ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 431 นั่งจิบชาสักถ้วย พักผ่อนให้เต็มที่

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 431 นั่งจิบชาสักถ้วย พักผ่อนให้เต็มที่

บทที่ 431 นั่งจิบชาสักถ้วย พักผ่อนให้เต็มที่

ทันทีที่เห็นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน หัวใจของอาจารย์อสูรอสรพิษก็เต้นระรัว

“มีอะไร?”

ขณะนั่งเก้าอี้ ไป๋ชิวหรานผู้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็เงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มให้เขา จากนั้นก็กล่าวด้วยภาษามนุษย์งูว่า

“เจ้ามาทำอะไรตั้งไกลขนาดนี้? มาตรงนี้สิ”

อาจารย์อสูรอสรพิษเดินไปอยู่ข้างไป๋ชิวหรานด้วยอาการสั่นสะท้าน ยืนอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามเขาด้วยท่วงท่ามั่นคง ทว่าดูระแวดระวังเล็กน้อย

“เจ้าชื่ออะไร? ปีนี้อายุเท่าไหร่?”

ขณะที่ไป๋ชิวหรานถาม เขาก็เอื้อมมือไปหยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ

“ข้ามีชื่อว่าถูปา ปีนี้อายุสี่สิบสองปี”

อาจารย์อสูรอสรพิษนึกย้อนความทรงจำของวิญญาณที่กลืนกินไป ก่อนเอ่ยตอบตามตรง

“โห! สี่สิบสองปีหรือ”

ไป๋ชิวหรานมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า…

“ดูแล้วเจ้าแข็งแกร่งไม่เบา ปกติออกกำลังกายบ่อยหรือ?”

“ข้าไม่ได้ออกกำลังกาย แต่ออกไปล่าสัตว์บ่อย…”

อาจารย์อสูรอสรพิษตอบ ทันใดนั้นมันเห็นมือของไป๋ชิวหรานวางไว้ใต้โต๊ะ

จะว่าไปเขาเพิ่งหยิบกาน้ำชา…

อาจารย์อสูรอสรพิษเพิ่งตอบสนอง แต่เขาได้ยินเสียงน้ำไหล หลังจากนั้น ไป๋ชิวหรานก็ดึงกาน้ำชาออกมาจากใต้โต๊ะแล้วปิดฝา จากนั้นก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาเทของเหลวสีเหลืองอ่อนซึ่งมีไอถูกรินใส่ในถ้วย

“มา… เห็นว่าเจ้าเดินทางมาจากเผ่า แค่คิดก็คงจะเหนื่อยแล้วสินะ นั่งจิบชาสักถ้วย พักผ่อนให้เต็มที่”

อาจารย์อสูรอสรพิษมองถ้วย ‘ชา’ ที่มีไอด้วยความหงุดหงิด ทุกวันนี้มันพรากชีวิตมนุษย์งูไปมากมาย ใช้ชีวิตกับมนุษย์งูมาสักพัก แน่นอนว่ามันรู้ว่า ‘น้ำชา’ ถ้วยนี้เป็นสิ่งปฏิกูล ไม่มีสิ่งมีชีวิตชาญฉลาดในสภาพปกติที่อยากดื่มแน่นอน!

“เป็นอะไร? จะเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานเคาะโต๊ะ

“เจ้ารังเกียจชาที่ข้ารินให้เองกับมืองั้นหรือ?”

“ไม่ใช่! ไม่ใช่อย่างนั้น!”

อาจารย์อสูรอสรพิษรีบโบกมือเพื่อปกป้องตัวเอง

“เช่นนั้นก็ดื่มเสีย!”

ไป๋ชิวหรานกระตุกยิ้ม

“นี่คือชาเข้มข้นพิเศษของข้า ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถดื่มได้ ต่อให้พวกเขาต้องการก็ตาม”

จำไว้เลยนะ!

อาจารย์อสูรอสรพิษครุ่นคิดอย่างขุ่นเคืองใจ

เมื่ออยู่ใต้ชายคาผู้อื่น คนเราต้องก้มหัว อาจารย์อสูรอสรพิษลังเลสักพัก ก่อนหยิบถ้วยชาขึ้นมา… ซดของเหลวจากถ้วยเข้าไปในคำเดียว

ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้คาอยู่ในปากนี้ อาจารย์อสูรอสรพิษฝืนทนอาการคลื่นไส้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนถามอย่างเกรี้ยวกราดว่า

“ของแบบนี้มันดื่มได้หรือ? นายท่าน!”

“เจ้าช่างซื่อเหลือเกิน?”

ไป๋ชิวหรานมองเขาด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าดื่มเข้าไปจริง ๆ หรือ?”

“ก็ท่านให้ข้าดื่มไม่ใช่หรือ?”

อาจารย์อสูรอสรพิษพ่นลมออกจมูกอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อได้ยินคำถาม

ไม่ว่าใครก็ดูออก… ว่ามันยังไม่คุ้นชินกับการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

แต่หลังจากนี้ คิดว่าเชาว์ปัญญาของอาจารย์อสูรตนนี้จะค่อย ๆ พัฒนาภายใต้แรงกดดันของไป๋ชิวหราน แล้วสามารถหนีรอดไปได้ในวันนี้ อนาคตจะต้องไร้ขีดจำกัด! อย่างน้อยก็สามารถหลอกอาจารย์อสูรตนอื่นในระดับเดียวกันได้ไม่มีปัญหา

น่าเสียดาย… ไป๋ชิวหรานไม่ยอมมอบโอกาสนี้ให้เขา

“ข้าขอให้เจ้าดื่ม แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะดื่มจริง ๆ”

ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างแผ่วเบา

“ยังไงซะ สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมันเต็มไปด้วยพิษของเจ้าที่กระจายไปทั่วร่างข้าระหว่างต่อสู้”

“อะไรนะ?!”

อาจารย์อสูรอสรพิษคว้าคออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว แต่เวลาต่อมา มันรู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่ซ่านออกมา

“นี่เจ้าหาข้าเจองั้นหรือ!?”

“ใช่แล้ว”

ไป๋ชิวหรายโบกมือไปมายามตอบคำถาม

“อย่าวิตกไปเลย… เจ้ามีภูมิคุ้มกันพิษตัวเองไม่ใช่หรือ?”

อาจารย์อสูรอสรพิษส่ายหน้าปฏิเสธ

“โห… เช่นนั้นเจ้าก็ต้องตายน่ะสิ”

ไป๋ชิวหรานทำท่ากล่าวลาอีกฝ่าย

“ลาก่อน”

อาจารย์อสูรอสรพิษตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว มันยังไม่ทันตอบสนอง แต่เพียงเสี้ยวเวลาหลังจากสิ้นคำพูดของไป๋ชิวหราน มันพลันรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องอย่างสุดแสน

มันกุมคอโดยไม่รู้ตัว ร่างกระตุกอยู่บนพื้น น้ำลายฟูมปาก ดวงตาเบิกโพลง และลมหายใจติดขัด อาการหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทีพิษนี้คือพิษทรงพลังที่สามารถเล่นงานได้ทั้งร่ายกายและความตระหนักรู้ มันคือภูมิปัญญาที่มีไว้เสริมพลังให้กับมัน

และตอนนี้ พิษร้ายนี้กำลังแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายของอาจารย์อสูรอสรพิษ หากเป็นช่วงยุคทองของช่วงชีวิต มันย่อมสามารถสะกดและขับพิษนี้ออกไปได้ แต่ตอนนี้ หลังจากถูกเล่นงานโดยเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานก็ทำให้พลังชีวิตได้รับความเสียหายอย่างหนัก พลังเก้าในสิบหายไปจนเหลือเพียงหนึ่ง อาจารย์อสูรอสรพิษก็ไม่สามารถสะกดพิษนี้ได้ด้วยตัวเอง

มันล้มลงกับพื้น กายเนื้อตายตก ร่างอาจารย์อสูรที่ได้รับพิษเช่นกันก็ค่อย ๆ สลายไป

มีเพียงภูมิปัญญาของมันที่ยังคงอยู่ ไป๋ชิวหรานเก็บมันขึ้นมาพร้อมกับส่งให้เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานดู และพบว่ามันคือภูมิปัญญาเกี่ยวกับพิษ

เจียงหลานจะต้องชอบแนวคิดนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยความรัก ไป๋ชิวหรานจะไม่บอกนางถึงตัวตนของแนวคิดนี้ เขาโยนภูมิปัญญาเข้าไปในดินแดนของตัวเองด้วยความรังเกียจ

ถึงอย่างไรหลังจากดินแดนของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานได้ปรับใช้ภูมิปัญญานี้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วราชินีประทานบุตรของเจียงหลานก็จะปลุกความสามารถโดยกำเนิดที่เกี่ยวกับพิษขึ้นมาเช่นกัน!

หลังจากคลี่คลายเรื่องของอาจารย์อสูรอสรพิษแล้ว… ไป๋ชิวหรานก็สั่งคนให้ไปรวบรวมเผ่าที่มันยึดครองเพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หลังจากนั้น ผู้ฝึกตนจากแดนเซียนก็มาที่นี่อีกครั้ง เผ่ามนุษย์งูคนแล้วคนเล่าในโลกวัตถุนี้มารวมตัวกัน ก่อนเริ่มเผยแพร่ความเชื่อและแนวคิดของกลุ่มเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน

ขณะนั้นเล่อเจิ้นเทียนก็ได้ส่งบุคคลพิเศษออกไป เพื่อสืบหาตำแหน่งของศิษย์ใหญ่ของไป๋ลี่ที่หายไป

พวกเขาไปเยี่ยมนักปราชญ์ประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเทพเซียนต่าง ๆ มากมายของอารยธรรมมนุษย์งู เพื่อตามหาเบาะแสเกี่ยวกับแดนเซียนจากประวัติศาสตร์ของพวกเขา สุดท้ายจากตำนานอารยธรรมมนุษย์งูก็ได้พบข้อมูลที่อาจจะเกี่ยวข้องกับศิษย์ใหญ่ของไป๋ลี่

“จากการสืบสวนของพวกเรา ประวัติศาสตร์ของอารายธรรมมนุษย์งูอาจจะอยู่ที่ราวหกหมื่นปีก่อน พวกเขาน่าจะเป็นอารยธรรมที่เกิดมาไม่นานหลังจากจบมหาสงครามอาจารย์อสูรครั้งที่แล้ว”

เจ้าหน้าที่เซียนผู้รับผิดชอบการสืบสวนรายงานพวกให้ไป๋ชิวหรานทราบ

“และในตำนานของพวกเขา โลกบรรพกาลทั้งโกลาหลและไร้อารยธรรม ทั่วฟ้าเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด ยามราตรีอันมืดมิดเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดมากมายออกมากินคน ภายหลัง… เทพและเทพีคู่หนึ่งจุติลงมาจากท้องฟ้า มอบพลังอักขระของพวกเขาให้ และสอนวิธีควบคุมองค์ประกอบของธรรมชาติ ดังนั้นความมืดจึงสลายไป ทำให้อารยธรรมมนุษย์งูเจริญรุ่งเรือง พวกเราเปรียบเทียบคำอธิบายเทพในตำนานในภูมิภาคต่าง ๆ พบว่ามีความคล้ายคลึง โอกาสมากถึงเจ็ดในสิบที่เทพตนนั้นจะเป็นจักรพรรดิเซียนซู่หัวที่หายตัวไป”

จักรพรรดิเซียนซู่หัวคือศิษย์พี่ใหญ่ของไป๋ลี่… และเป็นฉายาของศิษย์ใหญ่ผู้เรียบง่ายของไป๋ชิวหราน

“เช่นนี้จักรพรรดิเซียนตนนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”

ไป๋ชิวหรานถาม

“ตำนานเรื่องนี้ ปกติแล้วมักจะไม่ถูกบันทึกเอาไว้”

หลีจิ่นเหยาตอบ

“ผู้อาวุโสชิวหราน เมื่อมนุษย์สร้างตำนาน พวกเขาต้องคิดว่ายิ่งเทพทรงพลังและลึกลับเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น”

“พูดได้ดีมาก”

เจ้าหน้าที่เซียนออกความเห็น

“ตำนานกล่าวไว้แค่ว่าหลังจากเทพและเทพีสอนวิชาอักขระแล้วก็ได้กลับสวรรค์… ทว่าพวกเราคาดเดาดูแล้ว จักรพรรดิเซียนซู่หัวน่าจะกำลังมุ่งหน้าลึกเข้าไปในดินแดนของอาจารย์อสูร”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท