ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 450 กระบี่ตัดเศียร

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 450 กระบี่ตัดเศียร

บทที่ 450 กระบี่ตัดเศียร

เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารของไป๋ชิวหราน ท่านผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ถึงกับแสดงความขี้ขลาดออกมา มันร้องคำรามอย่างไม่พอใจ

“ลูกสมุนของข้า! ฉีกเนื้อพวกมันให้ข้ารับชม!”

สิ้นเสียงนั้น เหล่าอาจารย์อสูรนับไม่ถ้วนก็กระโจนออกมาพร้อมกับฟันแหลมคมและกรงเล็บวาววับ แม้อสูรเหล่านี้ไม่อาจเทียบเท่ากับผู้ทรงเกียรติเจี้ยนอวี้ได้ แต่พลังของพวกมันก็น่าเกรงขามอยู่ดี ทั้งหมดคืออาจารย์อสูรระดับสูงภายใต้อำนาจของเจี้ยนอวี้ พลังการต่อสู้ของพวกมันเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพเซียนชั้นสูงในแดนเซียนกลางได้เลยทีเดียว

เวลานี้กองทัพอสูรกรูเข้ามากระจัดกระจาย พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับโลกวัตถุนี้ใกล้จะพังลง

โหรวเยว่หมิงซึ่งเป็นอาจารย์อสูรพ่นลมหายใจเย็นชา สองฝ่ามือกางออกปรากฏยันต์ขึ้นในมือทั้งสองข้าง ฝั่งหนึ่งคือกลุ่มก้อนลำแสงสีดำปกคลุมเหล่าอาจารย์อสูรนับไม่ถ้วน จากนั้นลำแสงสว่างก็พุ่งเข้าไปกลืนกินทุกสิ่งหมดสิ้น เหล่าอาจารย์อสูรที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังแห่งความมืดถูกบดขยี้จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว

ยันต์ลึกลับกลายเป็นจันทราสว่างไสว เสี้ยวจันทราคมปลาบนั้นหมุนวนไปมาก่อนจะพุ่งสู่อากาศสูงขึ้นเรื่อย ๆ และอาจารย์อสูรทั้งหมดที่อยู่บนพื้นจึงถูกวงแหวนจันทราผ่าครึ่ง

กงล้อจันทราพุ่งตรงเข้าหาเจี้ยนอวี้ที่มีร่างกายใหญ่โตอย่างรวดเร็ว ก่อนปะทะเข้ากับร่างอย่างรุนแรง

แต่เจี้ยนอวี้กลับไม่สะทกสะท้าน เพียงแค่ยกหนวดปัดขึ้นเบา ๆ แล้วทำลายเสี้ยวจันทราออกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างง่ายดาย

อีกด้านหนึ่ง เจียงหลานและซูเซียงเสวี่ยก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน

ซูเซียงเสวี่ยเรียกอาจารย์อสูรของตนออกมา และร่างของนางกลายเป็นมังกรพิสุทธิ์ ก่อนจะทะยานขึ้นท้องฟ้า ด้านหลังของนางคือร่างของเทพีแห่งความมั่งคั่ง ซึ่งเวลานั้นได้ปลดปล่อยพลังย่างก้าวภูตพรายออกมาสุดกำลัง

ซูเซียงเสวี่ยเป็นผู้นำสำนักเหอฮวนยื่นแขนเรียวยาวออกมา เผชิญหน้ากับอสูรที่ยืนอยู่บนอากาศพร้อมรอยยิ้มจางบนใบหน้า

ความงดงามของทั้งสองแตกต่างกันโดยสมบูรณ์ เหล่าอสูรที่ยืนอยู่บนท้องฟ้ายังรับรู้ได้ถึงเสน่ห์อันมากล้นซึ่งทะลักออกจากร่างกายของซูเซียงเสวี่ย พวกมันตกตะลึงและแข็งค้างกลางอากาศ

เวลานี้… มังกรพิสุทธิ์และอาจารย์อสูรทะยานออกไปแล้ว มังกรพุ่งผ่านเมฆาฝ่าสายพิรุณ มันควบคุมวายุสลาตันท่ามกลางฟ้าร้องคำรามก่อนจะหยิบแส้อสนีออกมา เทพีแห่งความมั่งคั่งหยิบยกอาวุธขึ้นในมือ ลำแสงสีทองนับไม่ถ้วนเปล่งประกาย เหล่าอสูรที่ตกตะลึงอยู่ก่อนหน้าต่างถูกทุบจนกลายเป็นเศษเนื้อ!

ในทางกลับกัน เจียงหลานนั้นเป็นผู้ที่มีความได้เปรียบด้านความแข็งแกร่งย่อมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น นางเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมก่อนจะยกแขนขึ้นเล็กน้อย และเรียกสายนทีใหญ่ออกมาเบื้องหน้า

ธารากับพิษหลอมรวมกัน กลายเป็นมหาสมุทรพิษที่สามารถกัดกร่อนกลืนทุกสิ่งทันทีที่เผชิญ แม้แต่อาจารย์อสูรยังต้องส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะค่อย ๆ สูญสลายหายไปในธารพิษนี้!

ราชินีประทานบุตรเดินออกมาจากด้านหลัง ก่อนพุ่งทะยานออกไปและจัดการกับแนวคิดที่กระจัดกระจายในสนามรบอย่างเพลิดเพลิน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทพธิดาทั้งสามจะโหดเหี้ยมหาใครเทียบเทียม แต่ท้ายที่สุดแล้วนี่คือกองกำลังที่สามารถต่อสู้กับกองทัพเซียนแห่งแดนเซียนกลางได้อย่างสูสี แม้ว่าเจียงหลานจะอยู่ในขั้นซากปรักหักพังหวนคืนแล้ว ส่วนโหรวเยว่หมิงก็เป็นอาจารย์อสูรระดับสูงที่อ่อนแอกว่าเจี้ยนอวี้เล็กน้อยเท่านั้น ทว่าก็ยังไม่อาจหยุดกองทัพอสูรทั้งหมดได้

เมื่อเห็นว่ามีอาจารย์อสูรออกมาจากร่างสตรีทั้งสาม จักรพรรดิเซียนองค์แรกผู้ยึดมั่นในหลักการ ‘บุรุษย่อมสามารถยืดและหดได้’ ก็เดินเข้าหาไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวกระซิบ

“ท่านอาจารย์ เปิดทะเลจิตสำนึกให้ข้าได้หลบซ่อนสักหน่อยเถิด…”

เมื่อเห็นการกระทำเช่นนั้น เจี้ยนอวี้ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าถึงกับหัวเราะออกมา!

“อะไรนะ? เจ้าไม่ใช่ผู้สง่าผ่าเผยเมื่อเจ็ดหมื่นปีที่แล้วหรือ? ถึงกับไม่กล้าเผชิญหน้ากับข้า!”

“รอข้าก่อนเถิด!”

จักรพรรดิเซียนองค์แรกหันศีรษะกลับมาพร้อมกับกล่าวอย่างมั่นใจ

“ข้าจะให้ท่านอาจารย์ของข้าทุบตีเจ้า!”

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดครู่หนึ่ง บุรุษผู้นี้ไร้ยางอายเสียจริง! จากนั้นเขาจึงเริ่มปลดปล่อยทะเลจิตสำนึกและนำจักรพรรดิเซียนองค์แรกผู้ต้องการจะดุด่าเจี้ยนอวี้ยัดเข้าไปภายในนั้น

ก่อนจะตะโกนบอกสตรีทั้งสามที่อยู่บนท้องฟ้า

“สตรีทั้งสาม ก้มลงต่ำหน่อย!”

โหรวเยว่หมิงสับสนเล็กน้อย แต่เจียงหลานและซูเซียงเสวี่ยเข้าใจทันที ทั้งคู่เคลื่อนไหวกวาดล้างอสูรใกล้เคียงทั้งหมด ก่อนจะพุ่งไปหาโหรวเยว่หมิงและดึงนางออกไป

“จับศีรษะแล้วก้มให้ต่ำที่สุด!”

เมื่อสตรีทั้งสามนั่งลง ไป๋ชิวหรานก็หยิบยกวารีสารทกระจ่างฟ้าขึ้นมา ปรากฏปราณกระบี่สว่างวาบ

นี่คือกระบวนท่าที่เขาคิดค้นเอง

สังหารอสูรและกองทัพนับล้าน กระบี่รอบกายปะปนคราบเลือด

นี่คือการเคลื่อนไหวที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงสำหรับกระบวนท่ากระบี่ของไป๋ชิวหราน

สองกระบวนท่าแรกของเขาสังหารผู้คนโดยไร้เลือด มันสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ในพริบตา คราวนี้หลังจากที่ออกกระบวนท่านี้ไป ใบมีดกระบี่ของเขาก็เต็มไปด้วยโลหิต!

จิตสังหารรุนแรงระเบิดออกจากร่างกายของไป๋ชิวหราน เส้นผมสีขาวของเขาไม่ได้มองดูน่าชมอีกต่อไป เขาเปรียบเสมือนเทพสังหารที่เพิ่งก้าวออกมาจากส่วนลึกของปรโลกด้วยดวงตาแดงฉาน!

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาคิดค้นเมื่อถูกอาจารย์อสูรบุกรุกโลก พลังการฝึกฝนและการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวของเหล่าผู้ฝึกตนทำให้เขาเพิ่มระดับของตนเองจนกลายเป็นวีรบุรุษ

ในช่วงเวลานั้น ภายในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินได้รับความเสียหาย ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่อาจใช้พลังเวทฟื้นฟูได้ สองแคว้นที่อยู่ติดกับโลกอสูรเกือบจะถูกสังสารสิ้นซากภายใต้ราชาอสูร

ดังนั้นเมื่อไป๋ชิวหรานเคลื่อนไหวท่วงท่านี้ ความโกรธและจิตสังหารจึงถูกหลอมรวมไว้ในกระบวนท่าเดียวโดยสมบูรณ์ มันคือการเคลื่อนไหวสูงสุดของอสูร

เขาฟันกระบี่ออกไป ปราณกระบี่พุ่งออกเป็นลำแสงโลหิตนับหมื่นกระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ เวลานี้โลกทั้งใบจึงกลายเป็นมหาสมุทรเลือด

จากนั้นมหาสมุทรโลหิตก็ระเบิดออกกลายเป็นห่าฝนปราณกระบี่โลหิตปกคลุมมิติแห่งเงาทั้งหมดโดยสมบูรณ์

ปราณกระบี่สังหารเหล่ากองทัพอสูรนับไม่ถ้วนแทบจะในทันที

“บัดซบแล้ว! ไอ้ตัวกบฏนี้มันคือสิ่งใดกันแน่!”

เมื่อเห็นว่าเจี้ยนอวี้เปิดใช้งานพลังทั้งหมดของตนเองเพื่อป้องกันเขา แต่สุดท้ายกลับพบว่าพลังมากมายเหล่านั้นไม่ได้มีมันเป็นเป้าหมายเลย

หลังจากที่มหาสมุทรเลือดและปราณกระบี่ของกองทัพอสูรถูกทำลายลง ไป๋ชิวหรานก็ชี้ปลายกระบี่ลงพื้น ก่อนจะเปิดเผยกระบวนท่าที่สี่

รุ่งอรุณหนาวเหน็บแผ่กระจายออกจากจุดจื่อฝู่ในคฤหาสน์ม่วง กระบี่ยาวคมปลาบพลันปรากฏขึ้น

พลังปราณกระบี่ภายในอากาศเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มีลำแสงแห่งอรุณสาดส่อง หอคอยสูงตระหง่านท่ามกลางภูเขาเขียวขจีในม่านหมอก จนมองทัศนียภาพได้พร่ามัวราวกับจะนำพาไปสู่วันสิ้นโลก

“ภาพลวงตา?!”

เมื่อเจี้ยนอวี้เห็นเช่นนั้น ดวงตานับพันของมันก็เบิกโพลง มันคำรามเสียงดังด้วยความโกรธเคืองก่อนจะปลดปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำลายภาพลวงตาตรงหน้า

“กล้าใช้ภาพลวงตากับข้างั้นหรือ? หึ เจ้ามันก็แค่…”

“พึ่บ!”

ปราณกระบี่ขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากด้านหลังฟากฟ้า ตัดขาดร่างกายของเจี้ยนอวี้ออกเป็นสองท่อน ก่อนจะระเบิดเสียงดังจนทำให้ร่างกายของเจี้ยนอวี้กลายเป็นเศษเนื้อกระจัดกระจาย

ฝนเศษเนื้อร่วงหล่นจากท้องฟ้า กลายเป็นแนวคิดและพลังแห่งจิตสำนึกบริสุทธิ์เกลื่อนกลาดไปทั่วมิติแห่งเงา

เป็นเพราะการป้องกันของจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ ไป๋ชิวหรานที่อยู่ภายในมิติเงาควรจะได้รับผลกระทบจากการโจมตีแต่กลับไร้รอยขีดข่วน

“ภาพลวงตา เป็นเพียงเมฆาที่ลอยผ่าน!”

น้ำเสียงของไป๋ชิวหรานดังขึ้นหลังจากร่างกายของเจี้ยนอวี้ระเบิดออก

“การยกกระบี่ตัดเศียรคือการเคลื่อนไหวขั้นสูงสุด เหตุใดจึงไม่เข้าใจเล่า… อ๋อ ลืมไป เจ้ามันไม่มีหัวนี่!”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท