บทที่ 470 ไม้กระดานขี่กระเรียนฟ้าจากไปแล้ว
บทที่ 470 ไม้กระดานขี่กระเรียนฟ้าจากไปแล้ว
หนึ่งเดือนให้หลัง ณ ลานในสำนักเหอฮวน
“ท่านพ่อ”
ไป๋ซวี่เซียงกอดขาบิดาของตนเอง ใช้ศีรษะเล็ก ๆ แนบตัวของอีกฝ่าย
“ข้าสำเร็จขั้นปฐมวิญญาณแล้ว ท่านพ่อมีอะไรเป็นรางวัล?”
“ซวี่เซียงเก่งจริง ๆ…”
ชายผมขาวโพลนเอื้อมมือมาลูบหัวของนาง ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาจึงมีสีหน้าอิดโรย
“รางวัลน่ะรึ อืม ใช่สินะ ต้องมอบรางวัลให้เจ้า…”
เขาล้วงมือเข้าไปในถุงเก็บของของตัวเองแล้วคลำดู ทว่ากลับไม่ได้ล้วงเอาอะไรออกมา เพียงแต่รักษาท่าทีเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ สายตาของชายหนุ่มมองไปที่ดอกไม้ช่อหนึ่งในสวนนิ่ง ๆ จนเหม่อลอย
“ท่านพ่อ”
เมื่อเห็นว่าบิดาของตัวเองทำท่าล้วงโดยไม่ได้ใส่ใจจริงจัง ไป๋ซวี่เซียงจึงทำปากมุ่ยไม่สบอารมณ์
ทว่าในชั่วขณะที่นางกำลังจะรบเร้าต่อนั้น จู่ ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งโผล่มาจากข้างหลัง ช้อนรักแร้แล้วจับนางอุ้มขึ้น!
“เอาล่ะ! ซวี่เซียง อย่ารบกวนบิดาของเจ้าอีกเลย”
ถังรั่วเวยอุ้มนางขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด
“อย่างไรเสีย บิดาเจ้าก็แพ้ข้าแล้ว!”
นางมองไปที่ไป๋ชิวหรานด้วยท่าทีลำพองใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความทะนงของผู้กำชัยชนะ
และที่หน้าอกของนาง… ดูเหมือนว่านางจะคว้าความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่มาครอบครองได้สำเร็จ!
ไป๋ซวี่เซียงซุกหน้าของตัวเองซบกับอกของถังรั่วเวยแต่โดยดี ไม่ขัดขืนอีกต่อไป กลับมาคราวนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางไม่รู้สึกว่าแผ่นอกของถังรั่วเวยแข็งกระด้าง แต่ให้ความรู้สึกราวกับเบาะอันนุ่มนิ่มเหมือนเซียงเสวี่ยผู้เป็นมารดา เด็กน้อยจึงไม่ขัดขืนอีกต่อไป
เดิมทีถังรั่วเวยก็เป็นที่ชื่นชอบของซวี่เซียงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อก่อนเขาเคยซื้อของมาฝากนางอยู่ไม่น้อย และยังตามใจนางทุกอย่างอีกด้วย
อาจเป็นเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาแห่งความลำพองใจของถังรั่วเวย ไป๋ชิวหรานจึงได้สติ หันมองดูศิษย์ของตัวเองด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้
“หึ! ถือดีอย่างไรมาแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อหน้าข้า?”
“ใช่! ข้าด้อยกว่าท่าน… ด้อยกว่ามากด้วย”
ถังรั่วเวยใช้นิ้วชี้แคะเล็บหัวแม่โป้งของตัวเอง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่เดิมพันของพวกเรา ไม่ได้แข่งกันว่าใครด้อยกว่าสักหน่อย… อาจารย์ ข้าขอบคุณท่านมากที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยข้าบรรลุความใฝ่ฝัน แต่ข้าเองก็พยายามเหมือนกัน!”
เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยหลบซ่อนอยู่ในโลกวัตถุที่อยู่ลึกเข้าไปในเขตแดนจิตสำนึก เพื่อกระทำการแลกเปลี่ยนพลังครั้งที่สองอย่างสุดกำลังแล้วจริง ๆ
ภายใต้การรักษาของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน การพานางบรรลุขั้นที่สี่สิบเก้าไม่ถือว่าเป็นเรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้น ทุก ๆ วันถังรั่วเวยขยันฝึกซ้อมด้วยความมุมานะอยู่ในขอบเขตการบรรลุตั้งนานแล้ว เพียงแค่ต้องการโอกาสอันเหมาะสมเพื่อบรรลุเท่านั้น
ด้วยเหตุอันเหมาะสมนี้และการกระตุ้นพลังของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน ถังรั่วเวยจึงบรรลุได้สำเร็จ และได้รับพลังเปลี่ยนร่างได้อย่างอิสระตามต้องการ!
