ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 440 รอยยิ้มสุดท้าย

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 440 รอยยิ้มสุดท้าย

บทที่ 440 รอยยิ้มสุดท้าย

หลังได้รับคำสั่งจากสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวของจอมอสูรที่หนึ่งแห่งอสูรความปรารถนาทั้งหกแล้ว อาจารย์อสูรสองสามตัวก็ไม่กล้าแม้แต่จะลังเล… ทั้งยังไม่ได้กลับสู่เขตแดนของตนเองด้วยซ้ำ แต่รีบมุ่งหน้าบุกเข้าสู่โลกวัตถุตรงหน้าทันที!

พวกมันประมาทว่าระดับอารยธรรมของโลกวัตถุนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก เพราะมันยังไม่ถึงขั้นที่จอมอสูรจะต้อง ‘ทำความสะอาด’ ด้วยซ้ำ

พูดให้ถูกก็คืออสูรทั้งหมดไม่ควรมีอารยธรรมมากพอจะเผชิญหน้ากับอาจารย์อสูรระดับสูงได้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของอสูรในโลกวัตถุนี้จะสูงที่สุดและมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง ทว่าสำหรับพวกมันแล้ว อารยธรรมต่ำต้อยเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานพวกมันได้แม้แต่น้อย…

โลกวัตถุนี้ราวกับถูกปราการแสงที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระเบียบปกคลุม อีกทั้งยังใช้กระแสน้ำวนเพื่อปิดกั้นทางเข้าของเขตแดนจิตสำนึกไม่ให้ทะลุไปยังมิติอื่น ๆ ได้

แต่เวลานี้เป็นช่วงที่พลังงานของปราการป้องกันลดลง จึงไม่อาจหยุดยั้งอสูรนอกโลกได้ พวกมันสร้างรอยแยกบนมิติตรงหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมพากันหลั่งไหลเข้าสู่โลกวัตถุราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก

เมื่อเข้าสู่โลกวัตถุได้แล้ว อสูรพบว่าพวกตนอยู่ที่โคนพฤกษายักษ์ มันกวาดสายตาออกไปด้วยจิตสำนึก และไม่ช้าก็พบวิญญาณสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนใกล้ชั้นฟ้า ในเวลานี้น้ำลายของพวกมันไหลเยิ้มอย่างไม่อาจควบคุมได้

อีกทั้ง ‘อุกกาบาต’ ที่ร่วงหล่นมาจากเขตแดนสู่โลกใบนี้ก็คงจะอยู่บนท้องฟ้านั้นเช่นกัน

เหล่าอสูรทั้งหมดวิ่งพล่านไปทั่วทุกพื้นที่ราวกับคลื่นยักษ์โถมกระหน่ำในมหาสมุทร เป้าหมายของพวกมันทั้งหมดคือชั้นท้องฟ้า!

“มหาปราชญ์!”

ภายในวิหารมีภูตตัวหนึ่งที่มีเส้นผมเป็นเปลวเพลิงได้พุ่งกระโจนเข้ามาจากด้านนอก มันตรงเข้าหาเท่อหมีซื่อที่กำลังดื่มชากับเจียงหลานและคนอื่น ๆ ด้วยท่าทีรีบเร่งพร้อมตะโกนลั่น

“เกิดเรื่องแล้ว! อสูรบุกมาแล้ว!”

“อะไรกัน?”

เท่อหมีซื่อลุกขึ้นยืน

“เป็นไปได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่ากระแสพลังป้องกันยังไม่ลดลงจนถึงจุดต่ำสุด… แล้วการต่อสู้ในป้อมปราการแนวหน้าเป็นเช่นไร?”

“ป้อมปราการด่านหน้าถูกทำลายหมดสิ้นแล้ว! ทั้งผู้บัญชาการและแม่ทัพล้วนตายตกหมดสิ้น เหล่าอสูรมาถึงชั้นที่สองของโลกนี้แล้ว และพวกมันกำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่งในดินแดนของภูตน้ำแข็ง ซึ่งเหล่าภูตน้ำแข็งคงไม่อาจต้านทานได้นาน!”

“อะไรนะ? ข้าจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้…”

เท่อหมีซื่อลุกขึ้นคว้าไม้เท้ายาวข้างกาย

“มังกรศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด?”

“โส่วเฟไปแจ้งข่าวแล้ว”

“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”

เท่อหมีซื่อเดินออกไปอย่างเร่งรีบ นางลืมบอกลาไป๋ชิวหรานกับคนอื่น ๆ ไปสนิท

หลังจากก้าวออกไปสองก้าว… โลกทั้งใบก็สั่นสะเทือน! เท่อหมีซื่อสะดุดล้มลงกับพื้น!

“มีอสูรโจมตีลำต้นของพฤกษาศักดิ์สิทธิ์!”

ภูตเพลิงกรีดร้อง

“บ้าจริง…”

ไป๋ชิวหรานมองดูน้ำชาที่หกออกมาเพราะแรงสั่นสะเทือน ก่อนจะกล่าวอย่างประหลาดใจ

“เพราะคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าแข็งแกร่งไปหน่อย อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นมหายาน ผู้ฝึกตนขั้นการสร้างรากฐานจะต่อสู้กับขั้นมหายานได้อย่างไร?”

“ไม่… ไม่จริง”

เท่อหมีซื่อหน้าซีด แม้ว่านางจะไม่เข้าใจสิ่งที่ไป๋ชิวหรานกล่าวถึงขั้นมหายานและขั้นสร้างรากฐาน แต่นางก็พอจับใจความเนื้อหาบางอย่างได้

“อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์… พวกมันคือเทพอสูร!”

“ไม่… ไม่จริง ๆ พวกมันไม่ใช่เทพอสูร พวกมันก็แค่อาจารย์อสูร”

ไป๋ชิวหรานมองไปยังทิศทางของเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ย

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า… เพราะพวกเราเข้าสู่โลกใบนี้ จึงดึงดูดความสนใจของพวกหกอสูรแห่งความปรารถนา?”

เมื่อเห็นแววตาของเขา ซูเซียงเสวี่ยจึงเข้าใจ และกล่าวทันที

“ย่อมเป็นไปได้ ทำไมหรือ?”

ไป๋ชิวหรานสับสน

“ความสนใจของหกอสูรแห่งความปรารถนาควรจะอยู่ที่การต่อสู้กันเอง ไม่ควรสนใจการเคลื่อนไหวของผู้อื่น เหตุใดพวกมันจึงสนใจเรือบินลำเล็กที่มาจากขอบเขตแดนด้วย?”

มันเหมือนกับว่าเมื่อกำลังต่อสู้กับใครสักคนจนถูกรุมทึ้ง แต่เรากลับไปสนใจเมล็ดข้าวที่ตกอยู่บนพื้น…

“ไม่ทราบได้”

เจียงหลานส่ายศีรษะพร้อมคาดเดา

“มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ?”

“ลืมไปเถอะ! เอาล่ะ เราไม่อาจเฝ้ามองอาจารย์อสูรเหล่านี้ทำลายอารยธรรมทั้งหมดลงได้ เราต้องการความไว้วางใจจากสถานที่แห่งนี้”

ไป๋ชิวหรานยืนขึ้นและพูดว่า

“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่สักพักหนึ่งแล้วกัน ข้าจะไปรับชมสักหน่อย”

ไป๋ชิวหรานเดินตามเท่อหมีซื่อออกจากวิหารมหาปราชญ์ เขาไม่คิดเสียเวลาจึงเรียกวารีสารทกระจ่างล้ำออกมาทันที

“ขึ้นมานั่งบนนี้สิ มันเร็วกว่าเจ้าแน่นอน!”

ไป๋ชิวหรานขึ้นเหยียบกระบี่ และกวักมือเรียกเท่อหมีซื่อ…

“หากอยู่บนกระบี่เซียน ภารกิจต้องสำเร็จ!”

มหาปราชญ์มองดูสิ่งตรงหน้า แต่ตอนนี้นางไม่กล้าคิดเรื่องไร้สาระ จึงถกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกระโดดขึ้นเหยียบกระบี่

นางยืนอยู่ด้านหลังของไป๋ชิวหราน และเอื้อมมือออกไปต้องการโอบรอบเอวของอีกฝ่าย อย่างไรแล้วนางยังคงหวาดกลัวว่าจะร่วงหล่นลงไป

ฝ่ายชายถึงกับตกตะลึง! เขากระโดดลงจากกระบี่ในทันที

“ท่านอยู่ด้านหน้าดีกว่า…”

เท่อหมีซื่อเผยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะผลุบสายตาลงต่ำ มองไปที่กระบี่ใต้ฝ่าเท้าตนเองด้วยความเขินอาย

“อย่ากังวลเลย เมื่อเราออกบิน ทั้งมนุษย์และกระบี่จะหลอมรวมเป็นลำแสง… ท่านไม่มีทางร่วงหล่น!”

ไป๋ชิวหรานเผยท่าทีสุภาพบุรุษออกมา

“เอาล่ะ! ขึ้นไปเถิด บุรุษและสตรีไม่อาจโอบกอดกันได้”

เท่อหมีซื่อไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามที่ไป๋ชิวหรานบอก อีกทั้งฝ่ายชายยังยืนห่างจากนางระยะหนึ่งด้วย

อย่างไรเสีย ทั้งสองก็กลายเป็นลำแสงเส้นเดียว และพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจพวกเขาก็มาถึงชั้นที่สองของพฤกษายักษ์

อากาศที่นี่หนาวเย็นนัก… ปกติแล้วมันคือชั้นที่มีสภาพดุจฤดูเหมันต์ มีเพียงภูตน้ำแข็งและมังกรน้ำแข็งอาศัยอยู่

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับตาลปัตร ทอดสายตาไปที่ใดก็เห็นแต่เปลวเพลิง! พื้นดินแตกระแหงเนื่องจากอากาศร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภูเขาน้ำแข็งถล่ม หิมะละลาย และเกิดน้ำไหลหลากไปทั่วชั้น

ภูตน้ำแข็งและมังกรน้ำแข็งต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนกองอยู่บนพื้น รายล้อมซากศพนับไม่ถ้วน อีกทั้งบางตัวยังถูกกระแสน้ำพัดพาไป…

ครั้นเห็นเช่นนี้ เท่อหมีซื่อก็ขมวดคิ้วแน่น เผยสีหน้าเคร่งเครียดระคนไปด้วยความโศกเศร้า

เดิมทีไป๋ชิวหรานอยากจะเผยแพร่แนวคิดบางอย่างเกี่ยวกับเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานที่จะนำพาให้จอมปราชญ์ไปสู่ชีวิตอมตะ แต่หลังจากคิดดูแล้ว… ขณะนี้นางกำลังโศกเศร้า เขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นไว้ก่อน

ไป๋ชิวหรานเดินหน้าต่อไปพร้อมกับเท่อหมีซื่อ พวกเขาบินสำรวจสถานที่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ได้พบกับสาเหตุการทำลายล้างในครั้งนี้ ซึ่งกำลังจะมุ่งหน้าสู่ชั้นที่สาม

แม้ปราการป้องกันจะอ่อนแอลง แต่อสูรก็ต้องเข้าสู่โลกวัตถุผ่านเขตแดนจิตสำนึก และที่นี่คือรากของพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเหล่าภูตและมังกรจึงค่อย ๆ ไล่ระดับจากต่ำไปสูง ภายในทุกชั้นจะมีป้อมปราการที่แข็งแกร่งสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อสูรจากภายนอกบุกเข้าสู่โลกแห่งนี้ได้ง่ายดายนัก

แต่ตอนนี้ป้อมปราการน้ำแข็งของชั้นสองถูกทำลายสิ้น เหล่าภูตน้ำแข็งพยายามผลึกพวกมันด้วยยันต์น้ำแข็ง กำแพงป้อมปราการสูงกว่าสิบหกจั้งถูกทำลายล้างจนพังพินาศ เศษซากกระจัดกระจายทั่วพื้น หลังจากป้อมปราการถล่มลง อาจารย์อสูรต่างหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ และสังหารเหล่าพลเรือนและกองกำลังทั้งหมดอย่างบ้าคลั่ง

บนท้องฟ้าเหนือป้อมปราการมีอาจารย์อสูรระดับสูงหลายตน รูปร่างของพวกมันล้วนใหญ่และแปลกพิศดารบินอยู่กลางอากาศ

“นั่นมันอะไร?”

ครั้นเห็นอาจารย์อสูรระดับสูงเหล่านั้น เท่อหมีซื่อถึงกับเข่าอ่อน…

เสียงของนางดึงดูดความสนใจของอาจารย์ระดับสูงเหล่านั้นทันที! พวกมันรีบหันมา ดวงตามากมายกลอกไปมามองดูไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ

“หึหึ”

อาจารย์อสูรระดับสูงแสยะยิ้มกว้าง ปากของมันมีขนาดมหึมา ฟันคมปลาบปรากฏออกดูน่าสยดสยอง มันกล่าวกับพวกพ้องของตนเองผ่านคลื่นจิตสำนึกด้วยความดุร้าย

“โอ้! มีของหวานชั้นเลิศส่งตรงมาถึงหน้าประตู!!”

จากนั้นพวกมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท