ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 475 กองทัพหุ่นกล

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 475 กองทัพหุ่นกล

บทที่ 475 กองทัพหุ่นกล

ครั้นเห็นหุ่นกลท่าทางคล้ายกับรูปปั้นกลุ่มนี้แล้ว ไป๋ชิวหรานพลันนึกถึงอาจารย์อสูร ณ แดนยมโลกขึ้นมา มันมีลักษณะคล้ายกับตัวเขาและบุตรสาว หลังจากที่ให้กำเนิดไป๋ซวี่เซียง บางครั้งอาจารย์อสูรจะส่งร่างสองร่างที่แยกออกมาของตนเองมาเป็นคู่เล่นของไป๋ซวี่เซียงในฐานะพี่สาว

ทว่าร่างที่อาจารย์อสูรใช้นั้นก็เป็นเหมือนกับหุ่นกลเหล่านี้

กองทัพหุ่นกลนี้ยืนยันทิศทางการหลบหนีของอสูรจากกองทัพอสูรแห่งความปรารถนาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นพวกมันก็เริ่มไล่ฆ่า

“กองกำลังแห่งฟากฟ้าไล่ตามต่อไป”

มือซ้ายของหุ่นกลตนหนึ่งถือกระบี่ใหญ่สีทอง มือขวาถือคบเพลิง หุ่นกลสูงใหญ่ที่ดูแล้วคล้ายกับผู้บัญชาการหุ่นกลกลุ่มนี้เป็นผู้ออกคำสั่ง

เหล่าหุ่นกลอื่น ๆ ก็เริ่มปฏิบัติการในทันใด สองข้างของกองทัพมีหุ่นกลแยกออกไปทางซ้ายและขวา ล้อเล็ก ๆ คู่หนึ่งผลุบออกมาจากใต้เท้าของพวกเขา เคลื่อนที่ไถลไปเหมือนเกวียน บนล้อมีอักษรสัญลักษณ์ปรากฏ และหมุนเคลื่อนที่ไม่หยุดยั้ง ถัดจากนั้นความเร็วของหุ่นกลเหล่านี้ก็เพิ่มสูงขึ้นในทันใดจนกลายเป็นลำแสง …และอ้อมไปอยู่ตรงหน้าอสูร!

ส่วนหุ่นกลที่เหลือเรียงตัวหน้ากระดานเป็นแนวตรง ถือคทาสยบมารด้ามยาวไว้ในมือ

ส่วนหน้าของคทาสยบมารปรากฏให้เห็นสัญลักษณ์แสงสีทองเปล่งประกาย บนแขนขาทั้งสี่ของพวกหุ่นกลมีสัญลักษณ์หนึ่งปรากฏขึ้น มันส่องประกายเจิดจ้าออกมา

“จัดกระบวนทัพ!”

เหล่าหุ่นกลคำราม

“โจมตี!”

สัญลักษณ์นั้นยิ่งเปล่งแสงเจิดจรัสกว่าเดิม ส่วนหน้าของคทายาวในมือของพวกมันมีแสงแหลมคมโผล่ออกมาจากปลายจนกลายเป็นหอกแสง ด้านหลังของพวกมันเปล่งแสงสีทองออกมาเพื่อผลักดันให้พวกมันบินตรงไปข้างหน้า ระหว่างหัวคิ้วของมันก็มีสัญลักษณ์ในแบบเดียวกันปรากฏออกมา

“นี่มัน…”

ไป๋ชิวหรานอดเอ่ยออกมาไม่ได้

“นี่มันสัญลักษณ์ของซู่หัวไม่ใช่รึ?”

หลังจากจัดกระบวนทัพแล้ว ภายใต้การนำของผู้บัญชาการมือถือกระบี่และคบเพลิง หุ่นกลเหล่านี้ก็กรูเข้าไปฆ่าพวกอสูร ทว่า ‘กองกำลังแห่งฟากฟ้า’ ที่อ้อมไปด้านหน้าเพื่อทำการจับก็บุกโจมตีเหล่าอสูรเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ดูจากขนาดรูปร่างเทียบกับอสูรแล้ว พวกเขายังแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ทว่าอานุภาพของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าอสูรจากกองทัพอสูรแห่งความปรารถนาเลยแม้แต่น้อย

เหล่ากองกำลังแห่งฟากฟ้าสำแดงกระบวนหอกอันงดงามไม่มีใครเกินออกมา ทิ่มแทงอสูรจนเป็นรูพรุน ส่วนสองมือของกองกำลังแห่งฟากฟ้าที่อ้อมไปอยู่ข้างหลังมีล้อวิเศษคู่หนึ่งผุดขึ้นมา