นางไม่เพียงแต่สมความปรารถนาอันยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังได้รับพลังที่น่ากลัวมาอีกด้วย!
เดิมทีพลังสายโลหิตของถังรั่วเวยจำกัดอยู่เพียงแค่กระดูกทรวงอกของนางเท่านั้น กระดูกทรวงอกของนางสามารถงอกขยายครอบคลุมด้านนอกอวัยวะภายในเพื่อปกป้องอวัยวะกับคฤหาสน์ม่วง
ทว่า… ด้วยผลของวิชาหลอมสร้างกาย กระดูกทรวงอกนี้ถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นอีก ภายใต้การขัดเกลาจากผู้ฝึกตนทั้งหลายอย่างไป๋ชิวหรานกับเจียงหลานอย่างไม่สิ้นสุด พลังความสามารถในการป้องกันของกระดูกทรวงอกในตอนนี้ของนางสูงจนใครเห็นเป็นต้องกลัว ทั้งยังมีความสามารถพลังพิเศษ และศาสตร์ต่าง ๆ อีกด้วย
ทว่าผลข้างเคียงของการทำเช่นนี้… ก็คือเป็นไปได้มากว่าถังรั่วเวยอาจจะหน้าอกไม่โตไปตลอดชีวิต!?
แต่หลังจากที่วิชาหลอมสร้างกายเข้าสู่ขั้นที่ห้าสิบไปแล้ว ถังรั่วเวยสามารถขยายกระดูกทรวงอกให้ครอบคลุมไปทั่วร่างได้ทีละน้อย อีกทั้งจะไม่เกิดผลข้างเคียงแบบก่อนหน้านี้อีกด้วย
ตอนนี้… นางจึงได้ทรวดทรงงดงามตามแบบที่ตัวเองใฝ่ฝันไว้ หลังจากกลับมาก็รีบตรงไปโอ้อวดกับครอบครัวที่รัฐซ่างเสวียนในทันที
ส่วนไป๋ชิวหรานไม่ได้โชคดีถึงเพียงนั้น แม้ถังรั่วเวยผู้มีอาจารย์อสูรที่แกร่งกว่าอาจารย์ของตนอยู่บ้างก็ตาม แต่คฤหาสน์ม่วงของเขานั้นแกร่งจนเกินไป เมื่อใช้พลังอาจารย์อสูรของถังรั่วเวยกับตัวเขา… กลับไม่ได้รับผลตามที่คาดคิดเอาไว้
พลังโพธิสัตว์เสริมอกของถังรั่วเวยนั้นยิ่งใหญ่มาก มีผลต่อพลังตามแนวคิดโดยตรง ด้วยเหตุนี้ไป๋ชิวหรานจึงเสนอให้นางปลดปล่อยพลังสู่แนวคิด ‘สัดส่วนพลังปราณแก่นแท้กับพลังวิญญาณที่แท้จริง’
ครั้งแรกสุด เมื่อพลังมหึมาของถังรั่วเวยแผ่นขยายอยู่บนพลังปราณแก่นแท้ภายในร่างของเขา ทำให้พลังปราณแก่นแท้ในร่างของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว! ด้วยผลของพลัง สัดส่วนของพลังปราณแก่นแท้ภายในตัวไป๋ชิวหรานเริ่มขยายใหญ่ สัดส่วนของพลังปราณแก่นแท้สูงขึ้นทีละน้อยจากเจ็ดส่วนเพิ่มเป็นแปด และเก้าส่วน!
ทว่า… อาจเป็นเพราะมุทะลุจนเกินไป ขณะที่พลังปราณแก่นแท้ในร่างของเขากำลังจะแปรเปลี่ยน ทันใดนั้นทั้งร้อยทวารในตัวเขาก็เปิดออก และดูดซับพลังไร้ขอบเขตในโลกวัตถุในความว่างเปล่าด้วยความบ้าคลั่ง พลังปราณแก่นแท้ในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจ
ไม่ต่างจากการที่พลังมหึมาของถังรั่วเวยได้รับการยกเว้นจากกระดูกทรวงอกของตัวเอง ในฐานะที่ไป๋ชิวหรานเป็นผู้สร้างวิชาหลอมสร้างกายและฝึกวิชานี้ อีกทั้งยังอยู่ในขั้นที่สูงมากเสียด้วย ร่างของเขามองว่าพลังของถังรั่วเวยเป็นภัยคุกคามประเภทหนึ่ง
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจ ร่างของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยปฏิเสธพลังของถังรั่วเวยด้วยตัวมันเอง อีกทั้งเป็นเพราะคฤหาสน์ม่วงได้รับการกระตุ้น ดังนั้นเขตแดนที่เขาไม่ได้บรรลุมานานมากแล้ว จู่ ๆ ก็ได้บรรลุขึ้นอีกครั้ง
พลังวิญญาณที่แท้จริงในร่างของเขาพุ่งกระฉูด ถึงแม้พลังปราณแก่นแท้จะเติบโตตามไปด้วย ทว่ายังช้ากว่าพลังวิญญาณที่แท้จริงมาก เมื่อการบรรลุจบสิ้นลง สัดส่วนพลังวิญญาณที่แท้จริงกับพลังปราณแก่นแท้ในร่างของเขาก็กลับมาอยู่ที่ประมาณเจ็ดส่วนอีกครั้ง
“แต่ตอนที่ท่านบรรลุขั้น เหตุใดพลังวิญญาณที่แท้จริงถึงได้ขยายเร็วกว่าพลังปราณแก่นแท้มากถึงเพียงนั้น?”
ถังรั่วเวยอุ้มไป๋ซวี่เซียงไว้ในอ้อมอก นั่งลงบนเก้าอี้หวายที่อยู่ข้างกายไป๋ชิวหราน
“เป็นเพราะความตั้งใจนั้นถูกชะตาลิขิต อันที่จริงขั้นของท่านยังอยู่ในขั้นกลั่นลมปราณเช่นนั้นรึ?”
“เหลวไหล!”
ไป๋ชิวหรานตบโต๊ะที่อยู่ข้างตัวหนึ่งฉาด ยากจะระงับความโกรธไว้ได้
“ข้าอยู่ในขั้นสร้างรากฐานเสมือน! หากจะบรรลุ ก็ต้องบรรลุจากขั้นสร้างรากฐานเสมือนขั้นที่หนึ่ง ไปถึงขั้นสร้างรากฐานเสมือนขั้นที่สองสิ!”
“เหตุใดท่านจึงนับหนึ่งสองสามสี่ ควรจะเป็นระยะต้น กลาง และท้าย… คงไม่ใช่เพราะว่าไม่มั่นใจใช่ไหมว่าจะถึงคอขวดเมื่อไหร่?”
ถังรั่วเวยบ่นเบา ๆ
“ฮะ?”
ไป๋ชิวหรานเบิกตากว้าง ถังรั่วเวยยิ้มแห้ง แล้วรีบหันหน้าไปทางอื่น
“ท่านพ่อ”
ไป๋ซวี่เซียงอมนิ้วพลางถามขึ้น
“ท่านพ่อเป็นอะไรหรือ?”
“อะแฮ่ม ๆ!”
ไป๋ชิวหรานแสร้งทำเป็นไอขึ้นมาสองที… ในใจคิดว่า ‘แย่แล้ว’
เมื่อสักครู่ฉุนจัดจนลืมไปเลยว่าลูกสาวของตัวเองก็อยู่ด้วย ตอนนี้ไปไม่ถูกเสียแล้ว
“บิดาของเจ้าหมายถึงคอไก่”
ถังรั่วเวยพูดแก้ต่างแทน
“อ๋อ… คอไก่! อร้อย… อร่อย ข้าชอบกินคอไก่พะโล้ที่อาจารย์ยายทำ”
ไป๋ซวี่เซียงพูดด้วยความดีใจ
นางนึกอยากกิน รีบกระโดดลงมาจากตักของถังรั่วเวย แล้วหายวับเข้าไปในห้อง ไป๋ชิวหรานกับถังรั่วเวยได้ยินเสียงนางรบเร้าหลีจิ่นเหยาทำคอไก่ให้นางกิน
“ท่านอาจารย์ ถือว่าท่านติดค้างข้า”
ถังรั่วเวยกล่าวกับไป๋ชิวหราน
“รวมถึงเดิมพันของพวกเราด้วย อย่าได้ลืม”