ชัดว่าเขากินโอสถเข้าไป! พวกเจ้าช่วยอธิบายเรื่องตลกเหล่านี้ให้ข้ารับฟังได้หรือไม่?”
เหล่าลูกศิษย์ทั้งหมดถึงกับกลั้นหายใจไม่กล้ากล่าวคำใด… อย่าได้ดูถูกการแสดงออกว่าใจดีราวกับ ‘พี่น้อง’ ของผู้นำสำนัก หากผู้ใดไม่ร่วมมือแต่โดยดี คนผู้นั้นจะได้พบกับจุดจบอันน่าสยดสยอง
“มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวคือ… มีคนให้โอสถล้างพิษกับพวกเขา และแน่นอนว่าโอสถล้างพิษนี้ไม่ใช่สิ่งที่สหายธรรมดาจะได้รับ!”
ผู้นำมองเหล่าลูกศิษย์ที่นั่งอยู่รอบตัวเขาด้วยสายตาเคร่งขรึม
“พี่น้องข้าเอ๋ย… ข้าสงสัยว่าในหมู่พวกเจ้า มีหนึ่งคนที่กำลังพยายามทำร้ายข้า”
คราวนี้คนที่นั่งอยู่บนเรือทั้งหมดยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนร้องทุกข์ บางคนสบถ บางคนกล่าวดุด่าว่าผู้ใดเป็นคนกระทำ ทั้งหมดต่างสงสัยกันและกัน อีกทั้งยังเริ่มโยนความผิด
“นี่! หุบปากเดี๋ยวนี้!”
ในที่สุดผู้นำก็ไม่อาจอดทนได้ จึงล้มโต๊ะไปเสียหนึ่งครา!
พลังที่เหี้ยมโหดได้ทุบทำลายโต๊ะยาวออกเป็นสองส่วนในพริบตา ผู้นำสำนักเดินไปมารอบ ๆ เหล่าลูกศิษย์สำนัก ซึ่งทั้งหมดทำได้เพียงนั่งนิ่งไม่ไหวติง
“พวกเจ้าทุกคนล้วนน่าสงสัยทั้งสิ้น! เช่นนั้นอย่าได้คิดเปิดปากกล่าวสิ่งใด หากใครกล้าอ้าปาก ข้าจะฉีกปากมันออกเป็นชิ้น ๆ”
ผู้พูดเดินไปหยุดฝีเท้าด้านข้างไป๋ลี่ก่อนจะวางมือลงบนไหล่อีกฝ่าย
“วันนี้เจ้าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากข้า เป็นเพราะข้าเชื่อถือในตัวเจ้า! ในหมู่ทุกคนแล้ว… เจ้าคือคนเดียวที่ไม่ได้รับโอสถถอนพิษ เช่นนั้นข้าจึงจะตั้งกลุ่มต่อต้านคนทรยศ โดยมีผู้นำ!”
ร่างกายของไป๋ลี่แข็งทื่อ ตอนนี้เขายิ่งรู้สึกประหม่า
“อย่าได้กังวล… ข้าทราบดีว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอ ในอนาคต เจ้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว และเจ้ายังต้องมีส่วนร่วมต่าง ๆ อีกมาก หากเจ้าพบใครที่ทำตัวน่าสงสัย ลงมือสังหารก่อนแล้วค่อยบอกข้าได้เลย!”
ผู้นำสำนักยังคงบีบไหล่ของไป๋ลี่ต่อไป
“มาเถอะพี่น้อง! คนเดียวที่ข้าไว้ใจได้ในตอนนี้คือเจ้า…”
“ข้าจะทำ!” ไป๋ลี่ตบหน้าอกอย่างตื่นเต้น เขาพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ข้าขอสาบาน ในนามของเทพโลหิตแห่งความสุขเทพเจ้าที่แท้จริงของพวกเรา ข้าจะจัดการกับเหล่าผู้ทรยศเหล่านั้นให้สาสม!”
“ดีมาก ทุกสิ่งแล้วแต่เจ้า!”
ผู้นำสำนักเผยรอยยิ้มพอใจ
“เอาล่ะ เรามาพูดคุยกันถึงแผนต่อไปของพวกเรากันดีกว่า”
…
เมื่อสิ้นสุดการประชุมลับ ลูกศิษย์ของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุขก็แยกย้ายกันไป และไป๋ลี่ที่เพิ่งออกจากเรือก็ถูกคนอื่น ๆ เข้าประกบด้านข้างในทันที
“พี่ชายเอ๋ย! รอข้าก่อน”
คนนี้เป็นหนึ่งคนที่นั่งบนโต๊ะยาวกับเขา อีกฝ่ายถอดหน้ากากเผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์
เขาคือหนึ่งในผู้นำระดับสูงของสำนักเทพโลหิตแห่งความสุข แต่ในอาณาจักรต้าเซีย เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง และขึ้นชื่อว่ามีเมตตายิ่ง อีกทั้งยังเป็นที่เคารพนับถือจากผู้คนนับไม่ถ้วน แม้แต่เหล่าผู้ฝึกฝนในเจียงหูยังต้องยกนิ้วให้กับชายผู้นี้
คนคนนี้มาที่นี่โดยไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกเสียจากความจริงที่ว่าไป๋ลี่ได้รับก่อตั้งให้เป็นผู้นำกลุ่ม ‘ต่อต้านคนทรยศ’
“พี่ชาย คิดว่าผู้ใดน่าสงสัยงั้นหรือ?”
บุคคลนี้เดินเข้ามาและกล่าวตรงประเด็น ดูเหมือนมีเจตนานับตนเองไม่เป็นผู้ต้องสงสัย อีกทั้งดูคล้ายกับพยายามพูดให้น้อยเพื่อปกปิดบางอย่าง
ไป๋ลี่มองเห็นสิ่งนั้นโดยไม่ต้องกล่าวอะไร จึงเพียงเหลือบมองเขาแล้วกล่าวสั้น ๆ
“ข้าไม่ทราบ สหายทุกคนล้วนแต่เป็นพี่น้อง… เมื่อกล่าวถึงวิธีค้นหา ข้าไม่ทราบเลยว่าควรต้องทำเช่นไร ไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่ระดับสูงกว่าข้า กล่าวตามตรง ข้าไม่รู้ว่าจะสามารถค้นหาผู้ทรยศได้ก่อนที่ภารกิจจะจบลงหรือไม่”
“อืม…”
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มจึงถามอีกครั้งว่า
“แล้วเช่นนี้จะทำอย่างไรหรือ?”
“คิดทำสิ่งใดงั้นหรือ…”
ไป๋ลี่ยืดหลังตรง จิตของเขาแผ่กระจายออกค้นหาโดยรอบบริเวณ และเมื่อพบว่าคนที่ติดตามเขาหายไปแล้วจึงกล่าวต่อ
“ในเมื่อทุกคนมีข้อสงสัย ข้าก็ยินดี เคยได้ยินข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความผิดหรือไม่? ตราบใดที่สงสัย ข้าจะสอบสวน แต่หากถามว่าวิธีการเป็นอย่างไร แน่นอนว่าข้าตอบได้เพียงว่าไม่เมตตา!”
เขาแหงนหน้ามองดวงจันทร์สว่างไสวบนท้องฟ้า ก่อนจะกล่าวซ้ำอีกครั้ง
“ตราบใดที่ข้ามีหลักฐาน ข้า… จะสังหารอย่างไร้ความปรานี”
อีกฝ่ายจึงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเข้าใจพร้อมพยักหน้า
“นั่นคือวิธีที่ดีที่สุด ข้าเชื่อใจเจ้า พี่ชายเอ๋ย เจ้าต้องจัดการมันให้ได้ ในโลกนี้มีคนบ้าที่ดื้อรั้นเสมอ และคนเหล่านั้นมักจะถูกทอดทิ้งไปตามกาลเวลา”
“เช่นนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าแล้ว”
ไป๋ลี่ถอนสายตาพร้อมกับยิ้มให้เขา
“อย่าได้ทำให้ผู้นั้นต้องผิดหวัง”
“ข้าเข้าใจดี”
เมื่อเห็นประตูเมืองตู่โจวด้านหน้า พี่ชายผู้ดูอ่อนเยาว์ก็ยิ้มก่อนจะเหยียดแขนออก
“พี่น้องเอ๋ย เรามากอดกันสักหน่อยดีกว่า”
ไป๋ลี่ยิ้มและกอดเขา
เมื่อทั้งสองกอดกัน อีกฝ่ายก็ก้มศีรษะลง พร้อมกล่าวกระซิบกับไป๋ลี่เบา ๆ
“เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานจงเจริญ…”