ถึงแม้เหล่ากองกำลังแห่งฟากฟ้ากับกองกำลังแห่งฟากฟ้าทั้งหลายจะดูคล้ายทหารชั้นต่ำ ทว่าก่อนที่จะมีการลงมือกลับสำแดงอานุภาพในแบบที่เทียบกับผู้แกร่งกล้าขั้นแยกวิญญาณ ส่วนผู้บัญชาการที่ถือกระบี่นั้น มีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นมหายาน ภายใต้การช่วยเหลือของสัญลักษณ์ ไม่แน่ว่าอาจจะมีพลังมากยิ่งกว่าร่างแท้ของถังรั่วเวย

หุ่นกลเหล่านี้โอบล้อมอสูรไม่กี่ตัว ซึ่งอันที่จริงพลังของอสูรเหล่านี้ก็ไม่ได้ด้อยกว่า ในฐานะที่พวกมันเป็นอสูรระดับกลาง เดิมทีพวกมันมีพลังด้อยกว่าผู้บัญชาการของตนอย่างผู้ทรงเกียรติเว่ยอวี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น… ทว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บ!

ขณะเดียวกันก็มาเจอหุ่นกลเหล่านี้ดักโจมตีข้างหลังจนกลัวไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ต่อให้เผชิญหน้ากับกองทัพหุ่นกลที่มีกำลังด้อยกว่า อสูรกลุ่มนี้ก็ยังคงถูกไล่ล่าหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนหนูอยู่ดี

ฝั่งหนึ่งรุกรับมีจังหวะดี มีระเบียบเคร่งครัด และจัดกระบวนรับศัตรูได้ไร้ที่ติ อีกทั้งยังประสานงานไร้ช่องโหว่ ส่วนฝั่งหนึ่งรุกรับล้วนเสียรูปกระบวน หมดกำลังใจจะต่อสู้ และคิดแต่จะถอยหนี ด้วยเหตุนี้… ไม่นานนัก เหล่าอสูรจึงพ่ายแพ้พร้อมเกิดการบาดเจ็บล้มตาย

“โอ้ โอ้ โอ้…”

ในที่สุดท่าทีแห่งความสิ้นหวังก็กระตุ้นอสูรขึ้นมาจนได้! พวกมันแสดงความดุดัน และขัดขืนสุดกำลัง ตบแก้มตนเองเสียงดังเรียกกำลังใจ ปากใหญ่ฉีกทึ้ง ไม่นานนัก… กองกำลังแห่งฟากฟ้าที่เข้ามาใกล้ก็ถูกตีแตก!

เมื่อหุ่นกลเหล่านั้นถูกโจมตีจนร่างแตกกระจาย ผิวนอกก็เริ่มปริร้าว เผยให้เห็นโครงสร้างเครื่องจักรกลไกที่ซับซ้อนด้านใน

“เป็นหุ่นจริง ๆ ด้วย!”

ไป๋ชิวหรานกล่าวคำ

“แต่มันกลับดูเหมือนว่าหุ่นกลเหล่านี้มีความคิดเป็นของตัวเอง นี่มันอย่างไรกัน?”

หลังจากหุ่นกลกองกำลังแห่งฟากฟ้าเหล่านี้ถูกตีจนกระจุยแล้ว ก็ยังไม่มีความหวาดหวั่นยำเกรง ยังคงท่องคำสั่งสุดท้ายซ้ำ ๆ ด้วยความสงบ

“ยืนยัน… ตัวเครื่องได้รับความเสียหายรุนแรง เกินกว่าสามารถซ่อมบำรุง กลไกทำลายตัวเองทำงาน”

พลังงานในตัวพวกมันหายไป และพ่นควันสีขาวความร้อนสูงออกมาจากส่วนปากและส่วนหู จากนั้นทรวงอกของหุ่นกลเหล่านี้ก็เปิดออก เผยให้เห็นชิ้นส่วนหยิบย่อยภายในที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงกับส่วนท้องที่ว่างเปล่าของพวกมัน

ตรงนั้นมีช่องว่างเล็ก ๆ ใจกลางช่องว่างมีเงาของคนคนหนึ่ง

“อะไรนะ!? คฤหาสน์ม่วง!? ปฐมวิญญาณ!?”

ไป๋ชิวหรานกระโดดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้คนขับ แนบหน้าติดกับหน้าต่างแสดงผล จ้องดูหุ่นกลเหล่านั้นใจจดใจจ่อ

“จบกัน”

ถังรั่วเวยกล่าวด้วยอาการตื่นตะลึง

“การบำเพ็ญของปรมาจารย์… เจอหุ่นกลล้ำหน้าเข้าแล้ว!”

หุ่นกลเหล่านั้นกำลังเปิดทรวงอก หลังจากที่เผยให้เห็นคฤหาสน์ม่วงแล้ว ปฐมวิญญาณที่อยู่ในคฤหาสน์ม่วงก็เริ่มส่งประกายแสงที่สว่างเจิดจ้ายิ่งขึ้นออกมา ร่างของพวกมันก็เพิ่มความเร็วอย่างเต็มพิกัด พุ่งตรงไปยังอสูรที่กำลังต่อต้านกลุ่มนั้น

“ระบบทำลายปฐมวิญญาณตัวเองทำงาน!”

ตูม!

พลังงานอันยิ่งใหญ่ระเบิดออก อสูรที่อยู่ละแวกใกล้ ๆ กลายเป็นระเบิดดวงแล้วดวงเล่า

ถึงแม้จะเป็นการทำลายปฐมวิญญาณตัวเองของผู้ฝึกตนขั้นปฐมวิญญาณ ก็ไม่อาจเพิกเฉยได้ แม้กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นผสานร่างยังต้องถอย ทว่าหุ่นกลกลุ่มนี้ล้วนอยู่ในขั้นแยกวิญญาณด้วยกันทั้งสิ้น คลื่นแรงระเบิดฉีกร่างของพวกอสูร! ท่ามกลางเสียงโอดร้องคร่ำครวญ พวกมันต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นกองกำลังแห่งฟากฟ้าก็ร่วมมือกันฉีกอสูรที่หายใจพะงาบ ๆ เหล่านี้จนกลายเป็นผุยผง

หลังจากที่ฉีกอสูรจนไม่เหลือซากแล้ว ผู้บัญชาการถือกระบี่กับคบเพลิงนั้นก็ชูคบเพลิงซึ่งทำจากโลหะในมือตัวเองขึ้นสูง สัญลักษณ์ลึกล้ำบนคบเพลิงสว่างขึ้น เปล่งประกายส่องสว่าง จากนั้นพลังจิตสำนึกและความคิดที่หลงเหลือหลังจากถูกฉีกเป็นชิ้นของอสูรเหล่านั้นก็ถูกคบเพลิงดวงนี้ดูดซับไปจนหมด กลายเป็นดวงไฟริบหรี่ของไส้คบเพลิง

“กวาดเก็บสมรภูมิเรียบร้อย ข้อมูลความเสียหายและการต่อสู้…บันทึกเรียบร้อย ย้อนกลับศูนย์บัญชาการ!”

หุ่นกลถือกระบี่กับคบเพลิงออกคำสั่งไปยังหุ่นกลอื่น ๆ จากนั้นเหล่าหุ่นกลที่คล้ายกับหุ่นกลเหล่านี้ก็จัดกระบวน เดินทางออกจากที่ตรงนี้ บินตรงไปยังรอยแยกที่ไกลออกไป

“ตามไปดู”

ไป๋ชิวหรานควบคุมเรือให้เดินหน้า

“หุ่นกลกลุ่มนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับซู่หัวอย่างแน่นอน ตอนนั้นเขาประดิษฐ์ของพรรค์ไหนโยนไปยังอีกฝั่งกันแน่?”

ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ของเขาได้ ตอนนั้นโหลวเยว่หมิงไม่ได้ตามซู่หัวไป แต่เมื่อจักรพรรดิซู่หัวกลับมาก็เหลือลมหายใจเพียงแค่เฮือกสุดท้ายแล้ว และไม่ได้บอกนางด้วยว่าที่แท้ตัวเองประดิษฐ์ของอะไรเอาไว้

ส่วนจักรพรรดิซู่หัวผู้รู้ความทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว วิญญาณกลับสถิตย์อยู่ในท้องภรรยาของตัวเองเป็นเวลาหลายหมื่นปี ความทรงจำอันน้อยนิดนั้นจึงถูกลบเลือนไปหมดแล้ว ต่อให้ไปถามเขาผู้ที่กลับชาติมาเกิดก็ไม่อาจจะรู้ได้

ตอนนี้มีเพียงต้องตามไปดูด้วยตาตัวเองเท่านั้น… จึงสามารถรู้ได้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่!

กองทัพหุ่นกลพุ่งทะยานออกไปเป็นแนว เรือเล็กตามติดอยู่ด้านหลังไม่ห่าง บินมาได้ประมาณสองสามวัน พวกของไป๋ชิวหรานก็เข้าสู่เขตแดนแห่งหนึ่งที่เข้าใกล้รอยแยกของแผงกั้นความนึกคิด

โลกวัตถุสิบกว่าแห่งในนี้ถูกเครือข่ายธรรมของดินแดนแห่งความตระหนักรู้เชื่อมโยงกลายเป็นวงแหวนผูกร้อยโลกวัตถุ ลักษณะคล้ายกับวงแหวนผูกร้อยจุดสำคัญของแดนเซียน

ทว่าใจกลางของวงแหวนที่ผูกร้อยโลกวัตถุนี้… กลับเป็นสมรภูมิรบที่ดุเดือดดุจดังไฟบรรลัยกัลป์!!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท