ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 455 มารดาแห่งดวงอาทิตย์ เทพีซีเหอ

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 455 มารดาแห่งดวงอาทิตย์ เทพีซีเหอ

บทที่ 455 มารดาแห่งดวงอาทิตย์ เทพีซีเหอ

หลังจากไป๋ลี่ได้แนะนำโหรวเยว่หมิงให้กับจักรพรรดิเซียนซู่หัวที่กลับชาติมาเกิดเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงละสายตาของเขา และหยุดสนใจโลกใบนั้น

หลังจากสั่งสอนผู้ทรงเกียรติทั้งสามและราชานรก เกี่ยวกับการสร้างสังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดของโลกอีกฝั่งหนึ่งแล้ว เขาจึงถอดหน้ากากออก เปลี่ยนกลับมาเป็นชุดเดิมก่อนหน้า และขึ้นเรือเหาะออกจากยมโลก มุ่งหน้าสู่อาณาจักรแดนเซียนกลาง

เรือเหาะของพวกเขาพาทั้งหมดเข้าสู่อาณาจักรแดนเซียนกลางจนมาหยุดอยู่ที่ลานสวรรค์กระจ่างข้ามเมฆา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิง

ก่อนหน้านี้ ไป๋ชิวหรานไม่ได้แจ้งอาจารย์กับอาจารย์หญิงล่วงหน้า ดังนั้นเขาจึงลงจากเรือเหาะมุ่งหน้าเข้าสู่คฤหาสน์ ด้านหน้ามีอารักขาเฝ้าประตูเพียงคนเดียว

“ข้าเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่ชิงหมิง”

ไป๋ชิวหรานกล่าวกับคนเฝ้าประตู

“อ่า ท่านอาจารย์ชิงหมิงอยู่ไหนงั้นหรือ?”

“ท่านอาจารย์ทำงานอยู่ขอรับ”

อารักขาเฝ้าประตูเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะกล่าวตอบ

“ณ เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเขายุ่งมาก เวลานี้นายหญิงไม่อยู่บ้าน มันจึงเป็นงานที่ค่อนข้างหนักไม่น้อย”

“แล้ว… ไป๋ซวี่เซียงล่ะ?”

ไป๋ชิวหรานถามต่อ

“นางอยู่กับเทพีซีเหอ”

อารักขาเฝ้าประตูกล่าวตอบ

“คุณหนูซุกซนเสมอ เราจึงไม่สามารถประมาทนางได้! และนายท่านกับนายหญิงกังวลว่านางจะวิ่งไปรอบ ๆ จนทำให้เหล่าเซียนคนอื่นที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ ขุ่นเคือง”

ไป๋ชิวหรานและเจียงหลานมองหน้ากัน แม้จะเป็นบิดามารดาก็ตาม สีหน้าทั้งสองเผยความอับจนหนทาง

ดูเหมือนว่าการส่งไป๋ซวี่เซียงมาอยู่กับผู้อาวุโสและเจ้าสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่สามารถเปลี่ยนความซุกซนของนางได้เลย… อาจารย์ที่เคยสั่งสอนเขาเมื่อครั้งยังเด็ก ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะเหลือเพียงคำโอ้อวดเสียแล้ว

หลังจากกล่าวลาคนเฝ้าประตู ไป๋ชิวหรานและพรรคพวกจึงมาที่พระราชวังของเทพีอีกาสามขาอีกครั้ง

ครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี่ก็เพื่อแช่ตัวในบ่อสร้างรากฐานที่มีชื่อเสียงภายในอาณาจักรเซียน ไป๋ชิวหรานประทับใจกับสถานที่แห่งนี้มาก ดังนั้นจึงจดจำได้ว่าพระราชวังเทพีอีกาสามขาอยู่ที่ใด

หลังจากเทพีซีเหอย้ายออกจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝูซางไปยังแดนเซียน และคอยดูแลสวรรค์ชั้นที่สามสิบหกภายในแดนเซียนกลาง เวลานี้นางไม่ได้อาศัยอยู่อย่างสันโดษเพียงลำพังอีกต่อไป นางอาศัยอยู่ในพระราชวังเทพีอีกาสามขา ดังนั้นไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ จึงไม่ต้องเสียเวลามองหาที่อยู่อาศัยของเทพีซีเหอ

เมื่อพวกเขามาถึงพระราชวังเทพีอีกาสามขา ทั้งหมดบังเอิญได้พบกับนางตอนที่กำลังกลับมาจากภายนอก เมื่อไป๋ชิวหรานเห็นเช่นนั้น จึงรีบทักทายอย่างมีความสุข

“โอ้ ท่านบรรพชนกระบี่ หลานเอ๋อร์ จิ่นเหยา รั่วเวย… โอ้! นี่คงจะเป็นเซียงเสวี่ย งดงามเสียจริง”

นางจับมือเจียงหลานพร้อมยิ้มกว้าง

“เจ้ามาเยี่ยมบุตรสาวงั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้า

“เรื่องภายนอกจบสิ้นแล้ว พวกเราจึงกลับมาดูว่าซวี่เซียงได้เรียนรู้สิ่งใดจากที่นี่บ้าง”

“ตอนนี้เด็กน้อยกำลังฝึกคัดลายมือภายใต้การสั่งสอนจากท่านยายของนาง”

เทพีอีกาสามขากล่าวเชิญ

“ตามมาเถิด ข้าจะพาไปรับชมว่าพวกเขาทำสิ่งใดอยู่!”

ทั้งกลุ่มเดินตามเทพีอีกาสามขามาจนถึงลานนอกพระราชวัง เมื่อยืนอยู่ในลานก็มองเห็นเทพีซีเหอและไป๋ซวี่เซียงนั่งอยู่ในห้องผ่านหน้าต่าง

ไป๋ซวี่เซียงนั่งอยู่บนเก้าอี้สูง ร่างกายส่วนบนนอนราบไปกับโต๊ะ มือน้อยถือพู่กันในมืออย่างไม่เต็มใจ และค่อย ๆ เขียนอักขระทีละขีดบนกระดาษสีขาว

เท้าของนางแกว่งไกวไปมาไม่หยุดนิ่ง และเห็นได้ชัดว่าร่างกายส่วนบนของนางไม่ได้สะอาดเช่นเดิม ใบหน้า หน้าผาก มือ และแขนเสื้อของเด็กน้อยเต็มไปด้วยหมึก ไม่รู้ว่านางสวมใส่เสื้อผ้าสกปรกเช่นนี้ได้อย่างไร

และแม้ว่าจะอยู่ในความดูแลของเทพีซีเหอ เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังคงไม่หยุดดื้อรั้น ดวงตากลมโตสีเข้มของนางละความสะใจกระดาษตรงหน้าเป็นครั้งคราวเมื่ออีกฝ่ายเผลอไผล นางเหยียดมือออกไปเกาใบหน้า และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย หรือวางพู่กันลงและเริ่มเอื้อมหยิบสิ่งอื่นบนโต๊ะแทน

แต่เมื่อไป๋ซวี่เซียงได้เริ่มกวาดสายตามอง นางจึงพบว่าเทพีซีเหอที่อยู่ข้าง ๆ ถือถ้วยชาเอาไว้ และกำลังดื่มชาโดยไม่สนใจสิ่งใด ราวกับว่าเมินเฉยต่อความซุกซนของไป๋ซวี่เซียงโดยสมบูรณ์

ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ สนใจไม่น้อย เขาคิดที่จะลอบสังเกตการเรียนของบุตรสาว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคาะประตูเพื่อรบกวน แต่กลับยืนอยู่ด้านนอกและเฝ้ามองอย่างเงียบเชียบ

หลังจากที่ดื้อรั้นอยู่นาน ในที่สุดไป๋ซวี่เซียงก็คัดลอกการบ้านของวันนี้เสร็จสิ้น นางส่งเสียงอุทานอย่างตื่นเต้นพร้อมกระโดดลงจากโต๊ะ! กลายเป็นเงาพุ่งตรงไปด้านหน้าเทพีซีเหอ พร้อมกล่าวขึ้น

“ท่านยาย ข้าทำการบ้านของวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว”

เทพีซีเหอกล่าวในลำคอ “อืม” ก่อนจะวางถ้วยชาลง

“เช่นนั้นข้าออกไปเล่นได้แล้วใช่ไหม?”

ไป๋ซวี่เซียงจับจ้องอีกฝ่ายอย่างมีความหวัง

“ไม่ต้องรีบร้อน…”

การแสดงออกของเทพีซีเหอราวกับครูใหญ่ของสถานรับเลี้ยง นางดึงไป๋ซวี่เซียงมาตรงหน้าก่อนจะกุมมือน้อย ๆ แล้วกล่าวเสียงเบา

“ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไรตอนก่อนที่จะเริ่มคัดลายมือ?”

“ไม่อนุญาตให้ละสายตา จะต้องเขียนทั้งหมดด้วยความจริงจังและตั้งใจ!”

ไป๋ซวี่เซียงกล่าวเสียงต่ำอย่างดื้อรั้น

“ข้าไม่ได้ละสายตา!”

“เจ้าโยนหินหมึกบนโต๊ะสิบสามครั้ง มองออกไปนอกหน้าต่างสิบห้าครั้ง และใช้เล็บขูดรูปแกะสลักบนโต๊ะยี่สิบเจ็ดครั้ง”

เทพีซีเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

“นอกจากนี้ ข้าขอให้เจ้าจัดการให้เสร็จภายในสองก้านธูป แต่ดูซิว่าเจ้าใช้เวลาเท่าใด?”

“สาม… สามก้านธูป…”

“ข้าให้เวลาเจ้ามากเกินไปด้วยซ้ำ! หากเจ้าไม่ละสายตาและตั้งใจเขียนมัน ก็น่าจะเสร็จสิ้นตั้งนานแล้ว!”

เทพีซีเหอหยิบไม้ออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะกล่าวกับไป๋ซวี่เซียง

“เอาล่ะ… ยื่นมือมา”

ดวงตาของไป๋ซวี่เซียงเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา แต่เทพีซีเหอก็ใจแข็งมากเมื่อต้องสั่งสอนนาง จึงเมินเฉยต่อเด็กน้อยตรงหน้าโดยสมบูรณ์

ซีเหอจับมือเล็ก ๆ ของไป๋ซวี่เซียงก่อนจะคิดคำนวณ

“ละสายตาสิบที เขียนไม่เสร็จตามกำหนดสิบที กริยาไม่เหมาะสมสิบที และพูดเท็จต่อหน้ายายอีกยี่สิบ รวมแล้วเป็นห้าสิบที”

หลังจากกล่าวจบ เทพีซีเหอก็ยกไม้ขึ้นแล้วตีลงที่มือน้อย ๆ ของไป๋ซวี่เซียง

กำลังกายอย่างดี นางสามารถทำให้ไป๋ซวี่เซียงรู้สึกเจ็บแต่ไม่อาจทำร้ายเด็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน และเมื่อเทพีซีเหอกำลังลงมือกับไป๋ซวี่เซียง ไป๋ชิวหราน และเทพีอีกาสามขาตระหนักได้ว่าเจียงหลานที่ยืนอยู่ด้านข้างพวกเขากำลังกำหมัดแน่น

ไป๋ชิวหรานยังคงผ่อนคลาย และเทพีอีกาสามขาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไร อย่างไรแล้ว… เทพีอีกาสามขานั้นทราบดีว่าเด็กคงจะซนไปหน่อย แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าเจียงหลานที่เป็นภรรยาและมารดาที่ยอดเยี่ยมจะขุ่นเคืองในเวลานี้ เพราะตอนที่นางยังเด็ก นางก็ถูกเทพีซีเหอตีเช่นกัน

หลังจากไป๋ซวี่เซียงถูกตีเสร็จสิ้นแล้ว สาวน้อยก็เช็ดจมูกของตนเอง และคิดจะเดินออกไป ขณะนั้น เทพีซีเหอยังกล่าวต่ออีกว่า

“เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเสื้อผ้าของเจ้าเปื้อนหมึก? หลังจากกลับห้องคืนนี้ เจ้าจะต้องซักเอง ห้ามใช้คงท่านย่าหลิวซักให้เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”

ไป๋ซวี่เซียงพยักหน้า

หลังจากเดินออกจากประตู เทพีซีเหอก็ตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหญ่รออยู่ด้านนอก

“ท่านบรรพชน เจียงหลาน และทุกคน มากันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“พวกเราเพิ่งมา”

ไป๋ชิวหรานทักทายนาง

“ไม่ได้พบกันเสียนาน เทพีซีเหอ!”

“ท่านแม่!”

เมื่อไป๋ซวี่เซียงเห็นเจียงหลาน ก็กระโดดทิ้งร่างกายตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนมารดา พร้อมกับร่ำไห้เสียงดัง

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท